25 ก.ค. 2022 เวลา 05:38 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อเราทำกายทำจิต ให้นิ่งได้ จิตบังคับกายให้นิ่งได้ จิตก็นิ่งตามกาย กายนิ่งได้ จิตนิ่งได้ จิตก็เฉย อยู่นิ่งเฉย เหมือนไม่มีตัวตน แต่จิตก็มีสติ เป็นสตินิ่งเฉย จิตที่นิ่งเฉยได้ ไม่มีอารมณ์อะไรเข้ามาปรุงแต่ง จิตก็ว่างจากอารมณ์ นึกคิดอะไรต่างๆ มีสติรักษาจิต เป็นสติที่รักษาจิต นิ่งเฉย เหมือนไม่มีกาย (ของที่ฟังง่าย แต่ยากที่จะกระทำได้ ต้องนั่งพับเพียบเรียบร้อย กายนิ่งจิตเฉย เพื่ออยู่ในกิริยาที่ นอบน้อม เรื่อนกายที่นอบน้อม ต่อธรรม)
เมื่อจิตนั้นนิ่งเฉยดีแล้ว สิ่งที่จะบังเกิดขึ้นมา คือแสงของรัตนะ สีเหลือง สีขาว สีเขียว ส่องลงมาที่จิต ที่จะมาสอนจิตของเราอีกทีหนึ่ง ให้รู้จักคำว่าทุกข์ของจิต ที่อาศัยอยู่ในเรือนกาย จิตที่พัวพันอยู่กับอารมณ์ แล้วจะแยก เรื่องของกาย อารมณ์ จิต ชัดเจนขึ้น ให้จิตมีปัญญา เฉลียวฉลาดขึ้น รู้ได้จากจิตของตน รู้จักโลก รู้จักธรรม โลกอยู่กันด้วยอะไร จิตอยู่กับธรรม ธรรมพาไปทางไหน จิตของตนก็พิจารณาเรียบเรียง การกระทำของตนขึ้น ทำอย่างไร ไม่ให้จิตมีกรรมที่จิตนั้นมีการกระทำเนื่องด้วยอารมณ์กายวาจาใจ
2
เมื่อจิตมีความเข้าใจ มีแสงส่องเข้ามามากขึ้น จิตจะรู้จักอารมณ์ที่เป็นสีดำสีม่วงนั้นมันเป็นทุกข์ มีความทุกข์ทรมานของจิตที่ไปยึดสีต่างต่างๆ จิตก็จะไปอยู่กับคำว่าพุทโธ คือ จิตก็จะเข้าไปหาคำว่าจิตของพระ มีพุทโธเป็นที่พึ่ง รักษากายวาจาใจ ด้วยจิตของพระ
แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ยากที่จะกระทำ คือ รอยของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่หนีออกจากเวียงวัง ไปอยู่ป่า ที่ท่าน กระทำขึ้น ด้วยรอยสร้างบุญกุศลบารมีของท่าน คือ กิริยายืน เดิน นั่ง นอน ของท่านที่เป็นทางสายเอก เดินยืนด้วยจิตที่มั่งคง มีสติปัญญา จิตเข้มแข็ง ขันติบารมีของจิต สลัดละเรื่องราวต่างๆออกไปจากจิต มีการชำระสะสางอารมณ์กรรมตัวกระทำกายวาจาใจ สร้างขันติบารมีจนจิตหลุดพ้น (เรื่องแค่นี้ ก็ใช้เวลาสะสมบารมี เป็นชาติๆ หลายๆชาติ)
จิตท่านใด ไม่สะสมบุญกุศลบารมีมาเพียงพอ เมื่อนำกายมาเดินอยู่ในรอยของท่าน ก็ไม่สามารถ รักษากายจิต ให้อยู่ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นได้เลย คือ จิตที่มีแต่อารมณ์นึกคิดจมอยู่กับโลก
เมื่อมาทำกายให้นิ่ง จิตนิ่ง มันจึงร้อนเป็นไฟ ร้อนเวรร้อนกรรมของตัวเอง นั่นแหละ แล้วก็จะเห็นว่า ทางสายเอกนี้ไม่สำคัญ เพราะอารมณ์ของตนเองนั้นแหละ จะนำพาไป ไปอยู่ในสายที่หลง เห็นตัวเองดี อวดดีอวดเก่งต่อกรรม ไปนิยมชมชอบในสิ่งหลงใหล เวทมนต์คาถา บทพระเวทต่างๆ อยากมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช อวดศักดา ว่าข้าเป็นผู้หลงใหลจมอยู่กับกรรม ไปยึดตะกรุด ผ้ายันต์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพ่อเจ้าแม่ อะไรต่างๆมากมาย เพิ่มภาระ เพิ่มเวรกรรมให้แก่จิต โดยไม่รู้ตัวตัว
1
ทางของท่าน บอกให้ปล่อยวาง แต่เราก็กลับเอามายึด สิ่งที่ติดตามมามันมีแต่เรื่องราวของสีดำๆ ที่ดึงจิตให้จมลงอเวจี ไม่มีทางให่กายเบาจิตเบาไปได้เลย นั้นก็เพราะความหลงของเรา ไม่รู้จักอารมณ์ของเรา ที่เป็นโลกมายาปกคลุมเรือนกายที่จิตอาศัย เราเกิดมาด้วยเรื่องราวของโลก แต่เราก็พยายามนำกายนำจิตไปหาวิมุตติ ให้กายนี้เป็นวิมุตติ จิตก็เป็นวิมุตติ เกิดขึ้น
โฆษณา