2 ส.ค. 2022 เวลา 07:50 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
‘Modern Love’ เป็นซีรีส์โรแมนติกจบในตอนที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองชมกัน เป็นออริจินอลคอนเทนต์ของ Amazon Prime ที่เราดูจบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จนตอนนี้ตัวซีรีส์เองมีถึง 2 ซีซั่นแล้วด้วยกัน
โดยสร้างมาจากคอลัมน์ในชื่อเดียวกันที่ประจำอยู่บนเว็ปไซต์ The New York Times นำเรื่องราวในชีวิตจริงของคู่รักทางบ้านมาเผยแพร่ตลอดรายสัปดาห์ (อารมณ์เหมือนคลับฟรายเดย์บ้านเรานั่นแหละ) ซึ่งก่อนหน้านี้บทความจากคอลัมน์เหล่านี้ก็เป็นที่ยอดฮิตติดชาร์จอยู่ระดับนึง จนเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วในฝั่งของพอดแคสท์
แต่ถึงอย่างนั้นการหยิบมานำเสนอในรูปแบบซีรีส์คอมเมดี้-โรแมนติก-ดราม่า ก็ทำออกมาได้สวยงามมากๆ เช่นกัน เราว่ารายละเอียดต่างๆ ในการตีความเรื่องราวชีวิตของบทรักมันมีน้ำหนักมากทีเดียว แม้จะเป็นซีรีส์จบในตอนที่มีความยาวตอนละไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ถ้าหากพูดถึงหนังรัก ความสัมพันธ์โรแมนติก หรือแม้กระทั่งมิตรภาพจากคนรอบตัวเรา การที่ได้ฉากหลังหรือโลเคชั่นเป็นเมืองนิวยอร์กนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้พาร์ทดังกล่าวมีพลังขึ้นมาอย่างมาก บรรยากาศของเมืองที่ไม่เคยหลับไหล แสงไฟ ตึกสูงๆ มันเติมเต็มเราได้เป็นอย่างดี Modern Love เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีองค์ประกอบสำคัญนี้ ผสมกลมกลืนกันกับเนื้อเรื่องลงตัวจนหลายๆ จังหวะทำเราตกหลุมรักในห้วงอารมณ์นั้นเข้าอย่างจัง
หนึ่งในตอนที่ชอบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นตอนของ แอนน์ แฮทธาเวย์ (ชื่อตอนว่า “Take Me As I Am, Whoever I Am” อีพีที่ 3) เล่าเรื่องของ เล็กซ์ซี (Anne Hathaway) หญิงสาวทนายความที่พบว่าตนเป็นไบโพลาร์ มีปัญหากับการจัดการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเอง แน่นอนว่านั่นก็ส่งผลกระทบให้กับชีวิตและการงานของเธอโดยตรงอย่างปฏิเสธไม่ได้
วันหนึ่งเธอได้มีโอกาสพบกับ เจฟฟ์ (Gary Carr) ชายหนุ่มนิสัยดี จิตใจงามคนหนึ่ง ทั้งคู่เริ่มรู้สึกชอบกัน และทำความรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เดินทางไปพร้อมกับคอนเซปต์ที่ว่า ‘ชีวิตไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงามด้านเดียวเท่านั้น’ เมื่อมีใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตก็ต้องยอมรับตัวตนที่ต่างฝ่ายก็เป็นอยู่ และหาจุดร่วมกันนั้นให้ได้ในที่สุด
การต่อสู้กับไบโพลาร์ของเล็กซ์ซีจึงเหมือนเป็นการต่อสู้กับตัวเองในอีกด้านหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่การยอมรับตัวตนของกันและกัน กับการตั้งคำถามว่าการเปิดเผยตัวตนนั้น ดีกว่าการปิดซ่อนตัวเองไว้อยู่หรือไม่ แล้วสุดท้ายเส้นทางนี้จะลงเอยอย่างไร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นซีรีส์โรแมนติกบรรยากาศสบายๆ แต่ทั้งหมดถูกถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้หนักหน่วงอยู่พอสมควร อีพีนี้จึงชนะใจเราไปเต็มๆ
อีกตอนที่ชอบมากไม่แพ้กันคืออีพีที่ 1 ที่พูดถึงมิตรภาพได้ลึกซึ้งชวนน้ำตาไหลมากๆ อยากให้ลองไปสัมผัสกัน และยังมีอีกหลายๆ ตอนที่เราคิดว่ามีเนื้อหาน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ความสัมพันธ์เหล่านี้บ้างก็มีซับซ้อน บ้างก็บอกอะไรเราอย่างตรงไปตรงมา ความรักที่มีทั้งรสหวานปนขม สุขปนเศร้ามันเป็นการออกแบบทางถนัดของผู้สร้างอย่าง จอห์น คาร์นีย์ เลยจริงๆ
ดีใจกับการเปิดตัวในไทยอย่างเต็มรูปแบบของ Prime Video ที่ต่อจากนี้ไปเราจะได้ดูภาพยนตร์-​ซีรีส์ รวมถึงรายการทีวีโชว์มากขึ้น และกว้างขึ้นอย่างจริงจังสักที ซึ่งส่วนตัวยังมีซีรีส์ที่ยังไม่ได้ดูให้ตามเก็บอีกเยอะเลยในแพลตฟอร์มนี้ มากไปกว่านั้นนอกจากลิสท์เก่าๆ ที่อยากดูแล้ว ลิสท์ใหม่ก็ยังรอจ่ออีกเพียบ โดยเฉพาะ ‘The Lord of the Rings: The Rings of Power’ ที่รู้สึกว่าโปรดักชั่นทั้งเอพิค และงดงามมากๆ เลย
#MovieIsland

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา