31 ก.ค. 2022 เวลา 18:44 • ความคิดเห็น
ผมเองไม่เคยลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์เลยจนถึงวันนี้ แต่ผมเองก็สนใจในโลกการลงทุนมาตลอด และพยายามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตัวเองเสมอมา
ผมมองว่าการลงทุนควรเริ่มต้นจากวิธีคิดที่ว่า “ทำอย่างไรที่ผมจะลงทุนได้โดยไม่สูญเสียเงินต้น ก่อนที่ผมจะถามตัวเองว่าทำอย่างไรจึงจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงใดๆเลย!”
คล้ายๆกับการที่คุณถือปืนลงสนามรบ แทนที่คุณจะคิดว่า “ทำอย่างไรจึงจะยิงข้าศึกให้ได้มากที่สุด คุณควรจะถามตัวเองว่า ทำอย่างไรคุณถึงจะไม่ถูกยิง เพราะถ้าคุณถูกยิง ความสามารถในการยิงข้าศึกของคุณจะลดลง”
1
ผมจึงมองว่า ก้าวแรกของการเป็นนักลงทุนคือ “ความสามารถในการประเมินความเสี่ยง” หาใช่ “ความสามารถในการทำกำไร” แต่อย่างใดไม่
1
และความสามารถในการประเมินความเสี่ยง ย่อมได้มาจาก การลงทุนกับตัวเองซึ่งตรงกับคำสอนของนักลงทุนระดับโลกอย่างท่าน Warren Buffett ที่ท่านเคยแนะนำว่า
“invest in yourself”
1) “Warren Buffett”
ถึงแม้ผมจะชอบรถยนต์เพียงใด เวลาไปเดินร้านหนังสือ หลังจากที่ดูหนังสือรถจากสำนักพิมพ์ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ผมมักเดินไปดูหนังสือแผนกอื่นๆ ที่ผมไม่มีความรู้พื้นฐานใดๆเลย
มีอยู่วันหนึ่งผมเดินไปดูแผนก “ธุรกิจและการลงทุน” ผมสังเกตเห็นบนหน้าปกหนังสือหลายๆเล่ม มีชื่อของบุคคลท่านหนึ่งเพียงชื่อเดียว! ปรากฎอยู่บนหนังสือหลายๆเล่ม!
ผมถึงกับอึ้ง? เพราะผมไม่รู้จักบุคคลท่านนี้เลย เลยลองหยิบขึ้นมาเปิดดูสักเล่ม ตั้งแต่วันนั้น ผมเริ่มรู้จักท่าน และ ศึกษา “วิธีคิด” ของท่านตามโอกาสสมควร เพราะผมต้องกลับไปสู่โลกเทคโนโลยีตามสายวิชาที่ผมเรียนมา
จนมาถึงยุค Youtube ผมจึงได้มีโอกาสกลับไปฟังแนวคิดของท่านจากคลิปที่สื่อยักษ์ใหญ่และสถาบันชั้นนำ เชิญท่านไปบรรยายและให้สัมภาษณ์
ซึ่งปรัชญาในการลงทุนและการใช้ชีวิตที่ผมได้เรียนรู้จากท่านนั้น มีคุณค่าต่อน่าศึกษาอย่างยิ่ง
i) Never Lose Money
“Rule No. 1: Never lose money. Rule No. 2: Never forget rule No. 1."
1
ii) Value VS Price
”Price is what you pay; value is what you get."
1
iii) Invest In Yourself
“Invest in as much of yourself as you can. You are your own biggest asset by far."
“Anything you do to improve your own talents and make yourself more valuable will get paid off in terms of appropriate real purchasing power."
iv) Risk
“risk comes from not knowing what you're doing.”
1
“Never invest in businesses you can’t understand.”
1
v) investing is a long game
“Someone's sitting in the shade today because someone planted a tree a long time ago.”
1
vi) self-awareness
“If you don’t feel comfortable owning a stock for 10 years, you shouldn’t own it for 10 minutes.”
1
vii) what to buy
“It is far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price.”
1
”Be Fearful When Others Are Greedy and Greedy When Others Are Fearful.”
1
แน่นอนครับ ข้อคิดอื่นๆของท่านที่ผมรวบรวมไว้มีดังนี้ครับ
2) ข้อมูลจาก SET
3) สิ่งที่ผมเรียนรู้จาก “คุณพี่นิ้วโป้ง”
ผมเองเป็นแฟนรายการ “เศรษฐกิจติดบ้าน” จากทาง ThaiPBS
มีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมมองว่า เป็น “ทางสว่าง” สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่ผมขอสรุป highlights ของคลิปนี้ให้ดังนี้ครับ
คุณพี่นิ้วโป้ง หรือ คุณ อธิป กีรติพิชญ์ เจ้าของเพจ “นิ้วโป้ง Fundamental VI” ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า
-นักลงทุนระยะยาวจะมีแนวคิดในการซื้อหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ มากกว่าการซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นๆ
-ด้วยการซื้อหุ้นคุณภาพในราคาถูก โดยในการซื้อจะต้องมี margin of safety หรือ safety factors นั่นเอง!
-คุณอธิปอธิบายว่า ตลาดหลักทรัพย์ก็มีฤดูกาลหรือ seasons นั่นคือ หุ้นดีๆหรือหุ้นคุณภาพ ก็มีเวลาที่ราคาจะลดลงมาจากราคาที่เป็นราคาเหมาะสมของมัน และการซื้อเมื่อราคาลงนั้นเป็นการสร้าง margin of safety
คล้ายๆกับคำกล่าวที่ว่า
“it’s not what you want to buy, it’s how much you want to pay”
-เทคนิคการซื้อหุ้นคุณค่าในราคาถูก (VI: Value Investing)
$พื้นฐานกิจการดี
$รายได้เติบโตสม่ำเสมอ
$มีความสามารถในการทำกำไรดี
$จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
$ราคาไม่แพง
ที่มา: www.setinvestnow.com
-คุณควรแบ่งการลงทุนตามระดับความเสี่ยง (Asset Allocations)
หากเราเปรียบเทียบการลงทุนเป็นการวางแผนการเล่นฟุตบอลที่ต้องมี “กองหลัง, กองกลาง, และ กองหน้า”
ในโลกแห่งการลงทุนจะใช้ “ความเสี่ยง” เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา คือ
“การลงทุนที่มีความเสี่ยงตำ่” จะถูกเปรียบเป็น “กองหลัง” นั่นคือ เราเน้นรักษาเงินต้นเป็นหลัก โดยเรายอมรับผลตอบแทนที่น้อยกว่า เช่น การลงทุนใน “เงินฝาก, พันธบัตร, หรือ หุ้นกู้”
“การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง” (high risk, high return) จะถูกเปรียบเทียบเป็น “กองหน้า” นั่นคือ นักลงทุนจะเน้น ผลตอบแทนสูง มากกว่า ความปลอดภัยของเงินต้นที่ลงทุนไป เช่น การลงทุนใน “หุ้น, ตราสารอนุพันธ์, หรือ crypto currencies”
ส่วน “กองกลาง” ได้แก่ การลงทุนใน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
-ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่
&รู้จักตัวเอง
&รู้จักทางเลือกในการลงทุน
&รู้จักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค
&สร้างพอร์ตและจัดทำคัมภีร์ลงทุน
&ลงมือทำตามแผน
&ติดตามและทบทวนแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา: www.setinvestnow.com
-จัดสรรเงินลงทุนเป็นงวดๆ เพราะราคาหุ้นอาจลดลงอีก ไม่ควรซื้อทีเดียวหมดทั้งก้อน
-ผลตอบแทนรวมตลาดหุ้นไทย ย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ราว 7.77% ต่อปี
ส่วนในคลิปนี้มี highlights ที่น่าสนใจคือ
-การติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจจะช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลในการตัดสินใจ และศึกษากลไกของตลาด
โดยส่วนตัวผมชอบติดตาม
Finansia Hero
คิดยกกำลังสอง ThaiPBS
TNN wealth guide
TNN เศรษฐกิจ insight
TNN Business Watch
โดยจากประสบการณ์ที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมา มีปัจจัยทางเศรษฐกิจ 4 ตัว ที่ควรให้ความสนใจคือ
อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, และ ราคาน้ำมัน
ทิศมทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลัง Covid-19 ที่ว่ากันว่าจะเป็น K-shaped recovery
-Theme VS Sector
นั่นคือ การลงทุนสามารถพิจารณาได้ตาม sectors เช่น ภาคโรงแรม, ภาคโรงพยาบาล, ภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจจะฟื้นตัวหลังจาก Covid-19 มีการแพร่ระบาดที่สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น ซึ่งก็คือ Reopening theme ในการลงทุนช่วง “เปิดประเทศหลังโควิด” นั่นเอง
โฆษณา