Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากสรุป
•
ติดตาม
4 ส.ค. 2022 เวลา 13:08 • หนังสือ
รีวิวและสรุปหนังสือ ‘งานที่ใช่หาได้ง่ายกว่าที่คิด’
3
หนังสือเล่มนี้มีข้อคิดดีๆเกี่ยวกับการเลือกงานและการใช้ชีวิต
ที่แบ่งออกเป็น 4 หมวด คือ รู้โลก รู้งาน รู้เขา รู้เรา
ซึ่งผมได้สรุปเป็น 4 รู้ และเลือกข้อที่น่าสนใจมาสรุปให้ทุกคนครับ
ความคิดเห็น
เป็นหนังสือที่แบ่งเป็นตอนย่อย ๆ ได้ดีมาก
มีข้อคิดดีๆที่สามารถนำไปปฏิบัติได้เลยครับ
เล่มไม่หนามากคุ้มค่าการอ่านครับ
และหากจะให้สรุปทั้งเล่มให้อยู่ในประโยคเดียวนั่นคือ
งานที่ใช่มีอยู่จริง แต่เราต้องเป็นคนที่ใช่ให้ได้เสียก่อน!
จำนวนหน้า 183 หน้า
สำนักพิมพ์ DOT Books
ผู้เขียน คุณอานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ VP of people ที่บริษัท LINE MAN Wongnai และเจ้าของเพจ Anontawong's Musings
รู้โลก
1 Burnout เป็นเรื่องหลอกเด็ก
จาก มาริสซ่า เมเยอร์ อดีตบริหาร Google และ Yahoo
บอกว่า burnout หรือ ภาวะหมดไฟ ไม่มีจริง’
หรือคนส่วนใหญ่เข้าใจความหมายของมันผิด
เพียงแต่เกิดจากว่าเราไม่ได้ทำในสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา
ดังนั้น มันไม่ใช่อาการทางกาย แต่เป็นอาการทางใจ
วิธีแก้ คือ หาว่าอะไรคือจังหวะชีวิตของเรา หากไม่ได้ทำสิ่งนั้นจะขุ่นเคืองได้
แม้ไม่สามารถทำทุกอย่างได้ แต่สิ่งที่สำคัญกับเราจริงๆเราเลือกทำได้ครับ
และเราจะมีแรงทำงานอื่นต่อได้เต็มที่และยาวนานครับ
2. 90% ของงานนั้นน่าเบื่อ
เพราะงานทุกงานต่อให้เป็นงานในฝันแค่ไหนก็ต้องมีส่วนที่เบื่อ มีสิ่งที่ต้องทำซ้ำๆ
เป้าหมายที่ทำได้คือ การอยู่กับความน่าเบื่อนี้ และหาความสนุก 10 % ของงานของเราให้เจอ
อย่างผู้เขียน คุณรุตม์ ที่เป็น Head of People ที่ LINE MAN Wongnai
บอกว่า ปกติงานที่ทำก็มีซ้ำๆแทบทุกวัน มีคนปรึกษาเรื่องต่างๆมากมาย
สิ่งที่หาความสนุกจากงาน คือ การได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ หรือมีคำพูดไหนที่พูดแล้วน้องที่จะลาออกเปลี่ยนใจ
หากหาเจอ เราจะพบว่า ‘งานที่ใช่’ นั้นหาง่ายกว่าที่คิดครับ
3. 30 % ของเงินเดือน คือ ความอดทน
นี่คอหัวข้อที่ผมคิดว่ามีประโยชน์กับใครหลายๆคน
เวลาได้ทำเรื่องที่ไม่ชอบในงานครับ
ว่า 30 % ของเงินเดือน คือ ความอดทน
20000 ค่าความอดทน 6000 บาท เป็นต้น
ยิ่งเงินเดือนสูง ยิ่งมีความรับผิดชอบที่มากขึ้น ความอดทนจึงต้องสูงขึ้นตามด้วยครับ
รู้งาน
1 ถ้าอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยากได้ ต้องทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ
นี่คือสิ่งที่ได้จากคุณ โจ้ ธนา
ที่เขาเติบโตอย่างรวดเร็วนั้นมาจาก การกระทำที่สวนกระแส
หรือสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เราทำ นั่นเอง
เพราะถ้าศึกษา คนที่ประสบความสำเร็จ
เขาไม่ได้ฉลาดหลักแหลมหรือมีโอกาสมากกว่าเรา
แต่เขาทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำครับ
2 เราพรีเซนต์งานไปเพื่ออะไร
สิ่งนี้มาจากคุณ เซธ โกดิน
นั่นคือ เราพรีเซนต์เพื่อจะเปลี่ยนคนฟัง
นำมาสู่คำถามกับเราว่า
เราต้องการจะเปลี่ยนคนฟังอย่างไรบ้าง
และไปเตรียมการพรีเซนต์ครับ แล้วเราจะเตรียมการพรีเซนต์ได้ดีขึ้นครับ
3 ทำงานใหม่ๆ อย่าเอาแต่ Result-oriented
Result-oriented คือ การที่สนใจผลลัพธ์มากกว่าชั่วโมงการทำงาน
สำหรับคนที่ทำงานใหม่ๆ เป็นดาบ 2 คม
เพราะอาจจะมีคำถามขึ้นมาว่า
ทำงานไปขนาดนี้ทำไมเงินเดือนไม่ขึ้นหรือขึ้นเพียงเท่านี้?
เมื่อมีคำถามก็จะมีความเสี่ยงที่จะหงุดหงิดและเกิดความผิดหวังขึ้นได้ครับ
คุณรุตม์ ผู้เขียนจึงเสนอว่า ควรเพิ่มความคิดแบบ
Learning-oriented นั่นคือการมองว่าในทุกๆวันเราเก่งขึ้นหรือไม่
เควรมองว่าโลกมันทำงานอย่างไร และเก็บสะสม
พัฒนาความสามารถของเราไปเรื่อยๆ
จนถึงวันหนึ่ง ผลลัพธ์ที่คู่ควรกับเราจะปรากฎครับ
รู้เขา
1 เวลาดูคนเก่งอย่าดูแค่สิ่งที่เขาทำ
การที่เรารู้ว่าควรทำอะไรที่สำคัญ นั้นดีจริง
แต่หากอยากดูคนเก่งจริงให้ดูสิ่งที่เขาไม่ทำด้วย
แล้วกลับมาดูว่าเราทำสิ่งนั้นไหม
ถ้าทำ ก็ให้หยุดทำสิ่งนั้นครับ
2 ความเข้าใจลูกน้อง 4 ระดับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งจาก Manager Onboarding Program
เป็นความเข้าใจคน 3 ระดับ คือ Sympathy, Empathy และ Compassionate
แต่ละอย่างแปลได้คือ
Sympathy คือ ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกคนอื่นและรู้ว่าเราสามารถทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
Empathy คือ ความสามารถในการรับรู้ความรู้สึกคนอื่น เหมือนเรารู้สึกเอง
Compassionate คือ ความปรารถนาที่ต้องการจะทำให้คนอื่นทุกข์น้อยลง
จึงแบ่งความเข้าอกเข้าใจเป็น 4 ระดับ นั่นคือ
1. ไม่มีอันไหนเลย คือ ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าลูกน้องรู้สึกอย่างไร แต่ไม่ใช่คนไม่ดี
2. มี Sympathy คือ สามารถรับรู้ได้ว่าลูกน้องรู้สึกอย่างไร สามารถปรับการกระทำตามอารมณ์ได้
3. มี Sympathy และ Empathy คือ ขั้นกว่าจากข้อ 2 นั่นคือ อินไปกับลูกน้องด้วย แต่ยังไม่ถึงกับได้รับการแก้ไขปัญหา
4. มีทั้งหมด 3 ตัวเลยคือ Sympathy, Empathy และ Compassionate หัวหน้าประเภทนี้จะเข้าอกเข้าใจลูกน้องและถอยมามองภาพใหญ่และแก้ไขปัญหาได้ นี่คือหัวน้าแบบที่องค์กรต้องการครับ
รู้เรา
1 เวลาเรา say no เราปฏิเสธทางเลือกเดียว
หนึ่งในทักษะที่คนไทยขาด นั่นก็คือ การ say no
ปฏิเสธสิ่งที่คนอื่นขอให้ทำไม่เป็น
แต่หากเราปฏิเสธได้แล้ว เราปฏิเสธทางเลือกนั้นทางเดียว
แต่เราได้เวลากลับไปทำอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็น
การได้ใช้เวลากับครอบครัว การได้ทำสิ่งที่เราชอบครับ
ถ้าเราระลึกได้แบบนี้ เราอาจจะปฏิเสธคนได้มากขึ้นก็ได้ครับ
2 อยากสำเร็จจง do the reps
Reps ในที่นี้คือ repetition
นั่นคือเคล็ดลับความสำเร็จในเรื่องต่างๆครับ
คือ กาทำซ้ำ เหมือนคนที่เขียนเก่งๆก็เริ่มมาจากการฝึกเขียนในทุกๆวัน
คนที่วิ่งมาราธอนก็เกิดจากการที่คนนั้นฝึกซ้อมวิ่งมาแล้วมากมาย
ถ้าเราอยากเทพเรื่องไหน ก็จง do the reps เรื่องนั้นครับ
3 ชอบก็ทำ ไม่ชอบก็ทำ
นี่คือคำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับผู้เริ่มต้นทำงานใหม่ๆครับ
เพราะที่ไม่ชอบก็ฝึกเราได้เช่นกัน
ได้ฝึกสิ่งที่เราไม่ถนัด และยังเป็นการเสริมภูมิต้านทานในการทำสิ่งที่ไม่ถนัดด้วยครับ
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
1
17 บันทึก
8
1
4
17
8
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย