17 ก.ค. 2022 เวลา 00:43 • ไลฟ์สไตล์
การเขียนอีเมลถึงบริษัทจัดหาล่ามแบบมีประสิทธิภาพ
การเขียนอีเมลถึงบริษัทจัดหาล่ามแบบมีประสิทธิภาพ
บทความนี้อาจเป็นประโยชน์ ไม่เพียงเฉพาะกับล่าม หรือนักแปลอิสระ แต่สำหรับคนที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ทั่วๆ ไป ก็สามารถใช้เป็นแนวทางในการเขียนอีเมลหางานได้
ลองคิดดูว่าบริษัทจัดหาล่าม คงจะได้รับอีเมลนำเสนอบริการจากนักแปลภาษาทุกวัน บางอีเมลน่าสนใจ แต่บางอีเมลก็ไม่น่าสนใจ ข้อแตกต่างคืออะไร แล้วแบบไหนถึงจะเป็นอีเมลที่ “ต้องเปิดอ่าน” เรามาดูกันว่า เราควรทำอย่างไรเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่านผู้มีอำนาจในการตัดสินใจได้โดยตรง
ทำให้ง่ายสำหรับผู้อ่านอีเมล
หลายๆ ครั้ง ผู้ที่อ่านอีเมลของคุณ อาจมีอีเมลอีกมากมายที่นอนรออยู่ในกล่อง inbox เช่นอีเมลจาก ผู้ให้บริการ, ผู้ที่กำลังจะเป็นลูกค้า, ลูกค้าที่ต้องการสั่งงาน, นักแปลปัจจุบัน และแน่นอนจากนักแปลที่กำลังหางานอยู่ด้วย วิธีการที่จะจัดการกับอีเมลมากมายนั้นส่วนใหญ่คือ การสแกนหาข้อมูลที่ต้องการ ดังนั้นคุณควรจะทำให้อีเมลของคุณเรียบง่ายและตรงไปตรงมามากที่สุด อย่างไรดี?
ส่วนหัวข้อ : ใส่รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มากที่สุด
หัวข้ออีเมลเป็นโอกาสแรกที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน หลายคนใส่หัวข้อว่า “สมัครแปลภาษา” ทำให้รู้แค่ว่าเป็นนักแปลกำลังหางาน บางคนใส่ว่า บริการแปล อังกฤษ-สเปน ซึ่งมันก็ดีกว่า เพราะทำให้รู้ภาษาที่แปล ถ้าหากคุณใส่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น แล้วมันช่วยให้ผู้อ่านรู้ความต้องการของคุณล่ะ?
ตัวอย่างหัวข้อ
การแพทย์ สเปน - อังกฤษ นักแปลเจ้าของภาษา - เรทเริ่มต้น xx/บาท/คำ
  • ความเชี่ยวชาญ และความแตกต่าง
หากคุณต้องการความโดดเด่น สิ่งแรกที่ควรทำคือการใส่ความพิเศษของคุณ ถ้าคุณเป็นนักแปลด้านการแพทย์, กฏหมาย หรือทางเทคนิค ก็ควรระบุไว้ในหัวข้อด้วย หากคุณได้รับการรับรอง คุณสามารถใส่ไปด้วยก็ได้ หากคุณมีเอกสารที่บ่งบอกระยะเวลาและประสบการณ์ทำงานด้วย ก็ควรใส่ว่า “มีประสบการณ์” หรือหากคุณมีแหล่งอ้างอิง ที่สามารถยืนยันได้ว่าคุณเป็นนักแปลที่มีคุณภาพสูง และน่าเชื่อถือ ก็สามารถระบุคำเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามความคำนึงไว้ว่ามันจะดูน่าเชื่อถือมากกว่าถ้าคุณมีข้อมูลอ้างอิงด้วย
  • คู่ภาษา
คู่ภาษาของคุณสำคัญอย่างมาก คุณอาจจะเป็นหรือไม่เป็นที่ต้องการของผู้อ่านก็ได้ แต่การระบุคู่ภาษาจะทำให้คุณโดดเด่นสำหรับคนที่ต้องการใช้ภาษานั้นในทันที
  • ภาษาแม่
ระบุว่าคุณเป็นเจ้าของภาษาให้เร็วที่สุด บางคนบอกว่าพวกเขาแปลได้หลายภาษา ซึ่งบางภาษาไม่ใช่ภาษาแม่ของเขาด้วยซ้ำ การที่ระบุการเป็นเจ้าของภาษาในทันที มันคือการสื่อสารว่าคุณเป็นนักแปลที่มีประสบการณ์และเข้าใจธุรกิจนี้จริงๆ หากคุณเคยอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานาน และสามารถที่จะแปลได้ทั้งสองทาง ให้ระบุมันลงไปในอีเมลด้วย มันจะช่วยได้มาก
  • อัตราค่าบริการ
หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับการใส่อัตราค่าบริการลงในอีเมล อาจจะรู้สึกว่าถ้าให้ราคาไปแล้ว อาจจะถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติจากคนที่กำลังหาราคาที่ถูกกว่า แนะนำว่าควรตั้งเป็นช่วงราคา อย่างเช่น ตั้งราคาต่ำสุดไว้สำหรับเนื้อหาที่ไม่ใช่เชิงเทคนิค และตั้งราคาแบบพรีเมี่ยมไว้สำหรับเนื้อหาด้านเทคนิคเฉพาะทาง หรือเอกสารอื่นๆ ที่อาจต้องใช้เวลาในการทำเพิ่มขึ้น เป็นต้น สามารถใช้เป็นแนวทางด้านราคากับคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงควบคุมอัตราค่าบริการของคุณไว้ เพื่อการประมาณการที่เป็นรูปธรรม
ตัวอย่างหัวข้อ : การแพทย์ สเปน-อังกฤษ นักแปลเจ้าของภาษา-ราคาเริ่มต้น xx/บาท/คำ
สังเกตุคำว่า “เริ่มต้น” ในภาษาการตลาดนั้น คำว่า “เริ่มต้น” เป็นการสื่อสารว่านั่นคืออัตราค่าบริการต่ำสุดของคุณ สำหรับสินค้า หรือบริการขั้นพื้นฐาน แต่ก็บอกเป็นนัยว่า มีอัตราค่าบริการที่สูงกว่าสำหรับสินค้าที่มีความซับซ้อนกว่า นักการตลาดใช้วิธีนี้เสมอ ซึ่งคุณก็ทำได้เช่นกัน อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่หัวข้อที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อ่านเท่านั้น ซึ่งคุณสามารถทำให้ชัดเจนมากขึ้นในส่วนของเนื้อความอีเมล
ในส่วนของเนื้อความของอีเมล ขอมาต่อตอนหน้านะคะ ถ้าคิดว่าบทความแบบนี้มีประโยชน์ ฝากกดติดตาม, กดไลค์, กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ
อ้างอิง: บทความเรื่อง "Effective emails to translation agencies" เขียนโดย คุณ Ed Garcia จาก worktranslating.com แหล่งที่มา https://marketingtipsfortranslators.com/prepare-effective-email-offer-translation-services/
โฆษณา