3 ส.ค. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
Roots แบรนด์กาแฟ ที่ยกระดับกาแฟไทย ท่ามกลางทะเลเลือด
1
หากย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน “กาแฟพิเศษ” (Specialty) คงเป็นชื่อเมนูที่แปลกใหม่สำหรับหลาย ๆ คน และถ้าเราต้องการดื่มกาแฟที่มีรสชาติซับซ้อน ก็ต้องค้นหาอยู่นาน กว่าจะเจอร้านที่ใช่
1
แต่ปัจจุบัน กาแฟพิเศษกลับเป็นเมนูที่คาเฟหลาย ๆ แห่งต้องมี เรียกได้ว่าหาง่าย จนเหมือนอยู่ทุกมุมของถนนเลยก็ว่าได้
ซึ่งวัฒนธรรมกาแฟที่ก้าวหน้า ก็ทำให้กระแสกาแฟในบ้านเราครึกครื้น ทั้งทางฝั่งผู้บริโภคและผู้ขายเลยทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนร้านกาแฟที่เพิ่มขึ้นมากมายในแต่ละปี ก็สามารถสื่อถึงธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด และคงไม่ผิดนัก หากจะบอกว่า นี่คือตลาดที่มีลักษณะแบบ “Red Ocean” หรือ “ทะเลเลือด” เช่นกัน
1
โดยวันนี้ลงทุนเกิร์ลได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณวรัตต์ วิจิตรวาทการ หรือ “คุณเต้” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Roots ร้านกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นตัวชูโรง และยังเรียกได้ว่าเป็นร้านยุคบุกเบิกของกาแฟพิเศษ
1
แล้ว Roots มีกลยุทธ์การทำธุรกิจอย่างไร ให้สามารถสร้างความโดดเด่นออกมาจากคู่แข่งได้ ท่ามกลางทะเลเลือดแห่งนี้ ?
เริ่มจากการทำความรู้จักกับ Roots
Roots คือแบรนด์กาแฟพิเศษที่อยู่ในเครือของบริษัท คินเนสท์ กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจครอบครัวของคุณเต้ ที่ครอบคลุมไปถึงคอมมิวนิตีมอลล์ theCOMMONS และธุรกิจร้านอาหารอย่าง Roast, Ocken, Monty’s Bagels และ Little Pea Kids Commons
สำหรับ Roots จะมีคอนเซปต์ที่โดดเด่น เรื่องการคัดสรรกาแฟไทยคุณภาพดี โดยมีกระบวนการปลูก และการแปรรูปมาอย่างพิถีพิถัน จากเกษตรกรไทย 100%
ความพิเศษของ Roots ยังไม่ได้จบแค่การมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการพัฒนากาแฟไทยร่วมกับเกษตรกร ตามเป้าหมายของผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการยกระดับกาแฟสัญชาติไทย ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค
ซึ่งปัจจุบัน Roots ก็เดินทางเข้าสู่ปีที่ 9 พร้อมกับการเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ ทำให้รวมมีทั้งหมด 9 สาขา
1
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน Roots เริ่มต้นจากการเป็นส่วนหนึ่งใน Roast ร้านอาหารคอนเซปต์ “Casual All-Day” ที่เสิร์ฟทั้งอาหารและกาแฟ
1
ส่งผลให้คุณเต้มีโอกาสได้เดินทางไปยังแหล่งเพาะปลูกกาแฟหลาย ๆ แห่งในประเทศไทย เพื่อค้นหาเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีมาคั่วเสิร์ฟในร้าน
นี่เองที่ทำให้คุณเต้และทีมงาน เริ่มหลงใหลไปกับการทำกาแฟมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เนื่องจากร้าน Roast เป็นร้านอาหาร ทำให้ต้องเสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มทุกประเภท ตั้งแต่กาแฟไปจนถึงสมูทที เพื่อรองรับลูกค้าทุก ๆ กลุ่ม จึงกลายเป็นข้อจำกัดในการทำกาแฟพิเศษ
เมื่อเรื่องราวเป็นอย่างนี้ คุณเต้จึงตัดสินใจแยกทีมงานบางส่วนออกจาก Roast และก่อตั้งแบรนด์ Roots ร่วมกับคุณกรณ์ สงวนแก้ว ในปี 2013
1
คุณเต้เล่าให้ฟังว่า ร้าน Roots สาขาแรกที่ตั้งอยู่ที่เอกมัย เป็นเพียงร้านกาแฟพิเศษเล็ก ๆ มีแค่ 4-5 ที่นั่ง หน้าเคาน์เตอร์บาร์ สำหรับพูดคุยกับลูกค้าถึงรสชาติของกาแฟ เพื่อที่เขาจะได้รับฟังความคิดเห็น และนำเสนอกาแฟที่คิดว่าจะถูกปากให้กับลูกค้า
1
ที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าร้าน Roots จะเปิดให้บริการแค่วันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเวลาบ่าย ๆ ซึ่งไม่ใช่เวลาที่คนส่วนใหญ่เลือกดื่มกาแฟ แต่ก็ยังมีลูกค้ามาใช้บริการตลอด
นอกจากนั้น Roots ยังเป็นร้านแรก ๆ ในไทย ที่มี “Honesty Box” ให้ลูกค้าเลือกจ่ายได้ตามความพึงพอใจของรสชาติกาแฟ
1
ซึ่งในช่วงแรก Roots ก็ยังเสิร์ฟกาแฟไทย ผสมผสานไปกับกาแฟจากหลากหลายประเทศ เหมือนกับร้านกาแฟอื่นทั่ว ๆ ไป
จนกระทั่ง หลังจากที่คุณเต้สามารถชนะการแข่งขันบาริสตาระดับประเทศ เรื่องนี้จึงได้ผลักดันให้คุณเต้ มีแพสชันในการยกระดับกาแฟสัญชาติไทย
เนื่องจากตอนที่ไปแข่งขัน คุณเต้เลือกใช้เมล็ดกาแฟสัญชาติไทยทั้งหมด ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ก็ต้องยอมรับว่ากาแฟไทย ยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับสากลเท่าไรนัก
อีกทั้งคณะกรรมการชาวต่างชาติบางคน ก็ยังคงดูถูกเมล็ดกาแฟสัญชาติไทยว่า “ไม่มีทางเอาชนะในระดับสากลได้”
2
อย่างไรก็ตาม คุณเต้ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กาแฟไทยของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย
โดยผลปรากฏว่าชาวต่างชาติชื่นชอบกาแฟไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ส่วน ที่ต้องพัฒนาต่อ เพื่อให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับกาแฟของประเทศอื่น ๆ
ทำให้คุณเต้เกิดความคิดที่ว่า “ถ้าเรามัวแต่ชงกาแฟของต่างประเทศไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่ถึงเวลาที่จะได้พัฒนากาแฟของไทยจริง ๆ เสียที”
และเมื่อจุดมุ่งหมายในการพัฒนากาแฟเริ่มชัดเจนขึ้น คุณเต้จึงตัดสินใจหันมาพัฒนาและเสิร์ฟกาแฟสัญชาติไทยอย่างเต็มรูปแบบ นับตั้งแต่ปี 2016
ปัจจุบัน กาแฟของ Roots จึงถูกคัดสรรมาจากหลากหลายแหล่งเพาะปลูกในประเทศไทย โดยแบรนด์ได้เข้าไปช่วยพัฒนากาแฟไทยร่วมกับเกษตรกร เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงตั้งแต่ต้นทาง
อีกทั้ง Roots จะรับซื้อเมล็ดกาแฟไทยในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกเป็นเท่าตัว รวมทั้งยังแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งของการขายกาแฟทุก ๆ แก้ว ไปช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
4
ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางเข้าสู่ปีที่ 9 ท่ามกลางทะเลเลือดของ Roots ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แล้วคุณเต้ มีการบริหารธุรกิจอย่างไร เพื่อให้อยู่รอดในการแข่งขันนี้ ?
อันดับแรก คือ ให้ความสำคัญกับ “กาแฟ” และ “คน”
ที่เป็นความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้านมาจนถึงปัจจุบัน
โดยกาแฟจะต้องอร่อยทุก ๆ แก้ว หรือแม้แต่เมล็ดกาแฟที่ลูกค้านำไปชงเองที่บ้าน ก็ต้องได้รับประสบการณ์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม คุณเต้มองว่า “กาแฟจะอร่อยได้ คนทำต้องมีความสุข และภูมิใจในตัวสินค้า”
ดังนั้นเมล็ดกาแฟพันธ์ุดี จึงไม่ใช่เหตุผลอันดับต้น ๆ ที่ Roots เลือกซื้อ
แต่เป็น “เกษตรกร” ที่ใส่ใจในการปลูกกาแฟมากกว่า เนื่องจากคุณเต้เชื่อว่า แม้ตอนแรกกาแฟอาจจะยังมีคุณภาพไม่ดีมาก แต่ถ้าคนปลูกมีความตั้งใจและใส่ใจ ก็มีโอกาสในการพัฒนาสินค้าอย่างยั่งยืนมากกว่า
1
ซึ่งช่วงเวลากว่าที่กาแฟจะไปถึงมือของผู้บริโภค ต้องผ่านหลายตัวแปรมากมาย ตั้งแต่คนปลูก, คนเก็บ, คนคั่วกาแฟ ไปจนถึงบาริสตาผู้ชงกาแฟ
หากคนใดคนหนึ่งไม่ใส่ใจในขั้นตอนของตัวเองให้ดี กว่าจะไปถึงผู้บริโภค ความอร่อยของกาแฟก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นการที่ทุกคนในกระบวนการผลิต ใส่ใจและรักษาคุณภาพของกาแฟทุก ๆ ขั้นตอน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
ดังนั้น สำหรับคนที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของ Roots จึงไม่ใช่แค่คนที่มีความสามารถในการทำกาแฟเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นคนที่มีความภูมิใจในการทำกาแฟด้วยเช่นกัน
2
โดยพนักงานของ Roots จะไม่ถูกมองว่าเป็นแค่ลูกจ้าง แต่พวกเขาคือคนสำคัญ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างสรรค์ และพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน เพื่อให้พนักงานรู้สึกภูมิใจกับการเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นคนสำคัญขององค์กร
1
Roots จึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วม ในการทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่าง Barista’s Choice เมนูพิเศษประจำเดือน ที่ให้บาริสตาแข่งขันกันภายในองค์กร เพื่อรังสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า
เช่น Kanom Tuay Cold Brew เมนูกาแฟ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมถ้วย หรือ Santol Twist Cold Brew เมนูกาแฟที่รังสรรค์รสชาติมาจากกระท้อน
หรือพาพนักงานขึ้นดอยไปยังแหล่งเพาะปลูก เพื่อให้พวกเขานำความรู้มาต่อยอด และนำเรื่องราวของต้นน้ำมาสื่อสารต่อกับลูกค้า
ต่อมา ก็คือ การสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ให้กับลูกค้า
โดยทุก ๆ สาขาของ Roots จะมีคอนเซปต์ที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปลักษณ์ภายนอกของร้านเท่านั้น แต่รวมไปถึง “เรื่องราว” ที่อยากจะเล่า และ “บริการ” ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับพื้นที่นั้น ๆ อีกด้วย
เช่น Roots ในเซ็นทรัลเวิลด์ ถูกดีไซน์มาในสไตล์ “Home Bar” เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้า ที่เริ่มหันมาชงกาแฟเอง ทำให้ภายในร้านเต็มไปด้วยเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์ชงกาแฟจากหลากหลายแบรนด์ ให้ลูกค้าซื้อติดไม้ติดมือกลับไปทำเองได้ที่บ้าน
หรือสาขาล่าสุด ที่โครงการ 111 Praditmanutham ย่านชานเมือง ในคอนเซปต์ “Roots Bakeshop” ซึ่งนอกจากจะให้บริการกาแฟแล้ว ยังมีขนมและเบเกอรีอบสดใหม่ทุกวันคอยบริการด้วย
นอกจากนี้ Roots ยังมีการทำโปรเจกต์ร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ อย่าง สาขาประตูผีที่จับมือร่วมกับ “ไสใส” ร้านน้ำแข็งไสที่มีจุดมุ่งหมายในการผลักดันวัตถุดิบไทยเช่นเดียวกัน ทำให้ความพิเศษของสาขานี้ ก็คือเมนูที่ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่น จากทั้ง 2 แบรนด์ได้อย่างลงตัว
ซึ่งในอนาคต Roots ก็มีความตั้งใจที่จะขยายสาขาให้ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อพากาแฟพิเศษสัญชาติไทยนี้ ให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงสรุปได้ว่า สาเหตุที่ Roots โดดเด่นขึ้นมาก จากบรรดาร้านกาแฟอื่น ๆ ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมของถนน ก็คือความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือของผู้บริโภค
โดยท้ายที่สุดแล้ว ความตั้งใจทั้งหมดนี้
ก็มาสะท้อนอยู่ในแก้วกาแฟที่ผู้บริโภคได้รับ
และกลายเป็นความแข็งแรงของธุรกิจอย่างยั่งยืนนั่นเอง..
Sponsored by JCB
JCB แฮปปี้ทุกไลฟ์สไตล์ มากกว่าส่วนลดและสิทธิประโยชน์แต่เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ในการใช้บัตรเครดิต JCB อย่างคุ้มค่าตลอดทั้งปี รวบรวมทั้งร้านอาหารชั้นนำ ปั๊มน้ำมัน ซูเปอร์มาเก็ต แพลตฟอร์มการสั่งอาหาร ส่วนลดการจองที่พัก ร้านค้าชั้นนำอีกมากมายทั้งหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์อีกกว่า 100 ร้านค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ติดตามได้ที่ www.facebook.com/JCBCardThailandTH และ LINE Official Account : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)
#JCBใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา #JCBThailand #JCBOwnHappinessOwnStory
References:
- สัมภาษณ์โดยตรงกับคุณวรัตต์ วิจิตรวาทการ หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Roots
โฆษณา