ตัวละครอิงประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนจริงในภาพยนตร์ เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2
หากนึกย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาละครไทยย้อนยุคที่มีเรตติ้งสูงมาก จนเกิดกระแสฟีเวอร์ ให้แฟนละครทั่วประเทศลุกขึ้นมาสวมชุดไทยย้อนยุคไปเที่ยวตามโบราณสถานกันอย่างครึกครื้น
คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสมีส่วนทำให้คนไทยหันมาสนใจศึกษาประวัติศาสตร์และอินกับละคร จนกระทั่งโบราณสถานตามจังหวัดอยุธยาและลพบุรี แทบแตกเลยก็ว่าได้
ปี 2565 แฟนละครจะได้ยิ้มกรุ้มกกริ่มกันอีกครั้ง ในรูปแบบบนจอภาพยนตร์ แต่รอบนี้บุพเพสันนิวาส 2 จะเป็นเพียงภาคขยายซึ่งจะไม่เกี่ยวโยงกับบุพเพสันนิวาสภาคหลักในละครโดยตรง
ไม่ไปเกี่ยวกับทามไลน์หลักของนิยายมากนักแต่จะมีส่วนอิงเนื้อหามาบางส่วนเท่านั้น เพื่อขยายสร้างจักรวาลใหม่เป็นบุพเพสันนิวาส 2 นั่นเองครับ
ทั้งนี้ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่สมัยอยุธยาแล้ว แต่จะมาอิงประวัติศาสตร์ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ช่วงรัชกาลที่ 3 แทนครับ
แฟนแฟนหลายท่านคงจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเพื่อย้อนวันวานไปกับความโรแมนติกของคู่พระนางโป๊ป เบลล่า ได้จิกหมอน ขำขัน อิงไปกับประวัติศาสตร์กันอีกครั้งครับ
ตัวผู้เขียนเองก็เช่นกันพอได้ดูหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้ตัดสินใจกลับมาเขียนอีกครั้ง เจตนาเพื่ออยากถ่ายทอดเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าหากท่านเข้าใจประวัติศาสตร์ช่วง ร.3 มากขึ้น ความอินก็จะมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ในบทความนี้ผู้เขียนเจตนาจะบอกเล่าถึงตัวละครที่ได้ปรากฎตัวตนจริง มีชื่ออยู่บนประวัติศาสตร์ไทยจริง และสรุปสั้นๆ มาเล่าบอกต่อให้ท่านผู้อ่าน เพื่อเพิ่มอรรถรสให้ดูหนังสนุกขึ้นนั่นเองครับ แต่จะไม่สปอยนะครับ สบายใจได้เลย
1.นายห้างหันแตร หรือ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ แสดงโดย แดเนียล บรูซ เฟรเซอร์ ตัวละครหลักเส้นทามไลน์ที่หนังใช้ดำเนินเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์
โรเบิร์ต ฮันเตอร์ แสดงโดย แดเนียล บรูซ เฟรเซอร์
โรเบิร์ต ฮันเตอร์ หรือ คนไทยในยุคนั้นจะเรียกกันว่า นายห้างหันแตร นายห้างผู้นี่มีบทบาทในราชสำนักสยามช่วงรัชกาลที่ 3 เนื่องจากได้ทำคุณแก่สยามประเทศด้วยการนำเข้าสินค้าสำคัญอย่างเช่น อาวุธสมัยใหม่คือ ปืนคาบศิลา จำนวนมาก จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช
นายห้างหันแตรผู้นี้ยังเป็นผู้สร้างห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในสยาม ที่มีชื่อว่าห้างหันแตร ในอดีตนั้นห้างแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาเยื้องๆกับสะพานพุทธฯ ปัจจุบันเป็นสำนักเทศกิจครับ
นายหันแตรเป็นชาวอังกฤษที่สามารถพูดภาษาไทยและเข้าใจคนไทยได้เป็นอย่างดี และมีความรู้จักกับขุนนางในราชสำนักคนสำคัญหลายคน อีกทั้งยังเป็นผู้นำแฝดสยามอินจัน เดินทางไปแสดงที่อเมริกาซึ่งดังมากในยุคนั้น
แต่ภายหลังนายห้างผู้นี้ก็ถูกเนรเทศออกจากสยามครับ เพราะว่ากันว่ามีส่วนในการนำเข้าฝิ่นมาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงออกกฎหมายห้ามเสพย์และค้าฝิ่น จนมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ในยุคนั้น
นำเข้าเรือกลไฟ
นายห้างหันแตรผู้นี้ ทางราชสำนักเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการนำเข้าฝิ่นและยังมีการยัดเยียดขายสินค้าอีกหลายให้กับทางราชสำนัก บางครั้งก็ขู่ว่าหากไม่ทำการซื้อขายจะให้เรือปืนอังกฤษมาปิดปากอ่าว
ซึ่งทางราชสำนักสยามมองว่าเป็นการประกอบธุรกิจที่ไม่ชอบธรรม ประกอบกับพฤติกรรมของนายฮันเตอร์ในระยะหลังที่มักแสดงออกถึงการไม่แสดงความเคารพต่อเจ้าของประเทศ ซึ่งในจุดนี้ต้องไปดูในหนังต่อเอานะครับ สยามจึงได้เนรเทศนายฮันเตอร์พร้อมกับภรรยาให้ออกนอกราชอาณาจักรไปในปี พ.ศ. 2387 ครับ
2.คุณหญิงทรัพย์
ซ้ายฟอลคอล ขวา คุณหญิงทรัพย์
นายหันแตรได้ใช้ชีวิตในสยามสมรสคู่กับ คุณหญิงทรัพย์ หญิงสยามเชื้อสายโปรตุเกส มีชื่อว่า แองเจลิน่า โดยมีชื่อภาษาไทยว่าทรัพย์ ตั้งบ้านเรือนอยู่แถวชุมชนกุฎีจีน
ชุมชุนนี้อดีตนั้นอพยพมาจากหมู่บ้านโปรตุเกสสมัยกรุงศรีอยุธยาแตก และร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสมเด็จพระเจ้าตากสินเรื่อยมา จนตั้งกรุงธนบุรีขึ้น รวมทั้งได้รับพระราชทานที่ดินให้ทหารชาวโปรตุเกสได้ตั้งรกรากบ้านเรือนกันใหม่ในแถบนี้
มีความเชื่อกันว่า แองเจลิน่า สืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาวิชาเยนทร์กับท้าวทองกีบม้า และเป็นรุ่นที่สี่ ในชุมชนเรียกกันอย่างยกย่องว่า ท่านผู้หญิงทรัพย์ เธอเป็นผู้นำชุมชนกระดีจีน(ชุมชนกุฎีจีน)
3.พระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือ สุนทรภู่นั่นเอง นำแสดงโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์ ตัวละครนี้ถูกนำมาเกี่ยวโยงอยู่ในหนังเช่นกันครับ
แม้จะเกี่ยวกันแบบงงๆ แต่ก็ดูเพื่อความอรรถรสก็จะอินเพิ่มขึ้นได้ครับ
สุนทรภู่ นำแสดงโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์
ผมคิดว่าหลายท่านคงรู้จักสุนทรภู่เป็นอย่างดีแล้ว ผมคงไม่เล่ารายละเอียดมาก
ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นยุคที่วรรณกรรมเจริญอย่างมาก สุนทรภู่ ได้มีบทบาทและผลงานออกมามาก เนื่องจากรัชกาลที่ 2 พระองค์ท่านทรงชอบชุบเลี้ยงคนมีฝีมือทางด้านวรรณกรรม สุนทรภู่จึงได้ถูกเลื่อนยศอย่างรวดเร็ว แต่พอเข้าสู่ในแผ่นดินรัชกาลที่ 3 ยุคแห่งวรรณกรรมก็เริ่มซาลง ยุคแห่งการค้าขายทางทะเลก็เข้ามาแทนที่ ชื่อเสียงของสุนทรภู่ก็เริ่มซาลง แต่ก็ยังทิ้งผลงานไว้ให้คนรุ่นหลังยลต่อไปครับ
สุนทรภู่ กับ พระเอก
ในหนังจะมีการแสดงละครเรื่องพระอภัยมณี แต่จะไม่ลงลึกบทบาทของสุนทรภู่มากนัก จึงเห็นได้ชัดว่าในยุครัชกาลที่3 นี่เอง สุนทรภู่บทบาทในราชสำนักน้อยลงตามการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั่นแหละครับ
4.โรเบิร์ต ฮันเตอร์ จูเนียร์ หรือ บุตรชายนายห้างหันแตร กับ คุณหญิงทรัพย์นั่นเองครับ หลังจากที่พ่อและแม่ถูกเนรเทศออกจากสยาม แต่ลูกกลับยังสามารถทำงานให้กับสยามได้ต่อไป
ไอซ์ พาริส
เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชสำนักไทยมากกว่าบิดาครับ ในจุดนี้เองครับที่หนังเอาประเด็นนี้มาเล่น แต่ผมจะไม่ขอกล่าวลึกไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะเป็นการสปอย แต่อยากให้ผู้อ่านสังเกตุตัวละครนี้ให้ดี ใครไปดูมาแล้วห้ามสปอยนะครับ
5.หมอบรัดเลย์ หรือ แดน บีช แบรดลีย์ คนไทยในยุคนั้นเรียกกันว่า หมอบรัดเลย์ หมอเป็นชาวอเมริกันครับ ผู้ตั้งธุรกิจโรงพิมพ์แห่งแรกในสยาม และพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับแรกในสยามที่ชื่อว่า Bangkok Recorder ครับ
หมอบรัดเลย์เป็นผู้ที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการพิมพ์ของสยาม รวมทั้งการแพทย์ด้วยนะ เคสผ่าตัดแรกๆในสยามก็หมอบรัดเลย์นี่แหละเป็นผู้นำเข้ามา
บรัดเลย์พักอาศัยอยู่แถววัดเกาะ สำเพ็ง (วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร) โดยอาศัยพักรวมกับครอบครัวของศาสนาจารย์สตีเฟน จอห์นสัน
หมอบรัดเลย์เปิดโอสถศาลาขึ้นเป็นที่แรกในสยาม เพื่อทำการรักษา จ่ายยาและหนังสือเกี่ยวกับศาสนาให้กับคนไข้ แต่เนื่องจากในย่านนั้นมีชาวจีนอาศัยอยู่ กิจการนี้จึงถูกเพ่งเล็งว่าอาจทำให้ชาวจีนกระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาลสยามได้ หมอบรัดเลย์เข้ามาช่วยเหลือสยามและนำเข้าองค์ความรู้ใหม่ๆอย่างมากครับ ทั้งทางด้านการแพทย์ การพิมพ์ และมิชชันนารี
จนในสมัยรัชกาลที่ 4 หมอบรัดเลย์ได้รับพระราชทานที่ดิน เพื่อสร้างโรงพิมพ์บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ข้างป้อมวิชัยประสิทธิ์ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่พระราชวังเดิมของกองทัพเรือครับ
6.พระคุณเจ้าฌ็อง-ปอล-อีแลร์-มีแชล กูร์เวอซี
รูปจากภาพยนตร์
คนกลาง
หรือที่รู้จักในนามพระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ ท่านผู้นี้คือ พระสหายของรัชกาลที่ 4 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางศาสนา รวมทั้งภาษาใหม่ๆให้กับทางราชสำนักสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 เลยก็ว่าได้ครับ
พระสังฆราชปัลเลอกัวซ์ เป็นผู้มีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเผยแผ่พระคริสต์ธรรม คำสอน ให้ได้ผลดีในหมู่คริสตังชาวสยาม แต่กลับพบว่าหนังสือเกี่ยวกับพระคริสต์ศาสนาในกรุงสยามมีอยู่น้อยเต็มที ส่วนใหญ่เรียงเรียงขึ้นโดยบาทหลวงคาทอลิกรุ่นก่อนๆ ซึ่งนักเรียนคริสตังได้คัดลอกต่อๆ กันมาด้วยความยากลำบาก และสิ้นเปลืองเวลาสำนวนโวหารก็เก่าคร่ำครึล้าสมัยไม่ถูกต้อง จึงตัดสินใจสร้างตึกทำเป็นโรงพิมพ์ขึ้นภายในวัดอัสสัมชัญ
ในหนังนั้นท่านผู้นี้จะเป็นอาจารย์ของนางเอกครับ และผมก็ชอบมากที่หนังให้ความสำคัญกับฉากโลเคชั่นที่ทำการบ้านมาอย่างดี พยายามทำโลเคชั่นให้มีความสมจริงกับวัดอัสสัมชันในยุคแรกด้วย
วัดอัสสัมชันยุคแรก
อีกทั้งท่านยังเป็นผู้นำเข้าเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพเข้ามาสู่สยาม ลูกศิษย์ชาวสยามคนแรกคือ หลวงอัคนีนฤมิตร (จิตร) หรือ นายจิตร หรือ ฟรานซิศจิตร ช่างภาพในยุครัชกาลที่ 4-5 ถ่ายภาพให้คนในราชสำนักหลายคน ดังจนมาเปิดร้านถ่ายภาพริมน้ำบริเวณเรือนแพหน้าวัดกุฎีจีน ฝั่งธนบุรี (ปัจจุบันคือ วัดซางตาครู้ส และฝีมือก็ไม่แพ้ระดับโลกในยุคนั้นเลยครับ
และนี่คือ 6 บุคคลในภาพยนตร์ที่มีตัวตนจริงในเรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 บุคคลที่ถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ไทย บางคนได้สร้างสิ่งดีดีและคุณประโยชน์ไว้
บางคนมีความเกี่ยวโยงทางด้านการเมือง บางคนสืบเชื้อสายที่มาจากสมัยแผ่นดินอยุธยา แต่ถึงอย่างไรแล้วความสนุกของหนังนั้น อาจจำเป็นต้องมีการดัดแปลงเพื่อความเกี่ยวโยง ให้ถ่ายทอดออกมาดูกลมกล่อมขึ้น สนุกขึ้น หากถามว่าผมสนุกไหมกับเรื่องบุพเพสันนิวาส 2 ผมก็พูดได้อย่างเต็มปากว่า สนุก เนื่องจากเราคือแฟนบอยอยู่แล้วเนอะ
ผมเชื่อว่าหากท่านผู้อ่านได้ชมหนังเรื่องนี้แล้ว ใครที่อินกับประวัติศาสตร์ และสถานที่ที่ปรากฏในหนัง คงมีความสุขมาก
เพราะหนังดำเนินเรื่องในยุครัตนโกสินทร์ แถมอยู่ในกรุงเทพฯ กระแสนี้อาจจะกลับมาทำให้ฟีเวอร์อีกครั้ง
และนี่คือเหตุผลที่ผมชอบให้เรามีละครหรือภาพยนตร์ที่จรรโลงใจผู้ชมให้สนุกสนานไปกับบทพระนาง ด้วยวิธีแฝงประวัติศาสตร์ไว้ให้ผู้ชมได้ค้นหาความจริงต่อไปนั่นเองครับ อุดหนุนหนังไทยดีดีกันเนอะครับ
ขอบพระคุณครับ❤️❤️🙏🙏
- 78
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
