7 ส.ค. 2022 เวลา 15:37 • ท่องเที่ยว
ทริปเดินทางต่างประเทศ ทริปแรกหลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบการเดินทางเข้าประเทศได้แล้ว เราขอเลือกทริปเดินทางใกล้บ้านก่อนเลยคือ ปีนัง
.....ตอนแรกก็คิดว่า ปีนัง เหมือน ภูเก็ต....
เมื่อซื้อตั๋ว airasia SUPER+ มาแล้ว ก็เลือกประเทศแรกที่จะเดินทางเป็น ปีนัง ก่อนเลย เพราะใกล้บ้านเรา และใกล้บ้านนี่แหล่ะ แต่ยังไม่เคยไปสักที ทั้งที่การเดินทางก็สะดวกมากมาย พอดีว่าเดินทางไป 3 วัน 22 - 24 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ตอนนั้นยังต้องดาวน์โหลด App MySejahtera ซึ่งก็ไม่ยุ่งยากอะไรมาก แต่กรอกเยอะนิดนึง ตอนนี้เห็นว่าเดินทางเข้ามาเลเซียตั้งแต่ 1 สิงหาคม คือ ไม่ต้องกรอกข้อมูลในแอพนี้แล้ว ก็ถือว่าแทบจะกลับไปสู่การเดินทางแบบปกติเลยทีเดียว
ทริปนี้ เราเดินทางถึงปีนัง 9 โมงเช้าก็จริง แต่กว่าจะได้ออกจากสนามบินปีนังก็ 10 โมงแหน่ะ สนามบินก็เล็กนิดเดียวแหล่ะ แต่เป็นทริปไปเรื่อยๆ ไง สายชิลว่างั้นเหอะ
เราจองโรงแรม Macalister Hotel By PHC ถือว่าห้องพักสบายเลยทีเดียว ใหม่ด้วย เกณฑ์เลือกที่พักแค่หาที่พื้นห้องไม่ปูพรมแค่นั้น เงื่อนไขอื่นไม่มี ซึ่งโซนที่เราพักอยู่ถนน Nanning (Lebuh Nanning) ก็จะมีโรงแรมสูงๆ ใหม่ๆ ตั้งอยู่ในโซนที่เราพักเยอะหน่อย ต่างจากตรงใจกลาง George Town ที่จะไม่ได้มีโรงแรมขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ตอนจองดูจากแผนที่แล้วไปเมืองเก่าได้ไม่ยาก ก็ตั้งใจไว้ว่าจะเดินจากที่พักไปโซนเมืองเก่า ดูแล้ว 2- 3 กม. ก็ไม่ไกล ก็คิดว่าเมืองคงเล็กๆ แบบภูเก็ตไง เดินเล่นชมเมืองสวยๆ แต่...พอเห็นปีนังแล้ว ภาพที่คิดว่าเมืองเล็กๆ ไม่ใช่แหะ ชั้นเข้าใจผิดไปเยอะมากค่ะ แล้วที่คิดว่าจะเดินสวยๆ คือ ร้อนนนน มากกกกกกก เดินไม่ไหวค่ะ แต่เอาจริง ภูเก็ตนี่ก็เดินร้อนไม่ต่างกัน แต่ระยะทางการเดินไม่ไกลเท่าปีนัง
ดูความแดด
แดดร้อนมากตั้งแต่เช้าถึงเย็น
ความที่อากาศร้อนมากจนเช้าๆ ก็ไม่ได้อยากเดินเหงื่อแตกไปถึงจุดเที่ยว เราเลยต้องนั่งรถเมล์ตลอด และอย่างที่รู้กันคือ รถเมล์ที่นี่ไม่ทอนตังค์ให้จ้า ก่อนขึ้นเลยต้องคอยเตรียมเหรียญให้พร้อม ประมาณ 1 เหรียญกะเศษๆ เนี่ยแหล่ะ
อะ แล้ว CAT Free bus ล่ะ ไม่ได้ผ่านเส้นที่พักอะจิ เค้าจะขับวนลูปเส้นที่เที่ยวหลักใน Georghe town เลยไม่ได้ขึ้นรถฟรีเลย เพราะพออยู่ในเขตเมืองเก่าแล้ว เราก็แทบจะไม่ขึ้นรถเลย เดินเที่ยวไปทั่ว ยกเว้นบางที่ที่เริ่มร้อนกะแดด ก็จะนั่งรถที่ผ่านมาคันแรก
รถบ้านเค้าก็สะอาดดีนะ คนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่วันอาทิตย์นี่คนขึ้นเยอะอยู่เหมือนกันนะ
ทริปเรา สรุปคือจะขึ้นรถจากที่พักเพื่อเข้าโซนเที่ยว และขากลับก็นั่งรถกลับที่พัก แต่พอถึงโซนเที่ยวแล้วก็ เน้นเดินชมเมืองอย่างเดียวเลย
โซนเที่ยวหลักของเราคือโซนเมืองเก่า George Town ซึ่งก็คือ เดินไปได้ทั่วทุกถนนของ George town แหล่ะ ส่วนใหญ่เราจะโผล่ไปแถว Little India ทุกที ไม่ว่าจะเดินไปบ้านเปอนารากัน หรือจะเดินไป City hall ริมน้ำ ก็จะเริ่มเดินจาก Little India หรือจะแวะไป Street food ที่ถนน Chulia ก็เฉียดๆ ไปเกือบจะถึง Little India อยู่ดี เรียกได้ว่า Little India อยู่ทำเลทองของโซนมรดกโลก George Town เลยก็ว่าได้
ปากทางถนน Love Lane เรามักจะรอรถเมล์ป้ายตรงข้าม Love lane เนี่ยแหล่ะ  เดินไปอีกนิดก็ Chulia street แหล่งของกินสั้นๆ เดินไปอีกฝั่งก็ร้านขนมหวานเจ้าดัง Moh Teng Pheow Nyonya Koay
นอกจากเดินเที่ยวตัวเมืองแล้ว ก็จะมีแวะเข้าที่เที่ยวบ้านเค้าสักหน่อย มาถึงแล้วก็ต้องเข้าไปดูหน่อยสินะ ที่เที่ยวที่เราไปแล้วมีเก็บค่าเข้า ก็จะมี Khoo Kongsi, Pinang Pernarakan Mansion, แล้วก็ Pinang Hill
Khoo Kongsi ทางเข้าเริ่มจากชั้นล่างก่อน ส่วนชั้นบนที่เห็นเต็มภาพนี้จะเป็นเหมือนศาลเจ้าและก็ที่ไหว้บรรพบุรุษ
  • khoo kongsi อารมณ์ประมาณบ้านเจ้าสัว ต้นตระกูลแซ่ชิว (ถ้าอ่านจากภาษาจีนกลางคือ แซ่ Qiu ) ค่าเข้า 60 บาท ไม่แพงนะ อารมณ์เหมือนเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ เพราะเค้าทำแผนผังตระกูล แล้วแบ่งสายแต่ละ Generation ซึ่งก็จะเห็นจากแผนผังว่าจะแสดงเฉพาะชื่อผู้ชายเท่านั้น ที่นี่ก็จะเห็นความอลังการตรงตัวจั่วหลังคาที่งานละเอียดมาก แกะสลักแต่ละชิ้นแบบ ต้องออกมายืนข้างนอกมองกันอีกรอบ แต่อารมณ์ก็จะจีนๆ มากๆ เลยแหล่ะ
Pinang Peranakan Mansion ใหญ่โต จนต้องใช้เวลาเดินเป็นชั่วโมงๆ เลย และถ้ามาถูกเวลาจะมีไกด์ภาษาอังกฤษให้ด้วย ไกด์รอบแรกจะเป็นตอน 10 โมงเช้า
  • Pinang Peranakan mansion ที่นี่ เหนือความคาดหมายมาก ตอนแรกก็คิดว่าจะเหมือนบ้านชินประชา แต่คือเข้าไปแล้วเหมือนแหล่ะ แต่ความใหญ่โตของที่นี่ ขอให้ 100 เท่าเลย คือ มาแล้วก็เข้าเหอะที่นี่ คุ้มมาก ค่าเข้าคนละ 120 บาท เราโชคดีมาก ไปตอนเย็นแล้วดูยังไม่ถึงชั้นบนกับโซนด้านนอกที่ขอบอกว่า รายละเอียดเยอะมาก คนเก็บตั๋วเลยบอกว่า ให้มาพรุ่งนี้ฟรี เพราะเค้าจะเฝ้าตั๋ววันพรุ่งนี้ ดีใจมาก เพราะใช้เวลาที่นี่นานจริง ดูเพลินมาก
บ้านสีเขียวหลังนี้แหล่ะ ที่คุ้มค่ากับการเข้ามาชมมาก ไม่ใช่แค่ดูตัวบ้านแต่เค้าเปิดให้ดูของสะสม สมบัติต่างๆ ด้วย สมกับฐานะเจ้าของเหมืองแร่ดีบุก
โซนห้องครัวคือชอบมาก มีรายละเอียดเยอะ แต่ละมุมคือ เออ เก๋อ่า
ตรงนี้จะเป็นส่วนด้านนอกที่ต้องแวะเข้าไปดู รายละเอียดบนหลังคาคือจะเยอะไปไหน มีทั้งมังกร กิเลน สิงห์ ดูเร็วๆ อาจจะเหมือนกันหมดเนอะ สำหรับคนไม่รู้รายละเอียดอย่างเราก็ เออ ดูไม่รู้หรอกว่าเค้ามีอะไรที่ต่างกัน
ที่นี่จะมีคาเฟ่ด้วยนะ อย่าลืมแวะไปนะคะ น่าแวะ น่านั่งมาก มีความเก๋ไก๋มาก ทั้งบรรยากาศและหน้าตาขนม
หน้าตาขนมที่คาเฟ่ของ Pinang Peranakan Mansion หน้าตาแบบว่า จะไม่กินชั้นหน่อยเหรอ หน้าตาหวานขนาดนี้
  • Penang Hill ที่นี่แพลนว่าจะมาแต่เช้าตรู่เลย เพื่อหนีคิวคนรอขึ้น cable car ที่แสนจะยาว รอเป็นชั่วโมง แต่ว่าผิดแผนนิดนึงตรงที่ว่าต้องแวะไปดู Peranakan Mansion อีกรอบตอนเช้า เลยกว่าจะได้ไป Penang Hill ก็บ่ายแล้ว แนะนำเลยว่าไปถึงแล้วก็ไปซื้อตั๋วก่อนเลยค่ะ ค่าขึ้นลง cable car คนละ 180 บาท เพราะช่วงที่รอคิวขึ้น cable car จะประมาณชั่วโมงนิดๆ ค่ะ แล้วแต่จำนวนคนขึ้นเยอะน้อยเนอะ เราจะดูได้จากจอทีวีว่า batch เราจะได้เข้าไปตอนกี่โมง
อย่างของเราตั๋วที่ซื้อจะขึ้นว่าได้ batch 40 และจะโชว์ว่าเรียกให้เข้าไปต่อคิวได้ตอนบ่ายสองกว่าๆ ในจอจะเป็นคิวของ batch 39 ที่ให้เข้าไปยืนรอคิวได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาเรียกก็จะไปทีไหนก่อนก็ได้ ซึ่งตรงนั้นจะมี A&W เผื่อใครคิดถึง วาฟเฟิลไอติม ก็จัดได้เลยเนอะ หากินที่ไทยไม่ได้ละ
ส่วนที่เที่ยวหมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty เราว่าไม่ค่อยมีอะไร เป็นบ้านพักแล้วก็บางหลังเปิดบ้านขายของฝาก ประมาณนั้น
เดินไปสุดบ้านชาวประมงก็จะเป็นท่าเรือ
ว่าด้วยอาหารการกิน ที่อาหารส่วนใหญ่จะกินอาหารจีนเป็นหลัก ส่วนอาหารอินเดีย ยังไม่ได้แวะกินเลย ไว้ไปกินที่ทริปสิงคโปร์ละกัน
ร้านนี้คือ มาสองรอบ เลยเด้อ
ก่อนมาก็ทำ list ร้านอาหารไว้เยอะเลยนะ แต่พอมาถึงแล้วคือ random เอาเลยจ้า ยกเว้นบางร้านที่เล็งไว้แล้วว่าต้องมาให้ได้ และก็คุ้มจริงๆ ที่ได้มากิน แนะนำเลย ร้านข้าวบ้านคุณแม่ mum's nyonya cuisine มาเหอะร้านนี้ อร่อยจริง ห้ามพลาดเลย
mum's nyonya cuisine ตอนแรกเห็นคำว่า nyonya หลายที่ก็อ่านไม่ค่อยถูก มารู้ทีหลังว่าก็ ยะหยา ไงจ๊ะ
นั่งด้านในร้านก็จะเป็นห้องแอร์เย็นสบาย แต่ถ้าจองแล้วมาช้าที่นั่งก็จะไปอยู่ด้านนอกไม่มีแอร์
อาหารที่สั่งร้าน mum's nyonya cuisine ตามนี้คือ อร่อยทุกจาน ตอนไปเรา walk-in แล้วเค้าบอกต้องจอง เพราะเต็มแล้ว เลยจองเป็นรอบแรกตอนเช้า 11 โมง
นอกจากอาหารยะหยาที่ได้ลองกินแล้ว ก็มีขนมร้าน Moh Teng Pheow Nyonya Koay ที่คนรีวิวกันเยอะ เราไปวันแรกคือไม่ทันร้านปิดแล้ว ก็มาอีกทีวันกลับเลย คือ ต้องขอมากินให้ได้ แต่ว่าขนมสีหวานๆ บ้านเค้าก็ยังไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่นะ แต่ตัวร้านคือ ดูจากด้านนอกแล้ว ด้านในคือ คนละเรื่องเลย ตกแต่งโอเคอยู่นะ
เห็นรูปนี้ตรงกำแพงก็แปลว่ามาถูกที่แล้วค่า ร้านขนม ที่มีข้าวขายด้วย Moh Teng Pheow Nyonya Koay
เมนูข้าวร้าน Moh Teng Pheow Nyonya Koay แต่เรากินแล้วรสชาติเฉยๆ นะ ที่นี่มาแล้วอย่าลืมสั่งกาแฟของ White coffee นะ ติดใจตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว มาอีกรอบก็สั่ง อร่อยติดปากจริงๆ
เดินเข้าร้านมาจะเป็นโซนครัวทำขนมก่อนจ้า ก่อนจะทะลุเข้าตัวร้าน ซึ่งมีสองชั้น
ข้าวและขนมของร้าน Moh Teng Pheow Nyonya Koay หน้าตาไม่ค่อยอร่อยเนอะ รู้สึกเฉยๆ
ร้านนี้เดินจากที่พักมาได้เลย ถ้าไปเที่ยงพอดีคือ ต้องรอคิว คนเข้าร้านตลอด
ร้าน Random ร้านแรก แล้วคือ หมูแดง อร่อยยยยย
หมูแดง คือ อร่อย หวานน้ำผึ้ง สั่งแล้วต้องสั่งอีกจาน
ร้านนี้อาศัยพูดจีนสั่งเอา แต่พนักงานก็ภาษาอังกฤษได้แหล่ะ
ราคาอาหารสั่งหมูแดง หมูกรอบ ไก่ย่าง มาเป็นจาน แล้วสั่งข้าวสวย
ขนมหวานร้าน Tong Sui Po หาให้เจอนะคะ อร่อยจริง ไปกินสองคืนติดเลย
ขนมหวานร้านนี้คือดีย์ เปิดบ่ายสาม ปิด 4 ทุ่มครึ่ง วุ้นกบคือ สดชื่นมาก
ร้านคือเดินผ่านตอนกลับบ้าน แล้วเอ๊ะ คนแน่นมาก แล้วชื่อร้าน Tong Sui Po แปลว่าร้านขนมน้ำแข็ง น้ำแข็งใส อะไรประมาณนั้น อากาศร้อนขนาดนี้ ต้องแวะๆ
เจอก๋วยเตี่ยวปลาร้านแถวที่พัก บังเอิญ อร่อยอีกแล้ว
ร้านนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม ข้างๆ เป็นร้านเบเกอรี่ สังขยาอร่อยจริงจัง ซ์้อกลับมากินที่บ้านปาดขนมปังกินทุกวันเลย
ร้านก๋วยเตี๋ยวปลา Tong Lek Eight Cafe ถ้าพักโซนถนน Macaliser ลองแวะมานะ แต่เปิดเช้า บ่ายๆ ก็ปิดร้านละ
Snickers ไอศครีม ที่นี่ราคาแค่ 40 บาท!!!! ซื้อเถอะ ที่ไทยเป็นร้อย หมายถึงตัวที่เป็นไอติมนะไม่ใช่ตัวที่เป็น chockolate
ขนมเปี๊ยะที่น่าซื้อกลับมาก ลองซื้อชิมสักชิ้นก่อนว่าอร่อยถูกปากมั๊ย
ร้านขนมเปี๊ยะ Ming Xian Tai อยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก คนขายมีคนที่พูดไทยได้ด้วย
ขนมเปี๊ยะไส้ไก่คืออร่อย อร่อยกว่าไส้ไก่หยองอีก ไปตอนเช้าเลย ขนมจะเพิ่งเสร็จร้อนๆ อร่อยมาก
อ้อ ถ้าผ่าน Family Mart ก็น่าแวะนะ ของกินเยอะดี เยอะกว่า 7-11 อีก
โซนเครื่องดื่มใน Family Mart มี Matcha soft serve ด้วย แต่วันที่ไปซ์้อของหมด อดเลย
ปิดท้ายด้วยการเดินทางไปกลับจากที่พักไปสนามบิน เราใช้ Grab เรียกเอา สะดวกดี ก็ใช้ Grab app ที่ใช้ที่ไทยเนี่ยแหล่ะ ราคาก็ไม่แพงด้วย แต่รถที่เรียกเขียนว่า 6 คน แต่พอมาถึงเค้าบอกว่า 6 คนคือไม่รวมกระเป๋าเดินทาง ถ้ามาพร้อมกระเป๋าเดินทางให้เรียกแบบ 2- 4 คน เอา เราไปกัน 6 คน ก็ split คันกันคันละ 3 คน กำลังดีเลย ค่าแทกซี่ก็ 20 ริงกิตจากสนามบินไปที่พัก
จบทริปปีนัง ประเดิมเขียนทริปแรกใน Blockdit ย้ายบ้านจาก Pantip ที่ไม่ได้เขียนนาน จะเริ่มกลับมารีวิวนู่นนี่นั่นที่น่าสนใจนะคะ
โฆษณา