24 ก.ค. 2022 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
คำต่อคำ ‘ศุภชัย’ เปิดมุมมอง ดีลควบ ‘ทรู-ดีแทค’ ย้ำทำได้ ไม่ขัดกฎหมาย
“ศุภชัย” เปิดมุมมองต่อดีลควบรวม “ทรู-ดีแทค” แบบคำต่อคำ ชี้สามารถทำได้เลยไม่ต้องขออนุมัติ ไม่ขัดต่อกฏหมาย ระบุกสทช.มีอำนาจในการสร้างเงี่อนไข ลดผลกระทบทางลบ เพิ่มผลกระทบทางบวก ย้ำไม่คิดปลดพนักงาน ไม่ขึ้นราคา พร้อมทำงานกับกสทช. เพื่อประโยชน์สูงสุดผู้บริโภค-ประเทศ
1
คำต่อคำ ‘ศุภชัย’ เปิดมุมมอง ดีลควบ ‘ทรู-ดีแทค’ ย้ำทำได้ ไม่ขัดกฎหมาย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองเกี่ยวกับการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรูและดีแทคว่า ตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องขออนุมัติจากทางกสทช. แต่กสทช.มีอำนาจในการสร้างเงี่อนไขที่จะลดผลกระทบทางลบ และเพิ่มผลกระทบทางบวก ซึ่งทางบริษัทพร้อมจะทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและผู้บริโภค
1
“การควบรวมไม่ใช่การเข้าซื้อกิจการ กสทช.จึงไม่ได้มีอำนาจในการอนุมัติ แต่มีอำนาจในการสร้างเงื่อนไข ซึ่งหากไม่เห็นชอบและจะโต้แย้งต้องไปฟ้องศาลปกครอง ซึ่งไม่มีผู้ให้บริการรายใดอยากจะไปถึงจุดนั้น ดังนั้นหวังให้มีการทำงานร่วมกันเพื่อเวิร์คออนเรื่องเงื่อนไขต่างๆ ทำให้อุตสาหกรรมและประเทศชาติดีขึ้นกว่าเดิม”
เขาเผยว่า แม้ว่าตามกฎหมายสิทธิของการควบรวมมีอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการที่จะดำเนินการโดยไม่คำนึงถึงความเป็นห่วงของกสทช.หรือความกังวลสาธารณะ
หวังให้ทางกททช.ดำเนินการตามครรลองของกฎหมาย เป็นไปกรอบเวลาที่กำหนด โดยยอมรับว่ามีความกดดันและหวังว่าทางผู้กำกับดูแลจะได้เห็นว่าทางบริษัทนั้นกดดันในเรื่องนี้เช่นกัน
1
หวั่นกระทบความเชื่อมั่น-ตลาดทุน
ศุภชัยย้ำว่า ดีลครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการเทคโอเวอร์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นกว่า 90% โดยหลังจากการควบรวมแล้วสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละบริษัทจะอยู่ที่ราว 30% เท่ากันทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะกลายเป็นบริษัทมหาชนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่สัดส่วนที่ชัดเจนจะขึ้นอยู่กับกระบวนการเทนเดอร์ต่อไป
ขณะที่ การตั้งบริษัทใหม่ คือการนำเอาทรัพย์สินของทั้งสองบริษัทใส่เข้าไป และให้สิทธิ์ทั้งสองบริษัทได้สิทธิเท่ากัน เป็นการนำสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งสององค์กรมาผนวกรวม ซึ่งผู้บริโภคเกือบครึ่งประเทศจะได้รับประโยชน์ในทันที
2
ด้านแนวทางการบริหารองค์กร จะมีการเลือกคนที่ดีที่สุดมาบริหาร เบื้องต้นอาจมีการนำคนของทั้งสองฝ่ายมาผสมกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดมาบริหาร ด้านพนักงานจะไม่มีการไล่คนออกแน่นอน
1
โดยสรุป ขั้นตอนขณะนี้ด้านผู้ถือหุ้นผ่านกระบวนการครบหมดแล้ว การศึกษาถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจทำไปแล้วเกือบ 100% ที่ยังรออยู่คือขั้นตอนของหน่วยงานกำกับดูแลซึ่งยังรอให้ทางกสทช.พิจารณา
หากนับจากที่ยื่นเรื่องไปเมื่อเดือนม.ค. ระยะเวลาการพิจารณาจะอยู่ภายใน 90 วัน ซึ่งตามกำหนดคือภายในเดือนก.ค. ทว่าเห็นว่ากสทช.ที่เข้ามาใหม่ต้องการเวลาที่จะศึกษาเพิ่มเติม
“ผมเข้าใจว่าขณะนี้เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน และกสทช. ชุดใหม่ที่เข้ามาต้องการเวลา ซึ่งทางเราพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน และหวังว่าจะเกิดขึ้นเร็ว มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุน นักลงทุนไทย ต่างประเทศ สิทธิประโยชน์ ผลประโยชน์และกระทบต่อการให้บริการผู้บริโภค”
1
ยันไม่คิดขึ้นราคา มีกสทช.ควบคุม
ส่วนความกังวลของผู้บริโภคเรื่องการขึ้นราคาค่าบริการ คงไม่เกิดขึ้น เพราะมีกสทช.คอยควบคุม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีราคาพื้นฐานตั้งไว้เบื้องต้นอยู่แล้ว เรื่องนี้หน่วยงานผู้กำกับดูแลมีอำนาจในการควบคุม ซึ่งหากฝ่าฝืนสามารถยึดใบอนุญาตได้ อีกทางหนึ่งในแง่กลไกตลาดด้วยการแข่งขันที่จะสูงขึ้นคงไม่มีการเพิ่มราคา
3
ขณะที่ ประเด็นเรื่องการผูกขาดตลาด และความกังวลว่าเมื่อรวมกันแล้วสัดส่วนลูกค้าจะเกิน 50% เรื่องนี้ไม่จริง เนื่องจากแต่ละปีมีลูกค้าข้ามค่ายกว่า 30% เมื่อรวมแล้วการทับซ้อนจะหายไป จำนวนลูกค้าจะลดลงและน่าจะใกล้เคียงกับทางเอไอเอสที่มีสัดส่วนอยู่กว่า 40%
1
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับความจริงว่าสมรภูมิการแข่งขันได้เปลี่ยนไปนานแล้ว มีการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกันจากแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ ไม่ใช่จากผู้ให้บริการ 3 รายลดเหลือสองราย ในความเป็นจริงจำนวนผู้เล่นมีมากกว่านั้น
ปัจจุบัน ผู้ให้บริการมีศักยภาพการแข่งขันน้อยลง ถูกท้าทายด้วยสมรภูมิการแข่งขันที่เปลี่ยนไป ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น รายได้อุตสาหกรรมมือถือลดลงต่อเนื่อง ทว่ายังจำเป็นต้องมีการลงทุนที่สูงขึ้น จากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ 4จี และ 5จี ฯลฯ
“โทรคมนาคมเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ต้องใช้ต้นทุนที่สูง หากแข็งแรงไม่เท่ากันก็คงไ่ม่ได้ทำให้มีการแข่งขันที่ดี ดังนั้นมีสองรายที่แข็งแรง ย่อมดีกว่าหนึ่งรายแข็งแรง แต่อีกสองรายอ่อนแอ”
ท้ายที่สุด หากดีลนี้ไม่สำเร็จหรือการควบรวมไม่เกิดขึ้น จะทำให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยถดถอยลง ศักยภาพการลงทุนของผู้ประกอบการรายที่อ่อนแอลดลง และไม่ส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจซึ่งไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ทางเอ็นทีก็ได้ทำมาแล้ว เป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่ทางกสทช.จะพิจารณา
1
เชื่อ ‘ประชาชน-ประเทศ’ ได้ประโยชน์
ศุภชัย เปิดมุมมองว่า การควบรวมในครั้งนี้จะทำให้บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นมีสถานีฐานครอบคลุมกว่า 49,800 สถานี ลดข้อจำกัดการลงทุนที่ทั้งสองบริษัทไม่ได้มีภาวะที่แข็งแรงด้านการเงิน ทำให้การให้บริการดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรงด้านนวัตกรรม วิศวกรรม มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
2
“หากรวมกันแล้วที่จะทำได้แน่ๆ คือ เชื่อมโยงโครงข่าย การลงทุนที่ทับซ้อนจะหายไป และไม่ใช่เพียงการโรมมิ่ง แต่จะมีการทำเอ็มวีเอ็นโอ ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสุงสุดของการใช้โครงข่าย”
นอกจากนี้ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม (Inclusive Capital) พร้อมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งจะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นไปเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการขับเคลื่อนความยั่งยืนระดับโลก(Sustainability)
พร้อมระบุว่า การผนึกกำลังกันจะยิ่งสร้างผลิตผลที่สูงกว่าเดิม หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สาม สี่ ห้า เป็นความท้าทายที่หากผ่านไปได้ย่อมสร้างความแข็งแรงและประโยชน์ต่อประเทศที่มากขึ้น อยากให้ติดตามและมาวัดผลกันต่อไป
โฆษณา