17 ก.ค. 2022 เวลา 13:28 • สิ่งแวดล้อม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบ พระธรรมในธรรมชาติ จึงบังเกิดเป็นพระพุทธศาสนาในกาลต่อมา
ธรรมะ มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เป็นกฎธรรมชาติ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงบัญญัติ หรือสร้างขึ้นใหม่
เพียงแต่พระองค์ทรงฝึกฝนอบรมตนจนตรัสรู้แจ้งในธรรมชาติ แล้วจึงนำมาเผยแพร่ให้แก่หมู่ชนที่ยังวนเวียนอยู่ใน “ทุกข์” ให้ได้เจริญรอยตามบนหนทางแห่งการ “ดับทุกข์” และ “เป็นสุข”
เพื่อกระทำหน้าที่ที่ถูกต้องครั้งหนึ่งของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นชาวพุทธที่พบพระพุทธศาสนา
พุทธศาสนา เป็นศาสนาของผู้รู้แจ้ง
เป็นศาสนาที่เชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ว่า
ทุกคนสามารถพัฒนาจิตใจไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อมได้ ด้วยความเพียรของตน
หลักธรรมคำสอนจึงมุ่งสอนให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงในโลกด้วยปัญญา และอยู่กับความทุกข์อย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
โดยมีวัตถุประสงค์สูงสุด คือ การหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง จากวัฏจักรเวียนว่ายตายเกิด เฉกเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงหลุดพ้นได้ ด้วยกำลังสติปัญญาและความเพียร
ซึ่งผู้หลุดพ้นในฐานะของมนุษย์ปุถุชน มิใช่เทพเจ้า หรือทูตของพระองค์ใด
พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งการกระทำ
เป็นศาสนาแห่งความเพียรพยายาม
ไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอนปรารถนา
หรือศาสนาแห่งความห่วงหวังกังวล
การสั่งสอนธรรมของพระพุทธเจ้า ทรงมุ่งผลในทางปฏิบัติ
ให้ทุกคนจัดการกับชีวิตที่เป็นอยู่จริงๆ ในโลกนี้ และเริ่มแต่บัดนี้
จากส่วนหนึ่งของหนังสือ “ตามรอยพุทธธรรม”
พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต)
ส่วนตัวมองว่า “นิพพาน” คือสภาวะที่มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์ จากกิเลสและอารมณ์ปรุงแต่งทั้งปวง จนสามารถละวางอัตตาตัวตนทั้งหมดลง และสามารถก้าวข้ามวัฏจักรเกิด แก่ เจ็บ ตาย แบบไม่รู้จบออกไปได้ และไม่มีการเกิด ไม่มีการตายอีกต่อไปค่ะ
โฆษณา