18 ก.ค. 2022 เวลา 12:54 • กีฬา
อย่าหลงเชื่อง่ายๆ เพียงเพราะใครบอกมา นี่คือเรื่องราวเฟกนิวส์ เกี่ยวกับดาร์วิน นูนเยซ ที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อวานนี้ วิเคราะห์บอลจริงจังจะอธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เดือนมิถุนายนปี 2018 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาซื้อ เฟร็ด กองกลางชาวบราซิล จากสโมสรชัคตาร์ โดเน็ตส์ ในยูเครน ด้วยราคา 52 ล้านปอนด์ (64 ล้านยูโร)
หลังจากเซ็นสัญญาได้ราวๆ 3 เดือน ปรากฏว่าเฟร็ดก็เล่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนโดนวิจารณ์ว่า ที่แมนฯ ยูไนเต็ดจ่ายไปตั้ง 64 ล้านยูโร มันดูจะแพงเกินจริงไปนิดนึง
1 พฤศจิกายน 2018 ทวิตเตอร์แอคเคาน์ @TheKopHQ ได้ลงบทสัมภาษณ์ของเปาโล ฟอนเซก้า ผู้จัดการทีมชัคตาร์ โดเน็ตส์ ที่กล่าวว่า "ตอนเราได้ยินว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสนใจเฟร็ด เราคาดหวังว่าจะได้เงินราวๆ 20-25 ล้านยูโร เพราะเฟร็ดมีผลงานที่แย่ทีเดียวในซีซั่นที่ผ่านมา"
"แต่ 2 วันหลังจากนั้น เราได้รับข้อเสนออย่างเป็นทางการจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นมาให้ 60 ล้านยูโร ทั้งห้องประชุมของเราระเบิดเสียงหัวเราะกันดังลั่น แต่ผมบอกผู้ช่วยว่า ลองแฟ็กซ์กลับไปถามซิ ว่าเราต้องการ 64 ล้านยูโร แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ข้อเสนอใหม่จากแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาถึง ด้วยตัวเลข 64 ล้านยูโรจริงๆ"
2
"ผมจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดีเลยว่ามันสะใจมากจริงๆ เพราะเรายังมีนักเตะที่ดีกว่าเฟร็ด ในทีมเยาวชนของเราด้วยซ้ำ ผมเลยบอกให้ผู้ช่วยไปหยิบขวดแชมเปญออกมาฉลองกันหน่อย เพราะเราเหมือนถูกล็อตเตอรี่ชัดๆ"
ถ้าใครใช้คอมม่อนเซนส์ ก็พอจะรู้ว่า เป็นไปไม่ได้หรอก ที่คนระดับผู้จัดการทีมจะพูดแบบนั้นออกไป เพราะมันเป็นการเหยียดหยามฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างรุนแรง รวมถึงดูหมิ่นนักเตะด้วย ที่สำคัญ พูดแบบนี้แล้วต่อไป จะทำมาค้าขายกันได้อย่างไรอีก
ว่ากันง่ายๆ คือ แฟนหงส์ในทวิตเตอร์ จงใจปั้น Quote คำพูดของฟอนเซก้าขึ้นมาเอง (ซึ่งไม่ได้พูดจริง) แล้วก็แชร์ฮาๆ ในทวิตเตอร์ เพื่อแซวแมนฯ ยูไนเต็ดนั่นแหละ แต่มันกลายเป็นไวรัล เพราะคนก็ขำมุกว่า คิดได้ไง
ปัญหาของเรื่องนี้คือตอนแรกมันก็รีทวีตกันขำๆ เฉยๆ แต่พอมันไวรัลขึ้น เรื่องนี้เลยกระจายไปที่แพลตฟอร์มอื่น มีคนแชร์ข่าวนี้ในเฟซบุ๊ก แม้แต่ฟอร์เวิร์ดในอีเมล์ หรือในกลุ่มวอทส์แอปก็มี
หนึ่งในคนที่โดนหลอกจากข่าวนี้ คือ เลียม เบรดี้ อดีตนักเตะของอาร์เซน่อล และ อดีตผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์ ที่มีอายุ 62 ปี คือเขาไม่เก็ตมุก คิดว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง เพราะในยุคสมัยของเขา อะไรที่นำเสนอออกมาในรูปแบบของข่าว ก็ต้องเป็นความจริงเสมอ
2
แต่ในยุคปัจจุบัน ข่าวลวง ข่าวหลอก พวก Hoax มันมีเยอะแยะไปหมด และเรื่องฟอนเซก้ากับเฟร็ดก็เป็นหนึ่งในนั้น การเขียนถ้อยคำใดๆ ทำเป็นเหมือนว่า เป็นข่าวจริง แต่ความจริงเป็นข่าวปลอม
1
เลียม เบรดี้ ส่งแชทไปหา เอม่อน ดันฟี่ อดีตกองกลางทีมชาติไอร์แลนด์ ที่อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขา เพื่อเล่าว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นนะ ซึ่งดันฟี่ก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ วันต่อมา ตอนดันฟี่ไปอัดพอดแคสต์คุยเรื่องกีฬา เขาก็เล่าเรื่องนี้อย่างมั่นใจต่อหน้าคนฟังทั้งประเทศ โดยคิดเองเออเอง ว่าสิ่งที่ได้ยินมาเรื่องเฟร็ด เป็นข่าวจริง
สรุปคือ ดันฟี่ และ เบรดี้ โดนแหกว่า ลุงงงง ไม่รู้เลยหรอว่า นี่มันข่าวปลอม แค่ไปสืบค้นแหล่งที่มาแป้บเดียวก็รู้แล้วว่า ไม่มีสำนักข่าวไหนลงเลยสักแห่ง ไม่มีหลักฐานอ้างอิงอะไรเลยสักอย่างเดียว มันเป็นโจ๊ก ที่แฟนหงส์เอาไว้แซะแฟนแมนฯ ยูไนเต็ดเฉยๆ
1
สองคนนั้นก็โดนแซวยับไป และมันสะท้อนให้เห็นว่า แม้ประเทศที่มีการศึกษาสูงลิ่วอย่างอังกฤษ ก็ยังมีคนอีกมาก ที่ไม่รู้เท่าทันสื่อ และพร้อมจะเชื่ออะไรเห็นโดยทันที โดยไม่แม้แต่จะพิจารณาว่า เรื่องที่ได้ยินมา มันมีแนวโน้มเป็นไปได้จริงแค่ไหน
1
4 ปีผ่านไป เมื่อวานนี้ (17 กรกฏาคม 2022) มีข่าวดัง เรื่องดาร์วิน นูนเยซ กองหน้าของลิเวอร์พูล โดยมีการแชร์ข่าวว่า เปโดร เซปัลเวด้า นักข่าวอินไซเดอร์สายโปรตุเกส ทวีตดังนี้
"ประธานสโมสรเบนฟิก้า รุย คอสต้า กล่าวถึงดีลของนูนเยซว่า 'ตอนเราได้ยินว่าลิเวอร์พูลสนใจดาร์วิน เราหวังว่าจะทำเงินราวๆ 40-45 ล้านยูโร เพราะดาร์วินมีฟอร์มที่ดีในซีซั่นที่ผ่านมา แต่อีก 2 วันต่อมา ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอทางการเข้ามาให้ที่ 80 ล้านยูโร พร้อมอ็อปชั่นเสริม ทำให้ที่ประชุมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น"
1
"ผมบอกผู้ช่วยว่า ให้ส่งแฟ็กซ์กลับไป แล้วขอเรียกเงิน 100 ล้านยูโรแทน เช้าวันต่อมา ข้อเสนอใหม่จากลิเวอร์พูลก็มาถึงที่ตัวเลข 100 ล้านยูโรจริงๆ นี่มันบ้าไปแล้ว เพราะจริงๆ เรายังมีกองหน้าที่ดีกว่าเขาอยู่ในทีมเยาวชนของเราด้วยซ้ำ ซึ่งทันทีที่การซื้อขายเกิดขึ้น ผมสั่งให้ผู้ช่วยเปิดแชมเปญฉลองทันที เพราะมันเหมือนเราถูกล็อตเตอรี่ชัดๆ"
4
ถ้าหากใครตามข่าวแต่แรก ก็จะรู้ว่า มุกนี้เคยถูกใช้มาแล้ว เมื่อ 4 ปีก่อนโดยแฟนหงส์เอามาล้อเฟร็ด คราวนี้ก็แค่แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด อยากจะเอาคืนบ้าง ก็เลยปั้นเรื่องที่มีเนื้อหาเดียวกัน เอามาแซวนูนเยซบ้าง ว่าหงส์แดงเสียค่าโง่ไปฟรีๆ
เอาจริงๆ ต่อให้ไม่เคยรู้เรื่องเฟร็ดมาก่อน ก็ควรจะวิเคราะห์ได้ ว่ามันจะไปจริงได้ไง ข้อแรกรุย คอสต้า เป็นสุภาพบุรุษจะตายไปตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะแล้ว สื่ออิตาลีเคยยกย่องเขาว่า "A True Man of the people" หรือเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ดังนั้นพฤติกรรมด่าว่าลิเวอร์พูลโง่ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
1
และข้อสอง คนเป็นประธานสโมสรจะพูดจาอะไรแบบนี้ออกมาจากปากเอาสนุกได้งั้นหรือ มันเสียหายหลายแสนนะ
เมื่อมีการสืบสาวดู ก็พอเดาได้ว่า มันเป็นข่าวที่ทวีตกันต่อๆ มา เฉยๆ ไม่มีแหล่งที่มาใดๆ แล้วที่อ้างว่ามาจาก "เปโดร" นักข่าวโปรตุเกสก็ไม่จริงเหมือนกัน คือเข้าใจได้ว่าเป็นมุกเดียวกับเฟร็ด แต่เปลี่ยนชื่อตัวละครแค่นั้นเอง
2
ถ้าเราสังเกตคือ ในต่างประเทศ ไม่มีการนำเสนอในเรื่องนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราว จะมีก็แต่ในทวิตเตอร์เฉยๆ เพราะผู้คนก็รู้อยู่แล้วว่ามัน Fake News แน่ๆ แต่ที่ไทย กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันหนาหูมาก ราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องจริง
2
นี่จะเป็นกรณีศึกษาที่ดีอีกหนึ่งอย่างให้เราได้เห็นว่า ในโลกออนไลน์ปัจจุบันนี้ คนสามารถปั้นแต่งเรื่องอะไรก็ได้ จุดประสงค์แรกสุดอาจจะแค่เอาฮา แต่บางคนที่ไม่มีทักษะในการคัดแยกข่าวสาร ก็จะหลงเชื่อเป็นเหยื่อได้ง่ายมากๆ
1
เหมือนอย่างเรื่อง Hoax มากมายที่ผ่านมา เช่น
- สโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน มาคัดตัวนักเตะเยาวชน แล้วบอกกับเด็กๆ ในเกมนั้น ว่าจะเซ็นสัญญากับผู้เล่นคนเดียวที่ยิงได้มากที่สุดในเกมนี้ ปรากฏว่าระหว่างเกม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ เพื่อนสนิทชื่อ อัลเบิร์ต ฟรานเทา ยิงได้ 2 ลูกเท่ากัน นาทีสุดท้ายฟรานเทาหลุดเดี่ยว แต่แทนที่จะยิงเอง เขากลับจ่ายให้โรนัลโด้ยิงจ่อๆ เข้าไป โรนัลโด้ก็ตกใจถามว่านายทำแบบนี้ทำไม ฟรานเทาตอบว่า 'เพราะคนที่ควรได้ไปต่อควรจะเป็นนายมากกว่า' (แน่นอน มั่วนิ่ม 100%)
7
- อัลบาโร่ โมราต้าพบรักกับแฟนบอลที่มาขอลายเซ็นข้างสนามจนแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน (ก็มั่วอีก)
- โรนัลโด้คุยกับคุณพ่อตอน 7 ขวบว่า "พ่อครับ ผมอยากมีบ้านหลังใหญ่เหมือนไมเคิล แจ๊คสัน" แต่คุณพ่อมองผมแล้วบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกลูก อยากบอกว่า ตอนนี้ผมมีบ้านใหญ่กว่าไมเคิล แจ๊คสันแล้ว แต่ผมแค่อยากให้พ่อยังมีชีวิตอยู่ แล้วได้เห็นความสำเร็จของผม (ก็แน่นอน มั่ว 100% เช่นกัน)
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นล้วนๆ ไม่มีมูลความจริงใดๆ ไม่เคยมีหลักฐานอะไรอ้างอิงทั้งนั้น แต่ถ้าบางคนที่ขาดทักษะในการแยกแยะข่าว ก็อาจหลงเชื่อได้ว่ามันเป็นจริง
1
หนึ่งในสกิลที่สำคัญที่สุดของโลกยุคปัจจุบัน คือ Media Literacy หรือการรู้เท่าทันสื่อ
2
คนทุกวัยจำเป็นมากที่ต้องเข้าใจว่า สารอะไรที่เรารับไปนั้นมันเป็นความจริงหรือไม่ มีอะไรอ้างอิงไหม และถ้าเป็นเรื่องจริง คนที่เขียนเรื่องนั้น จริงๆ แล้วมีจุดประสงค์อะไรที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง น้ำเสียง มุมมอง และทัศนคติที่แฝงอยู่คืออะไร
2
ถ้าสังคมไทยมีทักษะ เรื่อง Media Literacy มากขึ้น เห็นข่าวแล้วหยุดคิดก่อนว่ามันจริงหรือไม่จริง ก่อนที่จะแชร์ต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ไปพร้อมๆกัน ด้วย
2
กล่าวคือ เมื่อมีภูมิต้านทานต่อข่าวลวงที่แข็งแกร่ง เราก็จะเข้าใจความเป็นไปของโลกดีขึ้น และไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ เพียงแค่อีกฝ่ายบอกมา และไม่หลงเชื่อ เพียงแค่เพราะมีคนโยนข่าวอะไรก็ไม่รู้ลงในกรุ๊ปไลน์
2
ข่าวในปัจจุบัน คนที่โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินเป็นล้านๆ หรือคนที่ไปบูชาบ่อน้ำผุดศักดิ์สิทธิ์ ไปดื่มกินโดยไม่รู้ว่าเป็นน้ำส้วม สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากการขาดทักษะแยกความจริง ความลวง นั่นล่ะ
1
ดังนั้นจากประเด็นการแชร์ข่าวรุย คอสต้า กับ นูนเยซ อย่างมากมาย ก็อาจเป็นกรณีศึกษาที่ดีให้แฟนบอลได้เข้าใจว่า ในโลกนี้ข่าวเฟกใดๆ มันเยอะ คนคิดจะทำเฟกนิวส์ มีจุดประสงค์ตั้งมากมาย อาจจะแค่เอาฮา หรืออยากจะดิสเครดิตอีกฝ่ายก็ได้
1
เพราะฉะนั้น เราอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น พิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบที่สุด ว่ามันมีแนวโน้มเป็นไปได้หรือไม่
และที่สำคัญถ้าอะไรไม่ชัวร์ ก็อย่าแชร์ต่อ หยุดมันไว้ที่เรา อย่าปล่อยให้มันไปไกลกว่านี้เลยเนอะ
โฆษณา