3 ส.ค. 2022 เวลา 13:28 • หนังสือ
#EP2 หนึ่งฝามือสยบโลกา
“บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ตอน ข้าอยากลดน้ำหนัก
วันหนึ่งกลางฤดูคิมหันต์อันร้อนระอุ ทางตะวันออกของสหพันธรัฐ หมอกกระจาย ปกคลุมทั่วป่าฝนบ่อเมฆประดุจผ้าขาวบาง ลำต้นสูงลิ่วของพันธุ์ไม้โบราณพันเกี่ยวกัน นกน้อยโผบินผ่านยอดไม้เขียวชอุ่มอยู่เป็นครั้งคราว ส่งเสียงร้องสุขใจและสยายปีกโผบินไปตามเส้นขอบฟ้า
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ที่ดูเหมือนว่าจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์นั้น ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะว่ามีกระบี่สำริดโบราณเล่มยักษ์สีเขียวปักทะลุใจกลางเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ปลายกระบี่ยื่นโผล่ออกมาให้เห็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กระบี่โบราณเล่มนี้เดินทางมาจากจักรวาลอันห่างไกล ลักษณะภายนอกของ ตัวกระบี่บ่งบอกถึงความเก่าแก่ของมัน กระบี่เปล่งพลังกดดันอันรุนแรงเป็นรัศมี ปกคลุมท้องฟ้า ราวกับว่าเป็นพลังงานที่ยึดรวมแผ่นดินไว้ให้เป็นผืนเดียว ทุกสรรพชีวิตบนโลกล้วนต้องยำเกรง!
พระอาทิตย์ที่มีกระบี่ปักและป่าฝนรวมกันเป็นทิวทัศน์ที่งดงามเมื่อมองจากที่ไกล แต่ทิวทัศน์นั้นถูกรบกวนด้วยเสียงหึ่งๆ ที่ดังมาจากที่ห่างออกไป บอลลูนอากาศร้อนลำหนึ่งกำลังบินเอื่อยๆ ตรงเข้ามายังป่าฝน
ตัวบอลลูนอากาศร้อนมีขนาดใหญ่ยักษ์ คะเนว่าน่าจะจุคนได้นับร้อยเลยทีเดียว ในนั้น เด็กหนุ่มสาวจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น
ยุวชนเหล่านี้คือศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสี่ยอด สำนักศึกษาเต๋าแห่งสหพันธรัฐ พวกเขาเดินทางมาจากเมืองปักษาเพลิงบน ยานลาดตระเวนของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เป็นระยะทางนับพันกิโลเมตรที่พวกเขาเดินทางมาเพื่อโอกาสในการศึกษาขั้นสูง
อาจเพราะว่าเหล่าศิษย์ใจจดใจจ่อกับการศึกษา หรือความดึงดูดของการ ได้พบมนุษย์ต่างเพศก็ไม่ทราบแน่ ที่ทำให้พวกเขาทุกคนสนุกสนานกับการเดินทาง ห้าพันกิโลเมตรนี้
เพราะต้องเดินทางไกล ยานลาดตระเวนนี้จึงเพียบพร้อมไปด้วยห้องอาหาร ห้องฝึกตน ห้องพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มากมาย
ศิษย์ใหม่หลายคนรวมตัวกันอยู่ในห้องอาหาร ชายหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ พุงอวบอ้วนของเขายื่นออกมา
เขาอายุสิบเจ็ดปีและสวมชุดคลุมตัวโคร่งสีน้ำเงิน ใบหน้าเล็กจ้อยที่กลมกลึงของเขาแทบไม่มีจุดเด่น เขาตบพุงเสียงดังก่อนจะทอดตามองไปยังจานแปดจานตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง
ข้าต้องน้ำหนักขึ้นมาอีกกิโลครึ่งแน่ๆ เลย ทำไมข้าถึงไม่ยอมอดทนนะ ข้าจะตายไม่ได้ ข้ายังไม่ได้เป็นผู้นำของสหพันธรัฐเลย เจ้าอ้วนเสียใจจนทำหน้าตาบูดบึ้ง ก่อนจะเรอออกมาครั้งหนึ่ง
เจ้าเด็กอ้วนคนนี้ชื่อหวังเป่าเล่อ เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มศิษย์ที่เพิ่งผ่านการสอบเข้าสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ความฝันของเขาคือการได้เป็นเจ้าพนักงานของสหพันธรัฐ หรือถ้าพูดตรงๆ คือเขาอยากเป็นผู้นำของสหพันธรัฐ เหตุที่เขามีความฝันอันยิ่งใหญ่นี้สืบเนื่องมาจากประสบการณ์วัยเด็กของเขา
ในความทรงจำของหวังเป่าเล่อ บิดาของเขาจะลูบหัวพร้อมกับถอนหายใจยาวและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า
‘เป่าเล่อ จำไว้นะลูก การได้เป็นเจ้าพนักงานนั้นคือที่สุด แม้ว่าเงินจะซื้อได้ทุกอย่าง เจ้าก็ยังอาจโดนรังแกได้ หากเจ้าไม่อยากโดนรังแก มีทางเดียวก็คือต้องเป็น เจ้าพนักงาน เป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือทุกคน’
หวังเป่าเล่อไม่เข้าใจสิ่งที่บิดาพูดเท่าใดนักจนกระทั่งเขาเริ่มเข้าโรงเรียนประถม วันหนึ่งที่เขาจำได้ไม่ลืม เขาส่งการบ้านไม่ทันเวลาและถูกตำหนิโดยหัวหน้าชั้น แม้ว่าเขาจะแบ่งขนมสองชิ้นให้หัวหน้าชั้นแล้ว เขาก็ยังถูกจดชื่อส่งครู หัวหน้าชั้น หักหลังเขา เหตุการณ์นี้เป็นแผลในใจเล็กๆ ของหวังเป่าเล่อมาโดยตลอด
เพราะเหตุนี้เขาจึงหมายมั่นจะเป็นหัวหน้าชั้นมาตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่เพราะอยาก จะรังแกผู้อื่น แต่เพื่อจะป้องกันไม่ให้ตัวเขาเองโดนรังแก
เมื่อเขาโตขึ้นอีกหน่อย เขาจึงรู้ว่าหัวหน้าชั้นก็โดนรังแกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดว่าจะต้องเป็นเจ้าพนักงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หรือผู้นำสหพันธรัฐเท่านั้นจึงจะ ไม่มีใครกล้ารังแกเขาอีกต่อไป เหตุที่เขาต้องเพียรพยายามอย่างหนักเพื่อจะเข้า สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะว่า เจ้าพนักงานระดับสูงของสหพันธรัฐนั้นต่างจบการศึกษาจากหนึ่งในสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี ชีวิตของเขาไม่น่าอภิรมย์นัก ในสายเลือดตระกูลของเขามีความผิดปกติ เขาจำได้ว่าคืนหนึ่งเมื่อปีกลาย บิดาของเขาผู้ซึ่งผอมแบบหนังหุ้มกระดูก หยิบเอาแผนผังสาแหรกตระกูลออกมาให้เขาดู
เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อได้เห็นผังนั้น เขารับรู้ในตอนนั้นว่าบรรพบุรุษของเขาทุกคนตายตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกคนไม่มีใครอยู่เกิน 35 หากมีน้ำหนักตัวเกิน หนึ่งร้อยกิโลกรัม
คืนนั้น หวังเป่าเล่อฝันว่าเขาได้พบเจอกับเหล่าบรรพบุรุษจ้ำม่ำ ก่อนที่จะยึดเอาตำแหน่งผู้นำแห่งสหพันธรัฐมาครองได้สำเร็จ
ในปีถัดมา หวังเป่าเล่อหันมาให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
ในยุคกำเนิดวิญญาณเป็นยุคที่อุดมไปด้วยปราณวิญญาณและเป็นยุคที่ วิทยายุทธ์โบราณกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะเหตุนี้จึงมีวิธีการลดน้ำหนักมากมายหลายวิธี อย่างไรก็ดี น้ำหนักของหวังเป่าเล่อไม่ลดลงแม้แต่น้อย แม้จะผ่านเข้าสู่ ยุคใหม่ แม้ว่าเขาจะลองทุกวิธี นอกจากน้ำหนักไม่ลดแล้ว น้ำหนักเขายังเพิ่มขึ้น อีกด้วย
ความทรงจำในวัยเด็กเหล่านั้นทำให้หวังเป่าเล่อต้องกัดฟัน เขาตั้งปณิธานใหม่อีกครั้งว่าจะเริ่มลดน้ำหนักในวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่ทำใจได้ หวังเป่าเล่อรู้สึกสบายใจขึ้น เขาแคะฟันไปพลางฮัมเพลงและแหงนหน้ามองท้องฟ้าสดใสกว้างไกลภายนอกหน้าต่าง จิตใจของกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครา
ท่านลู่จะชอบของกำนัลที่ข้าให้ไปไหมนะ นั่นมันโบราณวัตถุจากเมืองบ้านเกิดข้าเชียวนะ ตาแก่นั่นต้องชอบสิ หวังเป่าเล่อคิดปลอบใจตนเอง เขาคิดว่าหากเขาชนะใจท่านลู่ได้ ก็แปลว่าเขาจะมีคนหนุนหลังเมื่อเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
แม้อาจารย์จะมีอำนาจไม่มาก แต่ในภายหน้าข้าก็ต้องให้ของกำนัลเขาอยู่ดี ท่านลู่แก่ขนาดนี้ น่าจะมีหน้ามีตาในสังคมไม่ใช่น้อย ข้าเดินเกมถูกแล้วแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ในหัวเขาตอนนี้คือเขาได้ ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งผู้นำแห่งสหพันธรัฐไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว
หวังเป่าเล่อมั่นใจมากว่าเขาจะได้เป็นผู้นำของสหพันธรัฐ ความมั่นใจนี้มีผลมาจากการศึกษาค้นคว้าอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานระดับสูงที่เขาทำมาตั้งแต่อายุยังน้อย เขายังคิดไพ่ตายที่คิดว่าจะสามารถช่วยให้เขาได้ตำแหน่งเจ้าพนักงานระดับสูงไว้อีกหลายอันแล้วอีกด้วย
เขาอารมณ์ดีขณะที่จ้องมองออกไปยังท้องฟ้าสีฟ้ากว้างนอกหน้าต่าง พลางคิดว่าท้องฟ้าวันนี้ช่างสวยงามเป็นพิเศษยิ่งนัก
ทันใดนั้น นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างครั้นเห็นเมฆสีดำทะมึนก่อตัวขึ้นต่อหน้าต่อตา เมฆดำกระจายตัวออกปกคลุมท้องฟ้าแทบในทันที มีสายฟ้าฟาดส่องแสงวูบวาบอยู่ภายใน แพเมฆสีดำสนิทขยับเข้ามาใกล้ยานลาดตระเวน เหล่าศิษย์ที่เริ่มมองเห็น
เมฆดำนั้นพากันร้องตะโกน
“นั่นมันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า!”
หวังเป่าเล่อตกใจกลัว นับตั้งแต่เริ่มต้นยุคกำเนิดวิญญาณ การปรากฏขึ้นของปราณวิญญาณส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งขึ้นมากมายในโลก อากาศยานจากโลกยุคก่อนไม่สามารถใช้เดินทางได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป ทำให้ต้องมีการสร้าง ยานลาดตระเวนบอลลูนอากาศร้อนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังจากศิลาวิญญาณขึ้นมา
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวก สายฟ้าที่ขู่คำรามอยู่เมื่อครู่ก็ฟาดเปรี้ยงลงมา
1
เมฆแม่เหล็กไฟฟ้าสีดำสนิทขยายตัวอย่างรวดเร็ว สายฟ้าที่อยู่ภายในก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาขู่คำรน เมฆดำนั้นวาดระบายสีดำลงบนขอบฟ้าอย่างน่าสะพรึง
ราวกับตาข่ายสีดำ จิตใจของผู้คนที่เฝ้ามองดูอยู่เต้นระรัว ยานลาดตระเวน ชะลอความเร็วลง
ในขณะที่ผู้คนกำลังประหวั่นพรั่นพรึงอยู่นั่นเอง ประตูห้องอาหารเปิดออก ผู้เฒ่าสวมชุดขาวทั้งตัวก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น แต่กลับให้ความรู้สึกสง่างาม การเข้ามาของให้ความรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากดวงตาทั้งคู่ของเขาที่เปล่งประกาย ดูราวกับว่าเขาเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรมก็ไม่ปาน วินาทีที่เขาเข้ามาก็ประกาศด้วยสุ้มเสียงเด็ดขาดดังไปทั่วห้องอาหาร
“ให้ทุกคนไปรายงานตัวที่ห้องฝึกตนเดี๋ยวนี้ ให้สวมชุดแม่เหล็กวิญญาณด้วย เรากำลังจะเข้าเขตคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอีกราวสามนาที!”
สิ้นเสียงนั้น ศิษย์ทั้งหมดในห้องอาหารลุกขึ้นยืนพร้อมกันด้วยความเคารพยำเกรง
นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชน ผู้เฒ่าตรงหน้าเขาคือท่านลู่ คนที่เขาติดสินบนไปก่อนหน้านี้ ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วหวังเป่าเล่อยิ่งมั่นใจว่าการลงทุนของเขานั้นคุ้มค่า เขาคิดว่าผู้เฒ่าคนนี้จะต้องเป็นคนไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน การติดสินบนคือ การตัดสินใจที่ถูกต้อง
ในขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังสมหวัง ชายชรากวาดสายตามองรอบห้องและ เจอะเข้ากับหวังเป่าเล่อ เขาพ่นลมออกทางจมูกและเดินเข้ามาหา หยิบหน้ากากนิลครึ่งเสี้ยวขึ้นมาและเขวี้ยงใส่
“อย่าเสียแรงทำสิ่งโง่ๆ พรรค์นี้ตังแต่อายุยังน้อยเลย เจ้าคิดว่าเจ้ารู้จักศาสตร์ การให้ของกำนัลตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าสำนักศึกษาเต๋าอย่างนั้นรึ ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วและ มีประสบการณ์เรื่องนี้มามาก เจ้าเก็บหน้ากากนี่ไปเถอะ” ท่าทางของชายชราดูขึงขัง เขาต่อว่าหวังเป่าเล่ออย่างยุติธรรมและเถรตรง สีหน้าเขาดูผิดหวังในตัวหวังเป่าเล่อมากๆ
หวังเป่าเล่อใจแป้ว รับหน้ากากกลับมา เขาเริ่มกังวลเพราะเขาเห็นว่าชายชราดูโกรธ เขากำลังจะพูดแก้ต่างให้ตัวเองก่อนจะนึกได้ถึงไพ่ตายอย่างหนึ่งที่เขาเรียนรู้มาจากการอ่านอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูง นั่นคือการทำหน้าหนาและยอมรับความผิดต่อหน้าผู้บังคับบัญชา โดยปกติแล้ววิธีนี้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
ด้วยเหตุนั้น หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึกก่อนจะกุลีกุจอทำท่าซึมและสำนึกผิดก่อนจะกล่าวขอโทษ
“ท่านอาจารย์พูดถูกแล้ว เป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”
ชายชราเปลี่ยนท่าทีเป็นสนใจ เขาคงจะด่าว่าต่อไม่ได้เมื่อลูกศิษย์ยอมรับความผิดอย่างรวดเร็วเช่นนี้
หวังเป่าเล่อถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของอาจารย์ เขารู้สึกย่ามใจ พลางนึกไปถึงประโยชน์ของอัตชีวประวัติเหล่านั้น
ชายชราพ่นลมใจยาว เงยหน้าขึ้น และมองไปยังเหล่าศิษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องอาหาร เขายกมือขวาขึ้นและชี้ไปที่ศิษย์ก่อนจะกล่าว
“พวกเจ้าก็ด้วย พวกเจ้าทุกคนคือศิษย์ในอนาคตของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูสิว่าไม่กี่วันมานี่พวกเจ้าทำอะไรบ้าง จงจำไว้ว่า ในฐานะนักรบ เจ้าต้องพิสูจน์ตัวเอง พูดให้น้อย และระมัดระวังการกระทำให้มาก!”
คำพูดของชายชราสะท้อนก้องไปทั่วห้องอาหาร ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ต้องซุกหน้าหนีด้วยความละอาย ในขณะที่หวังเป่าเล่อตาวาวด้วยความหวัง เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสของเขาที่จะทำคะแนน
เขารีบหยิบสมุดพกออกมาและเริ่มจดในทันที บางครั้งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าชายชราด้วยท่าทางขยันและตั้งใจ บางครั้งเขาก็พยักเพยิดให้ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะจำคำพูดทุกคำของอาจารย์ให้ได้ แน่นอน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่เขาเรียนรู้มาจากหนังสืออัตชีวประวัติเจ้าพนักงานชั้นสูง
เมื่อเพื่อนร่วมชั้นเห็นเข้า พวกเขาต่างก็มองหวังเป่าเล่อราวกับว่าชายหนุ่มเป็นศิษย์สวรรค์มาจุติก็ไม่ปาน
ชายชรารู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วขณะเมื่อเขาเห็นการกระทำนั้น เขารู้สึกแปลกๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แม้ว่าเขาจะเคยรับศิษย์มาหลายต่อหลายรุ่นก็ตาม ชายชรามองหวังเป่าเล่ออยู่หลายครั้งหลายคราก่อนจะยิ้มเยาะ
“เจ้าเปี๊ยก จะประจบประแจงข้าน่ะมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ เจ้าน่ะไปขอบคุณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี่ซะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันละก็ ข้าจะด่าเจ้าสามวันสามคืนเลยทีเดียว ดูซิจะจดหมดไหม!”
เมื่อเขาพูดจบ บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที รัศมีความเป็นปราชญ์แผ่ออกมาจากตัวชายชราราวกับว่าเขาปล่อยแรงกดดันที่ควบคุมห้องอาหารไว้จนหมด ศิษย์ทุกคนอึดอัด พวกเขารู้ดีว่าชายชราเป็นผู้มีชัยเหนือการประลองปัญญาในครานี้
หวังเป่าเล่อกะพริบตาก่อนจะเอื้อมมือไปแตะแผ่นหยกบันทึกภาพในกระเป๋าเสื้อ หลังจากคาดคะเนสถานการณ์เรียบร้อย ประจวบกับที่พวกเขาใกล้เข้า เขตแม่เหล็กไฟฟ้าเต็มที หวังเป่าเล่อตัดสินใจไม่หยิบแผ่นหยกออกมา เขาคิดว่าการยอมถอยต่อหน้าผู้บังคับบัญชาไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย
ชายชราอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเขาเห็นสีหน้าของทุกคนในห้อง เขาพูดให้กำลังใจ เหล่าศิษย์ต่ออย่างใจดี
“จำไว้ว่า จงตั้งใจฝึกตน ในอนาคต พวกเจ้าจะต้องไม่ละโมภและไม่โกหก และไม่ต้องคิดจะหาคู่กันเชียวนะ ความใคร่และความตายนั้นเป็นเหมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน! การกระทำของพวกเจ้าในช่วงที่ผ่านมานี่ช่างไร้แก่นสารสิ้นดี!”
ขาดคำ เสียงหวานจ๋อยลอยมาจากสร้อยข้อมือสื่อสารของชายชรา
“อาจารย์ปู่เจ้าขา อยู่ที่ไหนเจ้าคะ เจ้าชุดแม่เหล็กไฟฟ้านี่มันใส่อย่างไรกัน มันจะต้องปิดตรงไหนบ้าง ได้โปรดมาช่วยข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
เสียงที่สดใสนั้นทำให้ชายชราถึงกับตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาแค่นกระแอมแห้งๆ ออกมาก่อนจะจ้องมองศิษย์ทุกคนอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นเขาจึงหันหลังกลับแล้วจ้ำพรวดออกจากห้องพลางกระซิบใส่สร้อยข้อมือสื่อสารไปด้วย “ข้ากำลังไปหาแล้ว แม่หนูไม่ต้องกังวลไปนะ ข้ากำลังไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว”
เหตุการณ์หักมุมนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทั้งสองเหตุการณ์ย้อนแย้งมากจนน่าตกใจ ทุกคนถึงกับใบ้เบื้อ กระทั่งหวังเป่าเล่อเองยังรู้สึกตกใจ อึดใจต่อมา เขาหายใจเข้าลึก ทุกคนต่างพากันส่งเสียงอึกทึกให้ห้องอีกครั้ง หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอดและก่นด่า
หน้าไม่อาย! สิ่งที่เจ้าเฒ่าลามกพูดมันเหลวไหลทั้งเพ! มีศิษย์หญิงอยู่หยิบมือเดียว ไม่พอสำหรับพวกข้าทุกคนด้วยซ้ำ อายุปูนนี้แล้วยังมีหน้ามาแย่งผู้หญิงของพวกข้า ไปอีก เขาทำได้เพราะว่าเขาเป็นเจ้าพนักงานสินะ
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้หวังเป่าเล่อก็ยิ่งรู้โกรธมากขึ้นทุกที เขาร่วมวงคุยกับเพื่อนศิษย์รอบๆ ตัวเขา สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งอยากเป็นเจ้าพนักงานมากขึ้นไปอีก
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ศิษย์ทุกคนหยุดพูดคุยและมุ่งหน้าไปยัง ห้องฝึกตน
ห้องฝึกตนอยู่บริเวณใจกลางยานลาดตระเวน ห้องเหล่านี้มีไว้ให้ศิษย์ฝึกตนตามชื่อ ในขณะเดียวกันห้องนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดในกรณีที่ยานลาดตระเวนต้องผ่านน่านฟ้าพิเศษใดๆ
เมื่อเหล่าศิษย์อยู่ในห้องฝึกตนแล้ว พวกเขานั่งเป็นแถวตามคำสั่งของอาจารย์จากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนใส่ชุดเครื่องแบบแม่เหล็กวิญญาณที่สำนักแจกให้
หวังเป่าเล่อยังคงโกรธท่านลู่ไม่หาย หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อมองสังเกตสิ่งรอบตัว เขายิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีกเมื่อสายตาไปสบกับคนๆ หนึ่งเข้าอย่างจัง เขาขมวดคิ้วและส่งสายตาดูถูกเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังไม่สบอารมณ์อยู่
เด็กหญิงที่นั่งอีกฝั่งของสายตาเขามีขาเรียวยาว นางมีใบหน้างดงามแม้คิ้วจะขมวดปมแน่นบ่งบอกถึงความขยะแขยง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองรู้จักกันดีและไม่ชอบหน้ากันมากๆ
ช่างเคราะห์ร้ายอะไรอย่างนี้!
ทั้งคู่ได้แต่หลบสายตากันและบ่นงึมงำอยู่ในใจ ราวกับว่าหน้าอีกฝ่ายนั้น น่ารังเกียจเสียเต็มประดา
“นังตู้หมินนมแบน ตามข้าไปทุกที่จริงๆ น่ารำคาญชะมัด!” หวังเป่าเล่อบ่นงึมงำ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับตู้หมินตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน นางเป็นคนเหย่อหยิ่งและ ไม่สุงสิงกับใคร แต่นางก็ทำให้ชีวิตหวังเป่าเล่อลำบากเพราะนางมักจะเป็นหัวหน้าชั้นอยู่เสมอ เป็นนางนั่นเองที่เป็นคนรับสินบนขนมสองชิ้นเมื่อครานั้น
“นางนี่มันมีดีอะไร เป็นแค่หัวหน้าห้องน่าเบื่อ ถ้าพวกเราไปถึงสำนักศึกษา เต๋าศักดิ์สิทธิ์เมื่อไรละก็ ข้าจะปฏิบัติตามอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานและจะขึ้นเป็น เจ้าพนักงานให้ได้เลย คอยดูเถอะ!” หวังเป่าเล่อพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่ สบอารมณ์
จากนั้นไม่นานทุกคนก็เปลี่ยนชุดเสร็จ เหล่าคณาจารย์ตรวจตราเครื่องแบบของทุกคนและอธิบายเรื่องสำคัญบางอย่างเล็กน้อย และยังเตือนด้วยว่าสถานการณ์อาจอันตรายขึ้นเมื่อยานลาดตระเวนเข้าสู่เขตแม่เหล็กไฟฟ้า มีโอกาสเสี่ยงตายอยู่บ้าง แม้จะไม่มากนัก
เมื่อศิษย์ทุกคนหน้าถอดสี เหล่าคณาจารย์ก็ทยอยออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ประตูห้องฝึกตนปิดล็อคและแสงไฟก็มืดลง
แม้จะมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบในห้องฝึกตนอยู่บ้าง แต่ยิ่งเวลาผ่านไปความวิตกกังวลของทุกคนก็เพิ่มสูงขึ้น ในท้ายที่สุดทุกคนก็หยุดพูดคุยกัน ห้องเงียบสงัด
ห้องเงียบมากเสียจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น แม้กระทั่งหวังเป่าเล่อที่ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ก็เริ่มรู้สึกกังวล เมื่อเวลาแห่งความสงบไม่กี่นาทีนั้นจบลง
ยานลาดตระเวนโยกโคลงไปทั้งลำ เหล่าศิษย์รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเข้าสู่เขตแม่เหล็กไฟฟ้าแล้ว!
ข้างนอกเมฆแม่เหล็กไฟฟ้าสีดำทะมึนแลดูใหญ่คับฟ้า ดูเหมือนกันว่าเป็น ปากทวารอันมโหฬารที่พร้อมจะกลืนเอายานลาดตระเวนเล็กจ้อยนี้เข้าไปทั้งลำ
ปรากฏการณ์นี้มีพลังทำลายล้างรุนแรงพอที่จะกวาดทุกสรรพสิ่งให้หายไปในบัดดล สิ่งเดียวซึ่งอาจหลุดรอดการทำลายไปได้ก็คือพระอาทิตย์ปักกระบี่สำริดเขียวโบราณที่ลอยเคว้งอยู่บนท้องฟ้าเหนือหัวนั่น ความแข็งแกร่งของพระอาทิตย์นั้นราวกับว่าจะสามารถทานทนปรากฏการณ์นี้หรือเหตุวิบัติอื่นใดที่อาจจะเกิดขึ้นกับมันไปได้อีกเป็นพันปี
ปีนี้เป็นปีที่ 37 นับตั้งแต่ยุคกำเนิดวิญญาณเริ่มต้นขึ้น
ในปีค.ศ.3572 เทคโนโลยีของโลกพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าแผ่นดินโลกนั้นรวมกันเป็นหนึ่งโดยไม่มีเส้นเขตแดนแบ่งแยก โลกเดินทางเข้าสู่ยุคของสหพันธรัฐ และในยุคนี้เองที่กระบี่สำริดเขียวโบราณนั้นลอยลงมาจากจักรวาลและปักทะลุ ดวงอาทิตย์ ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ด้ามจับกระบี่นั้นอาจจะเสียหายมาแล้วตั้งแต่ก่อนหน้า แต่แรงกระแทกกับ ดวงอาทิตย์นั้นทำให้ด้ามจับแตกละเอียดเป็นเศษจำนวนมากปลิวกระจายไปทั่วจักรวาล และมีบางส่วนตกลงมาบนโลกด้วย
พร้อมกันกับการมาถึงของกระบี่สำริดนั้น โลกได้รู้จักกับแหล่งพลังงานแบบใหม่ที่แทรกซึมไปทุกแห่ง แหล่งพลังงานนี้ผู้คนเรียกมันว่า...ปราณวิญญาณ!
ปราณวิญญาณนั้นเหมือนอากาศ ในบางที่ก็หนาแน่น แต่ในบางที่กลับบางเบา สหพันธรัฐและกลุ่มชนบางกลุ่มเก็บเศษด้ามกระบี่ได้ และจากเศษเสี้ยวเหล่านี้เองที่มนุษย์เรียนรู้วิธีการฝึกปราณและการหลอมอาวุทเวท หลอมยา และการหลอม ศิลาวิญญาณ ตัวหนังสือบนเศษด้ามดูเก่าแก่ แต่มันช่วยกระตุ้นให้ศาสตร์การศึกษาภาษาโบราณกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งหนึ่ง
การปรากฏขึ้นของปราณวิญญาณนั้นลดความจำเป็นของปัจจัยอื่นๆ ลงไป
ปราณวิญญาณเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนและยังสร้างเครือข่ายวิญญาณขึ้น พลังนี้เปลี่ยนแปลงกระบวนการสร้างอารยธรรม และก่อให้เกิดอารยธรรมการฝึกปราณขึ้นทั่วโลก
นับจากจุดนั้น วิทยายุทธ์โบราณได้รับความนิยมอย่างล้มหลามเมื่อเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงขึ้นทั่วโลก นับเป็นการเริ่มต้นของยุคการฝึกปราณอมตะ
ประวัติศาสตร์เรียกขานช่วงเวลานี้ว่ายุคกำเนิดวิญญาณ
ภายในเมฆแม่เหล็กไฟฟ้าสีดำทะมึน ยานลาดตระเวนบอลลูนลมร้อนสีแดง ลอยตรงไปเอื่อยเฉื่อย สายฟ้าฟาดเข้าที่ลำยานลาดตระเวนครั้งแล้วครั้งเล่า เดชะบุญที่รอบยานลาดตระเวนนั้นมีรัศมีแสงอ่อนๆ ปกคลุมป้องกันอยู่ ทำให้เรือไม่เสีย การทรงตัว
กลับมาที่ห้องฝึกตนในใจกลางลำเรือ ศิษย์ทุกคนอยู่ในนั้น รวมถึงหวังเป่าเล่อ แต่ทุกคนกลับสลบไสล ราวกับว่ามีพลังแปลกประหลาดบางอย่างที่พาพวกเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา
อาจารย์ทั้งแปดท่านอยู่ที่หัวเรือ บ้างก็กำลังดื่มชา บ้างก็กำลังยิ้มแย้ม พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์ ทุกคนมีท่าทีแตกต่างกับตอนออกไปขู่ศิษย์ราวกับพลิกฝ่ามือ
ผู้นำของคณะอาจารย์ก็คือผู้เฒ่าที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เขากำลังถือกล้องสูบยา หากหวังเป่าเล่ออยู่ที่นี่ด้วยละก็จะต้องรู้จักท่านผู้นี้ในนามท่านลู่
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของชายชราเมื่ออาจารย์วัยกลางคนเอ่ยถามว่า “เจ้าสำนักขอรับ ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน เราจะเริ่มการทดสอบศิษย์กลุ่มนี้กันเลยไหมขอรับ”
“เริ่มได้!”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา