24 ก.ค. 2022 เวลา 04:05 • การเกษตร
อินทผลัม Dates
Phoenix dactylifera L.
การทำสวนอินทผลัม
เป็นกรณีศึกษา อ่านแง่มุมคอมเมนต์ประกอบด้วยก็ดีค่ะ..มีคลิปอินผลัมอิรัคด้วย
🍽คุณค่าทางโภชนาการ
ภญ.กฤติยา ไชยนอก
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
".....อินทผลัม เป็นผลไม้ที่ให้พลังงานได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีน้ำตาลสูง
ใน 100 ก. จะให้พลังงานประมาณ 282 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 75.03 ก. (เป็นน้ำตาล 63.35 ก.) โปรตีน 2.45 ก. ไขมัน 0.39 ก.
นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ สูง โดยเฉพาะโปแทสเซียม (696 มก./100 ก.) จึงช่วยให้ร่างกายสดชื่นและฟื้นฟูกำลังได้อย่างรวดเร็ว
การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของอินทผลัมมีค่อนข้างมาก โดยพบว่าผลของอินทผลัมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยปกป้องตับ ไต หัวใจ และป้องกันการตายของเซลล์หัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการศึกษาในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง สำหรับการศึกษาทางคลินิกพบว่า เมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทานผลอินทผลัมในขนาด 100 ก./วัน นาน 4 สัปดาห์
จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง โดยไม่ส่งผลเสียต่อระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัวด้วย
และการศึกษาในชายที่มีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศพบว่า สารสกัดจากละอองเกสรของอินทผลัม (Date Palm Pollen; DPP) ซึ่งอุดมไปด้วย amino acids, fatty acids, flavonoids, saponins และ estroles สามารถช่วยให้จำนวนอสุจิและการเคลื่อนที่ของอสุจิเพิ่มขึ้น
รวมทั้งทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ DPP ยังช่วยป้องกันการอักเสบจากการฉายแสงรักษามะเร็งด้วย
จะเห็นได้ว่าอินทผลัมเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย ดังนั้นการรับประทานอินทผลัม วันละ 5 - 10 ผล แทนการรับประทานน้ำอัดลมหรือขนมขบเคี้ยวที่มีแต่แป้ง ไขมัน และน้ำตาล จึงน่าจะมีประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากกว่า
แต่เนื่องจากในผลของอินทผลัมมีโปแทสเซียมสูง จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีความบกพร่องในการขจัดโปแทสเซียมออกจากร่างกาย เช่น ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เบาหวานและภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อป้องกันภาวะการมีโปแทสเซียมมากเกิน (hyperkalemia) ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
Copyright © 2013-2020
การปลูกอินทผลัม
ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงให้ผลผลิตเพียง 3 ปีเท่านั้น ซึ่งในต่างประเทศจะต้องใช้เวลานานถึง 7 ปี ไม่มีโรคแมลงรบกวน ข้อดีอีกประการหนึ่งคือให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง รุ่นแรกให้ผลผลิตประมาณปลายเดือนมกราคม รุ่นที่ 2 ให้ผลผลิตต้นเดือนกรกฎาคม แต่ในต่างประเทศให้ผลผลิตปีละ 1 ครั้ง ให้ผลดก ผลโต เนื้อมาก เมล็ดเล็ก เมื่อผลแก่มี ...
โฆษณา