19 ก.ค. 2022 เวลา 11:53 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก เมื่อสินทรัพย์ของคนทั้งประเทศมากกว่า 77% ไปกระจุกตัวอยู่กับคนรวยที่สุดของไทยที่มีสัดส่วนเพียง 10% ของประชากรทั้งหมด
ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะว่า คนรวยยิ่งรวยขึ้นเพราะเขาสามารถที่จะชนะเงินเฟ้อได้โดย 'การลงทุน' แต่คนส่วนใหญ่กว่า 90 % กลับไม่สามารถที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ เพราะขาด ‘การเข้าถึงการลงทุน’ โดยการเข้าถึงการลงทุน ณ ที่นี้ ไม่เพียงแค่เรื่อง เงินทุน ซึ่งในปัจจุบันมีเงินหลักร้อยก็สามารถเริ่มลงทุนได้แล้ว แต่สิ่งที่ขาดสำหรับคนไทย คือเรื่องการขาดการเข้าถึงใน ความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนที่เพียงพอต่างหาก
ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน จะเป็นเส้นแบ่งให้เราเลือกว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว การลงทุนไม่ใช่การพนัน การลงทุนไม่ใช่การคาดเดา และ การลงทุนควรจะเป็นอะไรที่ตัวเราตัดสินใจด้วยตัวเอง
การลงทุนควรจะเป็นเรื่องของคนทุกคน ไม่จำกัดว่าจะทำอาชีพอะไร ทำงานออฟฟิศ เจ้าของธุรกิจ ว่างงาน รับราชการ แม่ค้าขายของในตลาด ฯลฯ ทุกคนควรมีความรู้เรื่องการลงทุน เพราะถ้าหากไม่รู้ โอกาสที่เงินเราจะด้อยค่าลงทุกวัน จากเงินเฟ้อที่สูงกว่า 8 % และจะยิ่งทำให้ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย 10 % ของประเทศกับคนส่วนใหญ่ ยิ่งถ่างกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ
ซึ่งในการที่จะชนะเงินเฟ้อ ได้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น ออมเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร, ลงทุนในหุ้นรายตัว, ลงทุนผ่านกองทุนรวม, ลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ / กองทุนรวม REITs หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน, ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, ลงทุนผ่านทองคำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในการเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาว นอกจากพยายามหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงแล้ว ยังต้องมีอีก 2 ปัจจัย คือ ความต่อเนื่องและระยะเวลาการลงทุน นั่นหมายความว่า ถ้าเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุน้อย ๆ และใส่เงินลงทุนสม่ำเสมอ ไม่เพียงจะชนะเงินเฟ้อแล้วยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนทบต้น ซึ่งทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างเต็มที่
โฆษณา