29 ก.ค. 2022 เวลา 07:00
Ep. 25 "อันญุงเคซิบซิออ" ลาก่อน
ลาก่อนเปียงยาง
วันที่ 4 กันยายน 2528... นายเสร็จสิ้นกระบวนการแพ็กของอย่างทุลักทุเล เพราะแจกันใบสวยบอบบางอันเป็นของขวัญจากท่านประธานาธิบดีนั้น ต้องการเนื้อที่และการบรรจุอย่างทนุถนอมเอามาก ๆ
แล้วนายก็ตามคุณหลังกับคณะไปเล่นเรืออีกที ก่อนอำลาบ้านมารัม
รถไฟไปปักกิ่งออกเวลาเที่ยง เขาจึงกะให้เราออกจากมารัม 11 โมงกว่าหน่อย ๆ
พอ 10 โมงครึ่ง บ๋อยก็มาเคาะห้องเชิญเราไปทานอาหารอีก 1 มื้อ ก่อนเดินทางไปสถานีรถไฟ เขาคงกลัวว่าเราจะอดอยากอยู่บนรถไฟ ในกรณีที่การบริการในรถเสบียงเกิดขัดข้อง นี่เป็นอีกหนึ่งความใส่ใจในรายละเอียดของผู้จัดโปรแกรมโดยแท้
อาหารเช้าในกระเพาะยังไม่ทันจะย่อยดี ก็ต้องบรรจุอาหารกลางวันลงไปอีกแล้วหรือนี่? เรานั่งมองตากันที่โต๊ะอาหารอยู่สักครู่ กว่าจะค่อย ๆ ลงมือรับประทานด้วยความเกรงใจเชฟและ 2 บ๋อยผู้น่ารักที่ยืนตรงประจำหน้าที่อยู่ อาหารจัดไว้อย่างพร้อมพรั่งเช่นเคย
11 โมงตรงเผ๋ง คุณหลังก็มาลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่ประตู เป็นเชิงเตือนว่าได้เวลาไปแล้วนะ เราจึงรีบอิ่มโดยไม่ทานของหวาน แล้วไปขึ้นรถ ผู้จัดการบ้านมารัมและพนักงานอีก 5 คน มายืนส่งอยู่ที่บันไดอย่างเป็นพิธีรีตรอง แล้วเราก็เลียบทะเลสาบ ลอดอุโมงค์ผ่านทหารยามหนุ่มน้อยผู้นั้น ตรงไปยังสถานีรถไฟ
ขบวนรถ 3 คันของเราแล่นเฉี่ยวฉิวโดยไม่มีติดขัด และถึงสถานีรถไฟ 15 นาทีก่อนเวลารถออก รถเราแล่นเข้าไปทางประตูพิเศษ และไปจอดขนานอยู่ใกล้ ๆ กับโบกี้รถไฟเลยทีเดียว... ก้อพวกเราเป็นอภิสิทธิ์ชนบนรถดาวแดงนี่นา!
โปรเฟสเซอร์ชา โปรเฟสเซอร์อัน และอาจารย์ผู้ประสานงานรอส่งเราอยู่ที่นี่ ท่านชามีหนังสือพิมพ์ภาษาเกาหลี 2 ฉบับให้หัวหน้าคณะ บอกว่ามีรูปและข่าวของพวกเราอยู่ในนั้น
ผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง จึงมีผู้คนชุลมุนกันมากพอดู รถไฟที่นี่ห้ามคนมาส่งขึ้นไปบนรถ โดยเฉพาะขบวนไปต่างประเทศยิ่งเข้มงวดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่ยืนขวางอยู่ที่ประตูทางขึ้น คอยตรวจตั๋วอย่างละเอียด และแปลกตรงที่เขาริบตั๋วเอาไว้เลยก่อนให้ผ่านเข้าไปในโบกี้ คณะเราซึ่งออกจะเป็นบ้าหอบฟางกันไปแล้วตอนนี้ จึงต้องทุลักทุเลช่วยกันขนกระเป๋าที่เรากองรวมกันไว้ ด้วยวิธีส่งขึ้นรถไฟผ่านกันไปเป็นทอด ๆ ทำเอาเหงื่อตกกับความรีบร้อน และยังระทึกใจกลัวขนสัมภาระไม่ทันรถออก
อนุสนธิจากการรีบร้อนขนกระเป๋าส่งต่อกันเป็นทอด ๆ นี้เอง เกือบทำให้เจ้าบ้านต้องเดือดร้อนอย่างแรงเสียแล้ว นั่นคือ เมื่อเราอำลาผู้มาส่ง และขึ้นมานั่งอยู่ในรถกันหมดแล้ว ประมาณเวลาอีก 2 นาทีก่อนรถไฟจะออก เราก็เห็นตุ้ยนุ้ยวิ่งหน้าซีด เหงื่อโทรม มาเที่ยวไล่ถามว่าเห็นกระเป๋าเอกสารของท่านชาไหม...
ในที่สุด ตุ้ยนุ้ยก็ไปตามล่ากระเป๋าใบสำคัญนั้นได้ที่ห้องคุณลิตกับคุณนันต์ ทั้งนี้ เพราะกระเป๋าเอกสารของท่านชากับของพวกเราอีก 2 ใบมีลักษณะและสีคล้าย ๆ กัน ตอนต่างคนต่างรีบขนของขึ้นมาบนรถ กระเป๋าของท่านชาจึงถูกรวบขึ้นมาด้วยโดยไม่เจตนา นี่ถ้าตุ้ยนุ้ยตามล่ากระเป๋าท่านชาไม่เจอ รถไฟขบวนนี้คงไม่มีสิทธิ์ได้เคลื่อนออกจากสถานีแน่!
เฮ้อ! เกือบจะถูกข้อหาโจรกรรม-จารกรรมเสียแล้วสิ พวกเรา!
ฟองน้ำมองเปียงยางจากหน้าต่างรถไฟ พลางครุ่นนึกตรึกตรองว่า ในห้วงความคิดคำนึงอันไร้ขอบเขตนั้น มีอะไรบ้างหนอในประเทศนี้ที่ประทับใจฟองน้ำบ้าง?
- ระบบหล่อหลอมคนให้มีระเบียบวินัย และนับถือความอาวุโสในการทำงาน...
- การชลประทานที่ทั่วถึง แม้ในหมู่บ้านห่างไกลและในป่าเขา...
- การปลุกระดมมวลชนในหลายรูปแบบเพื่อให้ชาติประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในรูป นิทรรศการและการศึกษาอบรมภาคบังคับในแนวคิดจูเช่...
- ช่องว่างทางเศรษฐกิจที่ไม่ห่างกันนัก คนรวยคนจนอยู่ใกล้กันอย่างพอเอื้อมมือถึง (ตามที่เขาบรรยายให้ฟัง)...
- ธรรมชาติงดงามที่ยังไม่ถูกแตะต้องโดยน้ำมือมนุษย์ ยังมีเหลือให้เราได้ชื่นชมอยู่มากแห่ง... ฯลฯ
...หากทั้งหมดนี้คือความจริงใจในการแปลและสื่อความ... จากไกด์ถึงเรา!
 
เที่ยวกลับไปปักกิ่ง เราได้นั่งรถไฟจีนซึ่งตกแต่งเรียบง่าย ไม่กระจุ๋มกระจิ๋มเหมือนรถไฟเกาหลี ที่น่าเบื่อคือ รถหยุดเป็นระยะ ๆ แทบจะทุกสถานี เรียกได้ว่ายิ่งกว่ารถหวานเย็นของบ้านเราเสียอีก ตามสถานีเงียบเหงา เพราะประชาชนเกาหลีทั่วไปไม่ได้รับสิทธิ์ให้มาเดินเตร่อยู่ในชานชาลาถ้าไม่ใช่ผู้เดินทาง มีกำแพงสองชั้นกั้นระหว่างสถานีด้านนอกกับด้านในด้วย และบางสถานียังมีลวดหนามขึงทับกำแพงอีกที
บางสถานีรถหยุดนานเป็น 10 นาที เห็นมีคนลงไปซื้อไอศกรีมแท่งมากินกันเป็นแถว ไอศกรีมนี้สีหม่น ๆ ขุ่น ๆ เหมือนน้ำเชื่อมที่แช่จนแข็ง ดูไม่น่าอร่อย ส่วนชนิดใส่นมนั้น ข้างทางรถไฟไม่มีขาย คงมีขายตามภัตตาคารชั้นดีเท่านั้น เพราะเป็นของแพง
 
ที่พวกเรานั่งเป็นโบกี้ชั้น 1 ติดแอร์ แต่มันทรมานเสียยิ่งกว่าอยู่ในรถชั้นธรรมดาที่เปิดโล่ง ทั้งนี้เพราะเขาเล่นปิดแอร์ทุกครั้งที่รถหยุดตามสถานีทุกแห่ง และอากาศข้างนอกก็ร้อนเพราะแดดจัดจ้าเหลือเกิน
ในโบกี้ติดกับเรา คึกคักมีชีวิตชีวาด้วยเสียงกลุ่มหนุ่มสาวนักกีฬาปิงปองทีมชาติจีน ซึ่งเพิ่งชนะเลิศมาสด ๆ ร้อน ๆ จากการแข่งขันกับทีมโสมแดง นักกีฬาจีนที่กำลังเด่นดังมาด้วย คือ หยัง เจี้ยน หวา เป็นตัวชูโรงของทีม เพราะนอกจากจะมีฝีมือเฉียบขาด ด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์ปิงปองโลกมาครองหมาด ๆ เมื่อต้นปีนี้เองแล้ว หยัง เจี้ยน หวายังเป็นนักกีฬารูปหล่อมากและนิสัยดีอีกด้วย
1
เนื่องจากทีมนักกีฬาจีนและโคชมากันกว่า 20 คน หลายคนรวมทั้งดาราดังผู้นี้ จึงได้ห้องนอนในโบกี้ของเราด้วย หยัง เจี้ยน หวา และเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ที่นอนในห้องเดียวกับคุณดำและคุณนันต์ นายจึงถือโอกาสไถลเข้าไปสัมภาษณ์แชมป์ปิงปองโลกเสียหน่อย
การสัมภาษณ์ดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ผ่านพจนานุกรมอังกฤษ – จีนของหยัง และการทำมือไม้ประกอบ ดูท่าทางหนุ่มน้อยเป็นคนรักดีเอามาก ๆ แม้แต่เดินทางมาแข่งกีฬา ยังอุตส่าห์หอบหนังสือแบบเรียนสนทนาภาษาอังกฤษมานั่งศึกษาเองหลายเล่ม...
หยังเป็นทหาร อายุ 23 ปี ปกติจะแข่งปิงปองให้กับทีมทหาร แต่เมื่อใดที่มีการแข่งขันระดับนานาชาติ ก็จะถูกยืมตัวมาเล่นให้ทีมชาติ เขาเคยเดินทางไปคว้าถ้วยรางวัลในหลาย ๆ ประเทศมาแล้ว และทางการจีนจะส่งเขาไปชิงแชมป์ปิงปองโลกในอีก 2 ปีข้างหน้าซึ่งจะจัดที่ประเทศอินเดีย หยังบอกว่า เขาใฝ่ฝันที่จะได้แวะเที่ยวเมืองไทยหลังจากเสร็จการแข่งขันที่
เดลีแล้ว
เมื่อนายถามว่า มาเปียงยางคราวนี้ นำทีมชนะรวดเลยหรือเปล่า หยังถ่อมตน ตอบว่าไม่ แข่ง 10 ครั้ง แต่ชนะเพียง 9 ครั้งครึ่ง (คือแข่งคู่ผสมได้เพียงเหรียญเงิน) ว่าแล้วก็ปีนขึ้นไปหยิบเอาเหรียญทอง (ไม่แท้) ที่ได้มาให้ดู หยังมอบให้นายไว้ดูเล่น 1 เหรียญ พร้อมกับเซ็นชื่อกำกับไว้ที่สายริบบิ้น และยังฝากไปให้ลูกสาว-ลูกชายคุณนันต์อีกคนละเหรียญ แล้วเขาก็โชว์ถ้วยเงินใบใหญ่ บอกว่า อันนี้สำหรับแฟนของเขาซึ่งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ คงยังอีกนานกว่าจะได้แต่งงานกัน เพราะทางการจีนจะอนุญาตให้แต่ง ก็ต่อเมื่ออายุเลย 29 แล้ว
1
นายห้อยเหรียญทองของแชมป์เก๋ไก๋ถ่ายรูปกับเจ้าของเหรียญ เสียดายที่นายไม่ยอมให้ฟองน้ำโชว์รูปหล่อเหลาของหยัง เจี้ยน หวา ให้คุณดู เพราะนายเขินที่ในรูปมีตัวนายติดอยู่ด้วย
สักครู่หนึ่ง ผู้จัดการทีมก็มาพยักเพยิดให้หยังออกไปทานอาหารตามเวลา หยังขอตัวกับเราอย่างสุภาพ เดินตามผู้จัดการออกไปอย่างเชื่อฟังเป็นอันดี... นักกีฬาที่ดีต้องอยู่ในโอวาทของผู้ควบคุมมิใช่หรือ?
1
บ่ายจัดแล้ว รถแล่นไปจอดที่สถานีเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง... ค่อนชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีท่าท่าว่าจะออก ถามพนักงาน เขาก็ทำมือไม้ประกอบ บอกว่า รถไม่เสียหรอก แต่รางมันเสียน่ะ กำลังซ่อมรางอยู่
 
เอาเถิด จะถึงช้าหน่อย ก็ยังดีกว่าไม่ถึงเลย
บรรทัดนี้... ขอฟองน้ำแสดงความซาบซึ้งกับการดูแลจัดการอย่างเอื้ออาทรของ “คุณหลัง” ชื่นชมกับบริการอันแสนประทับใจของล่ามทั้งสอง “ตุ้ยนุ้ย และ กบน้อย” เราคงเป็นกลุ่มที่ทำให้เขายุ่งยากทั้งกายและใจมากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มใหญ่ ‘มากคนก็มากความ’ แต่ด้วยสปิริตของความมีน้ำอดน้ำทน ที่ถูกหล่อหลอมอบรมมาในสายเลือดของโสมแดงทั้งหลาย ทั้ง 3 คน จึงทำให้เราประทับใจตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย...
ฟองน้ำตั้งใจจะรอดูตอนรถไฟข้ามแม่น้ำอัมนค หรือแม่น้ำยาลู ที่กั้นพรมแดนเกาหลีเหนือกับจีน เพื่อจะได้รู้ว่าเรากำลังข้ามพ้นดินแดนโสมเหนือไปแล้วเมื่อใด... แต่ไม่สำเร็จ ฟองน้ำเหนื่อยและเพลียสุดแสน ความโพล้เพล้ของยามค่ำ บวกกับเสียงเพลงกังวานใสของ ‘คายากุม’ ที่สถานีเล็ก ๆ แห่งนั้น สะกดให้ฟองน้ำเคลิ้มหลับไปทีละน้อย ๆ
...ฟองน้ำฝันเห็นกำแพงปันมุมจอม ถูกทะลายด้วยแสงทิพย์จากสวรรค์...
...ฝันเห็นพี่น้องเกาหลีทั้งสองฟาก โผเข้าหากันด้วยใบหน้านองน้ำตา เปี่ยมปิติ...
...ฝันเห็นมวลดอกไม้สีสดใส บานอยู่อยู่บนเนินหญ้าเขียว เริงร่าไหวไปกับสายลมอ่อน และเหล่าวิหคส่งเสียงหวานใสไพเราะล้อเลียนเสียง ‘คายากุม’…
…โลกสีชมพูนั้น ถูกฉาบด้วยบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี... ไม่มี ‘การเมือง’ หรือ ‘คนนอก’ ไม่มี ทหาร หรือ อาวุธ ไม่มีอุโมงค์ใต้ดินกับทหารยาม ไม่มี...แม้แต่รั้วลวดหนามแข็งแกร่งหลงเหลืออยู่ที่ประตูป้อม...
และฟองน้ำก็ตื่นจากความฝัน เพื่อพบกับความจริงของวันต่อ ๆ ไปในดินแดน “แพนด้า” อีกครั้ง...
จบบริบูรณ์
ผู้เขียน วิ-พิม
ฉบับแรก พฤศจิกายน 2528
ฉบับปรับปรุง พฤษภาคม 2563
ตรวจพิสูจน์อักษร คนงานร้าน Pam’s Bake
จัดหาภาพประกอบ นายและแฝดอันตรายคู่คู่
รูปเล่ม หมอนกุหลาบแดง
ดูแลการผลิต ฟองน้ำ
ปล. จาก “วิ-พิม”: และที่จะลืมไม่ได้คือคำขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน กับทีมงานคือลูกสาวทั้งสองที่ร่วมมือร่วมใจด้วยความอุตสาหะในการจัดทำ “อรุณสงบที่เปียงยาง” ฉบับปรับปรุง พฤษภาคม 2563 นี้ เพื่อให้แฟนคลับของ “ฟองน้ำ” ได้อ่านอย่างสนุก สบาย ๆ และมีสีสัน...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา