28 ก.ค. 2022 เวลา 04:07 • ธุรกิจ
ฟีดของ Facebook IG จะเต็มไปด้วย คนที่เรา ไม่ได้ติดตาม มากถึง 30% มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว
4
ล่าสุด Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2022
ซึ่งออกมาน่าผิดหวัง เพราะรายได้ของบริษัท “ลดลงเป็นครั้งแรก” โดยลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ส่วนกำไร ลดลงถึง 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
4
ทำให้นักลงทุนต่างผิดหวังในผลประกอบการ และราคาหุ้นของ Meta ร่วงลงทันที 5% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ
โดยสาเหตุที่ผลประกอบการออกมาแย่ Meta อ้างว่า หลัก ๆ เพราะรายได้โฆษณา ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวบนระบบ iOS ของ Apple ที่รากยาวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
กับเศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอ กดดันกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงแบรนด์/บริษัทต่าง ๆ ให้หั่นงบโฆษณาลง
ซึ่ง Meta ยังคาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 3 ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ธุรกิจโฆษณาของบริษัทก็จะยังได้รับผลกระทบหนักอยู่
ที่น่าสนใจคือ นอกจากรายงานผลประกอบการแล้ว
ทาง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Meta ยังได้เผยทิศทางเกี่ยวกับหน้าฟีดบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ในอนาคต
ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไร เพื่อแก้เกมธุรกิจที่ชะลอตัวลง และติดอาวุธเพื่อสู้คู่แข่ง โดยเฉพาะ TikTok
โดยมาร์ก บอกว่า..
หน้าฟีดของ Facebook และ Instagram ที่ถูกขับเคลื่อนโดยผู้คนและบัญชี ที่ผู้ใช้งานติดตามเป็นหลัก
จะถูกเปลี่ยนมาเป็นการขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะแนะนำคอนเทนต์ เช่น Reels ที่คิดว่าเราน่าจะสนใจ จากทั่วทั้งแพลตฟอร์มมาให้ แม้ว่าเราจะไม่ได้ติดตามครีเอเตอร์เหล่านั้น
ตอนนี้เนื้อหาประมาณ 15% บนฟีดของ Facebook
เป็นเนื้อหาที่ถูกแนะนำโดย AI ของ Meta
ในขณะที่หน้าฟีดของ Instagram ตัวเลขจะสูงกว่านั้นเล็กน้อย..
1
ที่สำคัญคือ มาร์ก บอกอีกว่า เขาจะทำให้หน้าฟีดของ Facebook และ Instagram มีเนื้อหาที่ถูกแนะนำโดย AI เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในสิ้นปีหน้า
2
หรือก็คือ ต่อไปนี้ กว่า 30% ของเนื้อหาในหน้าฟีดทั้งหมด ทั้งบน Facebook และ Instagram
จะเต็มไปด้วยเนื้อหาจากบัญชี ที่เราไม่ได้ติดตามจริง ๆ..
5
นอกจากนี้ มาร์กยังเผยว่า แม้รายได้ของบริษัทในไตรมาส 2 จะลดลง
แต่หากเจาะเฉพาะฟีเชอร์ Reels พบว่าน่าประทับใจ เพราะตอนนี้บริษัทสามารถทำเงินค่าโฆษณาจากฟีเชอร์นี้ได้กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 36,700 ล้านบาท)
ซึ่งก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีกมาก จึงเป็นฟีเชอร์ที่มีศักยภาพ
3
และผู้คนก็ใช้เวลาไปกับ Reels เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งก็จะดึงดูดให้ผู้คนและแบรนด์ต่าง ๆ หันมาลงโฆษณาบนฟีเชอร์นี้กันมากขึ้นไปอีก
โดยตัวเลขการเติบโตของ Reels ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Meta และ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
พยายามผลักดันฟีเชอร์นี้ รวมถึงไปเดินเกมรุก ปรับหน้าฟีดใหม่ เพื่อเอื้อให้ AI สามารถนำเสนอ Reels ไปสู่ผู้ใช้งานได้มากขึ้นนั่นเอง..
โฆษณา