2 ส.ค. 2022 เวลา 03:56 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ขาลงเพิ่งเริ่ม! เศรษฐกิจจริงแย่กว่าที่เห็น กูรูเตือนฟองสบู่ลูกใหญ่จะแตก?
1
วันนี้จะมาพูดถึงคุณโรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือชื่อดัง พ่อรวยสอนลูก ที่ออกมาเตือนเรื่องของตลาดพันธบัตร ว่าต้องจับตาดูให้ดี เพราะใหญ่กว่าหุ้นหลายเท่า แถมกำลังเกิดฟองสบู่ที่ใกล้แตกอีกด้วย
ซึ่งหลายคนก็มีคำถามมากมายในเรื่องของการเกิด recession ที่กำลังเกิดขึ้นจริงตอนนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น หรือ จะเกิดขึ้นอย่างยาวนานแบบในอดีต
โดยคุณโรเบิร์ต ได้ออกมาเตือนว่า ตลาดหุ้นที่คุณเห็นว่ามันร่วงหนัก มันถือว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับตลาดพันธบัตร ซึ่งฟองสบู่ของตลาดพันธบัตรมันใหญ่มาตั้งแต่ในปี 1788 คำถามที่สำคัญ ทำไมมันถึงใหญ่?
ประเด็นแรก คือ ดอกเบี้ยมันเข้าใกล้ 0 ประกอบกับรัฐบาลทั่วโลก และบริษัทต่างๆ ได้ก่อหนี้กันมาอย่างยาวนาน ทำให้หนี้สินมันก้อนใหญ่มาก อารมณ์เหมือนว่า เราได้สูบน้ำไปบนแทงค์น้ำที่สูง เป็นเวลา 10 ปี 20 ปี แทงค์น้ำนี้ก็ใหญ่ขึ้นและรอมันร่วงลงมา
1
ซึ่งในอดีต 40 ปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเป็นขาลงโดยตลอด ในทางกลับกันพันธบัตรก็ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผลตอบแทนมันต่ำลง แต่ถ้าเราลองจินตนาการว่า ตอนนี้ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ทำให้ตลาดพันธบัตรที่มีขนาดใหญ่มากก็จะเทขายลงมา เพื่อให้ผลตอบแทนมันสูงขึ้น รับกับตัวซีรีย์ใหม่ที่กำลังจะออกมา
2
แล้วอย่าลืมว่า พันธบัตรรัฐบาล เป็นหลักประกันของทรัพย์สินต่างๆนานาทั่วโลก รวมถึงเงินกู้ด้วย ถ้ามีการเทขายอย่างหนัก ทำให้ราคาร่วง จะกดดันให้เกิดการบังคับขายทั่วโลก
1
ในฝั่งของ baby boomer มียอดเงินปริมาณมหาศาล มากกว่าเด็กในปัจจุบันเป็น 10 เท่า และคนกลุ่มนี้ก็เห็นว่าเศรษฐกิจจะเริ่มถดถอย แล้วต้องเทขายออกมา ไม่อย่างนั้นเขาจะขาดทุนอย่างหนัก เพราะมูลค่าทรัพย์สินของเขาร่วงนั้นเอง
2
และประเด็นต่อมา คือเรื่อง GDP ต้องยอมรับว่า ตัวเลข GDP มันสวยเกินจริง เพราะ GDP ที่แท้จริง ต้องมีการหักลบต่างๆนานา อย่างเช่น เรื่องของเงินเฟ้อ อารมณ์แบบว่า เราขายของได้ในราคาที่สูงขึ้น แต่เป็นเพราะว่าเกิดจากเงินเฟ้อ มันไม่ได้แปลว่าเราเติบโตขึ้น แต่ตัวเลข GDP ไม่ได้หักตรงนั้น
2
และอีกประเด็นคือ ต่อให้คุณทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเติบโตมากมาย แต่คุณขาดทุน GDP มันก็เติบโตมากขึ้นเช่นเดียวกัน อารมณ์แบบว่าไม่ได้แคร์ว่าคุณจะขาดทุนหรือกำไร แต่มันแคร์แค่ว่าเศรษฐกิจเติบโตเท่าไหร่?
แล้วสุดท้าย มันก็ไม่รู้ว่าคุณลงทุนไปเท่าไหร่ เช่น ในขณะที่คุณกำไร 3% คุณอาจจะลงทุนไป 5% ก็ได้ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มันดีกลับขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้ว คุณอาจจะเห็นภาพว่า คุณได้ลงทุนไปมากกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวมอีก
และถ้าเราหักลบให้เห็นภาพจริง หรือ Real GDP จะเห็นได้ว่า GDP ของเราติดลบกันอย่างมากแล้ว และเป็นแบบนี้มาอย่างยาวนาน
ดังนั้น จากข้อสันนิษฐานเหล่านี้ อยากให้คุณจับตาว่า GDP ที่จะเห็นต่อจากนี้ อาจจะแย่กว่าเดิมก็เป็นไปได้ และ GDP ที่เราเห็นในปัจจุบัน อาจจะเป็นแค่ก้อนน้ำแข็งที่โผล่มาเหนือน้ำเท่านั้นก็เป็นได้
1
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไร คอมเม้นมาพูดคุยกันได้นะครับ...
แอดปลา
โฆษณา