31 ก.ค. 2022 เวลา 03:56 • ปรัชญา
ปราชญ์…….ผู้กล้าสอนขงจื๊อ
ขงจื๊อ นั่งดีดพิณร้องเพลง ระหว่างการท่องเที่ยวป่าดำ ชายชราคิ้วขาว หนวดขาวยาวย้อยต่ำ ผมขาวกระจายคลุมไหล่ สองมือยัดใส่แขนเสื้อ ขึ้นจากเรือเดินเข้ามา ได้ยินเสียงเพลงก็นั่งคุกเข่า มือเท้าคาง นั่งฟังอย่างตั้งใจ
เพลงจบ…พอรู้ว่าเป็นขงจื๊อ ผู้แสวงหาทางการเมือง หยีฟู่ก็หัวร่อ กล่าวว่า “ที่เขาเหนื่อยยากถึงปานนี้ ก็น่ายกย่อง แต่ถ้าเขาขืนทำเช่นนี้ต่อไป ก็น่ากลัวว่าเขาจะห่างไกลจากมรรคออกไปทุกวัน” แล้วก็เดินจากไป
เมื่อขงจื๊อทราบ ก็ผลักพิณไปข้างหนึ่ง บอกศิษย์ว่า “ชาวประมงนั้น เป็นคนมีสติปัญญาล้ำเลิศ” แล้วก็เดินตามไปทันหยีฟู่ ที่ริมทะเลสาบ ค้อมคำนับหยีฟู่ แล้วบอกว่า “ถ้อยคำที่ท่านพูดสักครู่ ดูจะยังไม่จบ ข้าพเจ้าโง่เขลา ใคร่ขอฟังคำสอนจากท่านอีก”
หยีฟู่ : “ท่านนับเป็นคนรักการศึกษา”
ขงจื๊อ : “ข้าพเจ้ารักการศึกษามาตั้งแต่เด็กเวลานี้มีอายุ 69 ปี”
หยีฟู่กล่าว “คนเรามีโรคร้าย 8 ประการ มีความทุกข์ 4 ประการ จะไม่สนใจมิได้””นั่นคือ…
1. ทำในสิ่งที่ท่านไม่ควรทำ นี่เรียกว่า……. “แส่เสือก”
2. คนอื่นเขาไม่เชื่อในถ้อยคำของท่าน แต่ท่านก็พูดไม่รู้จบ นี่เรียกว่า ……”เพ้อพล่าม”
3. เดาใจของผู้อื่น พูดในสิ่งที่ผู้อื่นเขาอยากจะฟัง นี่เรียกว่า…… …..”ประจบ”
4. ไม่รู้ดีชั่ว เออออตามคนอื่นเขา นี่เรียกว่า…….. “สอพลอ”
5. ชอบนินทาความผิดของผู้อื่น นี่เรียกว่า ……”ใส่ไคล้”
6. ทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น นี่เรียกว่า…….. “ยุแยง”
7. ยกย่องคนชั่ว ขับไสคนที่เกลียดชัง นี่เรียกว่า…….. “เจ้าเล่ห์”
8. ไม่แยกดีชั่ว ทำดีกับสองฝ่าย เพื่อให้เขาชอบ นี่เรียกว่า ….”กลิ้งกลอก”
หยีฟู่สรุปว่า “โรคร้ายทั้ง 8 ประการนี้ ต่อภายนอกก็ก่อกวนคนอื่น ต่อภายในก็ทำร้ายตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผู้มีสติปัญญามิยอมชิดใกล้”
“ถ้าเช่นนั้น ที่ว่าความทุกข์ 4 ประการนั้นเล่า คืออย่างไร?” ขงจื๊อถามต่อ
หยีฟู่กล่าว “นั่นคือ
1. คิดจะทำแต่เรื่องใหญ่ เพื่อหาชื่อเสียง นี่เรียกว่า….”มักใหญ่”
2. ทำเป็นอวดฉลาด ทำอะไรตามใจชอบ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเอง ไม่คำนึงถึงการล่วงเกินผู้อื่น นี่เรียกว่า…..”ถือดี”
3. มองเห็นความผิดของตน แต่ไม่ยอมแก้ไข ครั้นเมื่อได้ฟังคำตักเตือนของคนอื่น ก็กลับโมโหโกรธา นี่เรียกว่า……. “ยโส”
4. ถ้าความเห็นนั้นตรงกับของตนก็ว่าถูก ถ้าความเห็นนั้นไม่ตรงกับคนอื่น แม้จะดีก็ว่าไม่ดี นี่เรียกว่า ……”ทะนง”
“คนคนหนึ่ง ถ้าหากมีความทุกข์ 4 ประการนี้แล้ว ก็ยากที่จะสนทนา”
ขงจื๊อได้ฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป ค้อมคำนับอีกสามครา แล้วก็จากมา…
หยีฟู่ ชายชราคิ้วขาว เคราขาวยาวคลุมอก…ผู้กล้าสอนขงจื๊อ ทำให้ขงจื๊อต้องคำนับแล้วคำนับอีก
จวงจื๊อ ปราชญ์รุ่นหลังขงจื๊อ ผู้เขียนเรื่องนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นใครมาจากไหน บอกแต่เพียงว่า… สอนขงจื๊อแล้ว ก็ลงเรือหายไปในทะเลสาบ
แต่คำสอน โรคร้ายทั้ง 8 ความทุกข์ทั้ง 4 ยังมีผู้บันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่า……. บ้านเมืองที่มีแต่คนป่วยเป็นโรคร้ายทั้ง 8 มีแต่คนมีทุกข์ทั้ง 4 เป็นบ้านเมืองที่หามีความสงบสุขไม่
หนึ่งในเรื่องราวขงจื่อ….. ถึงแม้เป็นคำสอนของหยี่ฟู่… ถ้าขงจื่อไม่ใช่ปราชญ์ ก็ไม่บันทึก ก็ไม่มีใครรู้…. ถ้าขงจื่อไม่เอามาถ่ายทอดสั่งสอนต่อก็ไม่มีใครรู้..นี่ล่ะปราชญ์ขงจื่อ
ดังนั้นคนที่รู้มากรู้น้อยจะต้องมีอาจารย์..แล้วรู้จักรับฟัง แล้วนำมาสอนสั่งผู้อื่นให้เห็นดีเห็นงามได้ก็ถือว่า “ยอดคน” ..ขงจื่อจึงเป็นยอดปรมจารย์นักปราชญ์โดยแท้..
โฆษณา