19 ก.ค. 2022 เวลา 00:06 • ประวัติศาสตร์
รอยสักมีอายุมายาวนานกว่าที่คุณคิด!?........
รอยสักคือการเปิดผิวหนังด้วยการใช้เหล็กที่มีความแหลมจุ่มสีและเจาะลงในผิวหนัง ทำให้เกิดลวดลาย อักขระหรือเครื่องหมายต่างๆ
การสักลายเป็นที่นิยมในหมู่มนุษยชาติมาช้านาน สันนิษฐานฐานว่าการสักลายเกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี เนื่องจากมีการค้นพบหลักฐานที่เป็นมัมมี่กษัตริย์ของอียิปต์ที่มีอายุประมาณ 3,000 กว่าปี
มีรอยสักที่มีลวดลายสวยงามหลากหลายสีสันสลับกันไป จึงทำให้เชื่อว่าการสักลายมีมาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ในปี ค.ศ.1991 นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 2 คน ได้ค้นพบร่างมนุษย์เพศชายที่ถูกแช่ไว้ในน้ำแข็ง ทำให้สภาพร่างกายค่อนข้างสมบูรณ์และเมื่อได้รับการตรวจสอบสภาพร่างกายอย่างละเอียด จึงได้รู้ว่าร่างมนุษย์ผู้นี้มีอายุมากว่า 5,300 ปี
และจากการตรวจสอบได้พบว่าร่างมนุษย์ผู้นี้มีรอยสักทั่วร่างกายถึง 57 ตำแหน่ง โดยบางจุดอยู่ที่บริเวณจุดฝังเข็มรักษาโรค จึงทำให้รู้ว่าการสักในสมัยนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองแต่อาจต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาทำให้
และในวัฒนธรรมกรีกการสักเป็นการทำสัญลักษณ์เฉพาะใบหน้าของทาส และ อาชญากร การสักเริ่มแพร่หลายในทวีปยุโรป ต่อมาประมาณ ค.ศ. 787 การสักบนใบหน้าถือเป็นการลบหลู่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
อย่างไรก็ตามนักโบราณคดียังไม่สามารถสรุปได้ถึงจุดกำเนิดของการสักลายว่าเกิดขึ้นในยุคใดหรือเกิดมาจากอะไร โดยในบางทฤษฎีสันนิษฐานว่ามนุษย์บังเอิญไปโดนต้นไม้ที่มีสีบาดเข้าไปในผิวหนัง ทำให้มนุษย์รู้จักการสักตั้งแต่ในตอนนั้น
ในบางชนเผ่ามีความเชื่อว่าการสักบนร่างกายให้มีลวดลายต่างๆ จะทำให้ดูน่ากลัวและไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง หรือบางที่ใช้สักให้กับนักรบเพื่อให้เกิดความน่าเกรงขามและปลุกขวัญกำลังใจในการสู้รบ
โดยในปัจจุบันการสักก็ยังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีเอกลักษณ์ ลวดลาย สีสัน ตัวอักษรที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรม ความเชื่อและประเพณีในแต่ละประเทศ
ถึงอย่างไรการสักลายก็ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง หากมีความชอบ สักแล้วไม่เดือดใครก็ทำตามหัวใจตัวเองได้เลย การสักไม่ใช่ตัวบ่งบอกความดีหรือความสามารถ ฉะนั้นจะใช่รอยสักมาเบียดเบียนความเป็นมนุษย์หรือตัดสินนิสัยของผู้อื่นไม่ได้………
ขอบคุณข้อมูลจาก
โฆษณา