4 ส.ค. 2022 เวลา 14:23 • ปรัชญา
เข้าใจว่าคือ “การดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง” ค่ะ
1
จะดูว่าศาสนาหนึ่งๆสอนอะไร
ต้องดูว่าพระศาสดาของศาสนานั้นๆ
ท่านต้องการอะไร
จะทำความเข้าใจศาสนาพุทธ
ง่ายที่สุดคือดูว่าเจ้าชายสิทธัตถะ
ทรงสละเรือนออกผนวชทำไม
1
เจ้าชายสิทธัตถะ
ไม่ได้ทรงออกบวชหากินหาใช้
เพราะพระองค์มีกินมีใช้อยู่แล้ว
1
เจ้าชายสิทธัตถะ
ไม่ได้ออกบวชแก้ทุกข์ทางใจ
เพราะพระองค์มีสุข
เยี่ยงคนระดับเจ้าชายอยู่แล้ว
แถมท่านมีจิตใหญ่
เป็นสุขอย่างใหญ่เกินคนธรรมดาด้วย
เอาง่ายๆ มนุษย์ทั่วไปหัดทำสมาธิ
พยายามนั่งกันทั้งชีวิตไม่เคยได้ฌาน
แต่ตอนเจ้าชายสิทธัตถะอายุแค่ ๗ ขวบ
ท่านนั่งสมาธิเล่นๆครั้งแรกก็ได้ปฐมฌานเลย
ซึ่งนักเล่นสมาธิจะรู้ว่า
การที่จะเป็นไปได้ขนาดนั้น
ต้องใช้ต้นทุนเก่ามหึมามหาศาลปานใด
เมื่อเข้าใจต้นทุนชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะ
คุณจะมองเห็นว่า
ถ้าท่านอยากได้อะไรในชีวิตอีก
ต้องเป็นอะไรที่ใหญ่เกินชีวิตไปมากๆ
มากกว่าชีวิตของคนที่ ‘สุดพิเศษ’ เสียด้วย
เจ้าชายสิทธัตถะ
ทรงใช้ชีวิตทางโลกมาเรื่อยๆได้ ๒๙ ปี
วันหนึ่งท่านเห็นเด็กเพิ่งเกิด
เห็นคนเจ็บป่วยทรมาน
เห็นคนแก่ใกล้ตาย
ตลอดจนเห็นคนที่กลายเป็นศพ
ทั้งหมดในเวลาไล่เลี่ยกัน
จิตระดับพระองค์ก็เกิดความสลดสังเวช
ก้าวข้ามการเห็นว่า
นั่นเป็นแค่มนุษย์เกิดแก่เจ็บตาย
แต่เห็นทะลุไปทราบว่า
นั่นคือการเกิดดับ
จากความเป็นสิ่งหนึ่ง
ไปสู่ความเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
เป็นการคลี่คลายกลายเป็นอื่น
เช่นเดียวธรรมชาติทั้งหลายในโลก
ที่ไม่เคยมีการดับสูญ
1
ท่านตัดสินเอาด้วยพระปัญญาเกินมนุษย์ว่า
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์
เหมือนฝันที่เลอะเลือน
ท่านอยากหาความจริงที่เป็นบรมสุข
ซึ่งที่จะถือว่าเข้าข่ายสุขจริง
ก็ต่อเมื่อไม่แปรปรวนไปเป็นอื่นอีก
สมัยนั้นสอนกันแล้วว่า
ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
ก็เพราะจิตยังไม่หลุดพ้น
เจ้าชายสิทธัตถะศึกษาจากครูบาอาจารย์
รวมทั้งทำตามความเชื่อส่วนพระองค์ว่า
เพื่อจะหลุดพ้นจากความหลงติดในกองทุกข์
ก็ต้องทุกข์ให้ถึงที่สุด
ด้วยการทรมานกาย
ท่านทรมานกายแบบยิ่งยวดเป็นเวลา ๖ ปี
ชนิดที่ไม่มีใครในโลกทำทารุณกับร่างกายได้เท่า
แต่หลังจากทรมานจนรู้พระองค์ว่าใกล้สิ้นพระชนม์
อีกนิดเดียวกายจะแตกแล้ว
พระองค์ก็ทรงเห็นว่า
จิตของท่านยังไม่เลิกหลง
ยังทุกข์ได้ ยังคงเหลือต้นเหตุแห่งทุกข์ค้างอยู่
ให้ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายกันต่อ
พระองค์ก็เกิดสติ
เห็นว่าต้นเหตุทุกข์ไม่ได้อยู่ที่กาย
แม้แกล้งกายให้เป็นทุกข์จนตายดับ
ก็ไม่ได้ช่วยให้ใจหายหลงยึดไปได้เลย
เพื่อหลุดพ้นจากต้นเหตุแห่งทุกข์
ต้องอาศัยจิตที่มีกำลัง
จิตที่มีสติอย่างใหญ่
ไม่ใช่จิตที่ป้อแป้ ร่อแร่ ใกล้มรณา
นั่นเอง พระองค์จึงกลับมาฉันพระกระยาหาร
เพื่อให้ร่างกายกลับฟื้นคืนสภาพ
และมีกำลังจิต กำลังใจพอจะหาทางหลุดพ้น
หลังมีพละกำลัง
ที่ต้นทาง พระองค์ทรงเข้าฌาน
อย่างที่เคยทำได้ไม่ยาก
ที่กลางทาง พระองค์ถอนจากฌานออกมา
พิจารณาสิ่งที่จับต้องได้และมีอยู่จริงติดตัว
ได้แก่กายอันนั่งเป็นทุกข์อยู่
กับใจอันคิดให้เป็นทุกข์อยู่
แล้วสืบสาวที่มาที่ไปว่า กายนี้ใจนี้มาจากไหน
วิธีสืบสาวของพระองค์
คือ ระลึกไปเรื่อยๆ
ด้วยจิตใหญ่ที่เพิ่งออกจากฌานว่า
ก่อนมานั่งอยู่ตรงนี้
กายนี้ใจนี้ก่อเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ไล่ย้อนไปเรื่อยๆ
กระทั่งกายนี้ใจนี้ปรากฏในสภาพของทารกในครรภ์
ก่อนเป็นทารกมาจากไหน
ก่อนหน้านั้นอีกนับอนันตชาติ
เคยเป็นอะไรมาบ้าง
จากนั้นท่านก็ส่องรู้อีกว่า
สัตว์อื่นก็ไม่ต่างจากท่านเลย
เวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆ
แบบไร้แก่นสาร
แต่ละชาติได้ดีหรือตกยากตามกรรม
ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ
สุดท้าย ที่ปลายทาง
ท่านจึงรู้แจ้งเงื่อนปมสำคัญ
คือ ถ้าถอนจิตจากการยึดเหยื่อล่อได้
เลิกเห็นกายใจนี้ว่าเป็นตัวของตนได้
ก็จะเป็นผู้พ้นวังวนไปได้
หลังจากตรัสรู้ธรรม
พระองค์พบว่านิพพานมีจริง
นิพพานเป็นธรรมชาติที่เที่ยง ไม่แปรปรวน
ไม่กลับเป็นทุกข์ ไม่มีทุกข์กำเริบใหม่
ท่านจึงบัญญัติให้จำว่า นิพพานเป็นบรมสุข
นิพพานเท่านั้นเป็นของจริง เพราะไม่เลอะเลือนไป
เจ้าชายสิทธัตถะหายไป
กลายเป็นพระพุทธเจ้า
ผู้ตรัสรู้ธรรมแห่งการสิ้นทุกข์ด้วยพระองค์เอง
ท่านจึงสอนแต่เรื่องทุกข์และการดับทุกข์
ทุกข์เล็กๆ
อันเกิดจากการกระทบ
ท่านสอนให้มีสติ
ให้อภัยเป็นทาน
ไม่คบคนพาลเป็นมิตร
2
ทุกข์กลางๆ
อันเกิดจากชะตากรรม
ท่านสอนให้มีสติ
ละเลิกบาปทั้ง ๕
เพื่อความไม่เดือดเนื้อร้อนใจในปัจจุบัน
กับทั้งเพิ่มบุญไม่จำกัด
เพื่อให้จิตสว่างพร้อมพอจะมีสติรู้ตามจริง
1
ทุกข์ใหญ่สุด
อันเกิดหลงยึดว่ากายใจเป็นตัวตน
มีผลให้ต้องเกิดกายใหม่ ใจใหม่ ตามกรรม
ท่านสอนให้เจริญสติอย่างใหญ่
นับก้าวแรกจากการรู้ลมหายใจให้เป็น
ไปจนใช้ทุกลมหายใจกำกับสติ
รู้กายทั้งตัว รู้จิตทุกดวง
โดยเห็นความจริงว่า
เหล่านั้นไม่เที่ยง
เหล่านั้นเป็นทุกข์จากการแตกดับ
เหล่านั้นไม่ใช่ตัวเราหรือตัวใคร
2
ถ้ามองเป็นเกม
พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เล่นเกมทำใจ
ทุกข์ทีแล้วทำใจที
แต่พระพุทธเจ้าสอน
ให้เล่นเกมกรรมเป็น เอาตัวรอดได้
โดยตัดสินว่าผู้ชนะสุดท้าย
คือผู้ที่ออกจากเกมกรรมได้ ดับกรรมได้
พิสูจน์ได้ด้วยการดับทุกข์ทางใจ
ชนิดไม่กลับกำเริบอีกเลยไปจนตาย!
1
Cr : fb
โฆษณา