4 ส.ค. 2022 เวลา 03:40 • คริปโทเคอร์เรนซี
#CryptoNews : Bitkub Chain มุ่งมั่นพัฒนาเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เผยความก้าวหน้าแบบจัดเต็ม
Blockchain Technology เป็นโปรเจกต์บล็อกเชนที่มุ่งมั่นสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม และกระจายโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ปลอดภัย และโปร่งใส ประกาศเคลื่อนทัพเจาะลึกข้อมูลเชิงเทคนิคสุดล้ำโดยคุณสำเร็จ วจนะเสถียร Chief Technology Officer (CTO) บริษัท Bitkub Blockchain Technology ผ่านช่องทาง Bitkub Chain Official Facebook Page ภายในบันทึกสัมภาษณ์ดังกล่าว คุณสำเร็จได้เจาะลึกข้อมูลเชิงเทคนิคบน Bitkub Chain สรุปได้ดังนี้
Bitkub Chain ได้ริเริ่มไอเดียโปรเจกต์จาก 3 วิสัยทัศน์หลัก ประกอบไปด้วย
1) การทำให้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงเครือข่ายบล็อกเชนได้ในวงกว้าง
2) การทำให้เครือข่ายบล็อกเชนมีความปลอดภัยสูง และมีความเสถียร
3) ต้องการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ
ซึ่งในทางเทคนิคนั้น Bitkub Chain ได้ถูกพัฒนาผ่านชุดข้อมูลที่สามารถรองรับเครื่องมือบน Ethereum หรือว่า EVM Compatibility ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้าง DApp (Decentralized Application) ต่าง ๆ และพัฒนาโปรเจกต์บน Bitkub Chain ได้ง่าย ผ่านการประมวลผลของบล็อกที่รวดเร็ว ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ และระบบฉันทามติ (Consensus) ที่ตอบโจทย์ต่อกาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้งานในประเทศที่ประสบปัญหาค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ค่อนข้างแพงจากการใช้เครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ
การพัฒนาต่อยอด Bitkub Chain สู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในอนาคต
1. การปรับลดค่าแก๊สจาก 50 Gbit เป็น 5 Gbit – เนื่องจากพันธกิจหลักของ Bitkub Chain คือการรองรับการใช้งานในวงกว้าง (Mass Adoption) ทำให้ผู้พัฒนาจําเป็นต้องปรับ จํานวนเหรียญ KUB ให้เหลือเพียง 110,000,000 KUB พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการแจกจ่ายเหรียญเพื่อความเหมาะสมและความยั่งยืนของเครือข่าย Bitkub Chain
2. Byte Code – คือ วิธีการเข้ารหัสในระดับพื้นฐาน Bytecode แล้วนำมาเทียบกับ Bytecode ชุดมาตรฐานของ KAP เพื่อยืนยันว่ามีโค้ดใน Smart Contract ที่เหมือนกัน และมีมาตรฐาน KAP ครบทุกจุด ทำให้ช่วยลดปัญหาด้าน Human Error และเพิ่มความมั่นใจกับผู้ใช้งานและผู้พัฒนาได้ว่าไม่มีการใส่โค้ดที่ผิดลงไปใน DApp
3. Bitkub Chain Layer-2 – Bitkub Chain ได้เปิดตัว Bitkub Chain
Layer-2 หรือ BKC Ping เป็นเครือข่ายบล็อกเชนย่อยที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากเครือข่าย Bitkub Chain หลัก (Layer-1) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการลดภาระและความหนาแน่นบนเครือข่ายหลัก ค่าธรรมเนียม (Transaction Fee) ที่ถูกลงมากและความปลอดภัยในการดึงข้อมูลที่สืบเนื่องมาจากเครือข่ายหลัก โดยในอนาคตจะมีการเปิดตัวอีก 3 เครือข่ายตามมา โดยจะมีชื่อว่า วัง (Wang), ยม (Yom) และ น่าน (Nan)
4. Software Development Kit (SDK) – ชุดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาและกำจัดจุดบกพร่องต่าง ๆ บนเครือข่าย รวมถึงค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ถูก ทำให้นักพัฒนาไม่ต้องเสียเวลาวิจัยและพัฒนาโค้ดอีกต่อไป
5. BKC Oracle – เครื่องมือสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมข้อมูล ระหว่างโลกจริง และโลกบล็อกเชน โดย BKC Oracle จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนา โดยการเก็บข้อมูลจากโลกจริงมายังโลกบล็อกเชน
6. Static Web Hosting – เทคโนโลยีที่สามารถนำเว็บไซต์มาใช้งานบนบล็อกเชน โดยจะทำงานผ่านเครือข่าย Bitkub Chain ซึ่งทำหน้าที่เป็น Data Base ในการดึงข้อมูลจากสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ผ่าน Software Development Kit (SDK)
ผมขอเน้นย้ำว่า Bitkub Chain ซึ่งมีเหรียญ KUB เป็นเหรียญประจำเครือข่ายเป็นกลไกหลักในการดำเนินงานระบบ Blockchain ของเราด้วยดี ซึ่งในปัจุบันมีจำนวนกระเป๋า ในเครือข่ายกว่า 2 ล้านกระเป๋า โดยเป็นบัญชีกระเป๋า Bitkub NEXT สูงกว่า 9.9 แสนบัญชีหลังจากเปิดใช้งานมาเพียง 1 ปี และมีจำนวน Transaction กว่า 83.5 ล้าน Transaction แล้ว
คุณสำเร็จ วจนะเสถียร CTO Bitkub Blockchain Technology
โฆษณา