4 ส.ค. 2022 เวลา 14:26 • การตลาด
เกมเปลี่ยน…เมื่อรองเท้าวิ่งทางเลือก
มาแรงเบียดแซงแบรนด์ใหญ่
คาดการณ์กันว่าประเทศไทยมีคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งมากถึง 13 ล้านคน แถมมีตัวเลขการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยประมาณ 5-10% ต่อปี สิ่งที่ตามมาก็คือตลาดอุปกรณ์การวิ่งที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักวิ่ง
ยิ่งมาในระยะหลังๆ นักวิ่งมือใหม่ต่างก็พยายามพัฒนาศักยภาพการวิ่งของตัวเองให้สูงขึ้น โอกาสของรองเท้าวิ่งที่เป็น Specialty Brand จึงมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
เมื่อมารวมกับวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและออกกำลังกายด้วยการวิ่งมากขึ้น เพราะการวิ่งสามารถทำได้คนเดียวไม่ต้องใกล้ชิดกับใคร จึงทำให้การวิ่งเป็นสิ่งที่คนนิยมเพิ่มมากกว่าเดิม
เจาะโครงสร้างตลาดรองเท้าวิ่ง
ก่อนจะลงลึกในรายละเอียดต้องเข้าใจตลาดชุดและอุปกรณ์กีฬาวิ่งก่อนว่าสามารถแบ่งโครงสร้างหลักออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน คือแบรนด์ที่เป็นเมนสตรีมมีสินค้าครอบคลุมแทบจะทุกประเภทกีฬา อาทิ Nike, Adidas, Under Armour, Asics, New Balance ฯลฯ กับแบรนด์ที่เป็น Specialty เน้นสินค้าที่เกี่ยวกับการวิ่งมากหน่อย อาทิ Saucony, Hoka, Kailas, Altra, On, Brooks ฯลฯ
แน่นอนว่าความได้เปรียบของแบรนด์ใหญ่นั้นอยู่ที่ความมีชื่อเสียง และงบประมาณในการทำตลาดที่มาก กว่าแบรนด์ทางเลือก จึงเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยกับผู้บริโภค ส่วนจุดเด่นของรองเท้าแบรนด์ทางเลือกนั้นจะอยู่ที่การมีโฟกัสเฉพาะไปที่ประเภทของกีฬานั้นๆ ทำให้มีความน่าเชื่อถือเฉพาะด้าน
1
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจที่เมื่อคนทั่วไปตัดสินใจจะเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่ง แบรนด์ร้องเท้ากีฬาที่เป็นเมนสตรีมจึงเป็นทางเลือกแรกๆ ของคนส่วนใหญ่ เหตุผลมาจากความคุ้นเคย
แต่พบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรองเท้าวิ่งเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีตัวแทนผู้นำเข้าแบรนด์รองเท้าวิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และมีแบรนด์รองเท้าวิ่งเฉพาะทางเข้ามาให้นักวิ่งได้เลือกซื้อหามากมาย
พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด อธิบาย การเปลี่ยนแปลงของปรากฏ การณ์นี้ว่ามาจากประเทศไทยมีนักวิ่งที่วิ่งอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก ทำให้ตลาดร้องเท้าวิ่งเฉพาะทางเติบ โตอย่างมีนัยสำคัญ
“ตลาดรองเท้าวิ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลาของแบรนด์รอง เพราะแต่ละแบรนด์ต่างก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นของตัวเอง ประกอบกับการเติบโตของช่องทางการขายออนไลน์ที่มาแรง ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงแบรนด์ทางเลือกได้ง่ายขึ้น”
พฤติกรรมเปลี่ยนเพราะนักวิ่งเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น
พรศักดิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ทำให้คนทั้งโลกเชื่อมต่อกัน และสามารถเข้าไปแลก เปลี่ยนข้อมูลในกลุ่มหรือคลับที่ตัวเองมีความชอบได้ เหตุผลดังกล่าวทำให้นักวิ่งรุ่นใหม่ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลวิธีการฝึกซ้อม, ข้อมูลการแข่งขัน รวมไปถึงข้อมูลอุปกรณ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น
1
เมื่อมาความกับพฤติกรรมของคนไทยที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่แพ้ใครในโลก ก็ยิ่งทำให้โอกาสการแจ้งเกิดของรองเท้าวิ่งทางเลือกมีเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
“พฤติกรรมการซื้อรองเท้าวิ่งของคนไทยจะลงเรื่องเทคนิคมากกว่าประเทศอื่นๆ ค่อนข้างเยอะ ลูกค้าคนไทยปัจจุบันดูเทคนิคกับรองเท้าค่อนข้างสูง ดูรุ่น ดูยี่ห้อ ดูคาแร็กเตอร์ ว่าเหมาะกับตัวเองอย่างไร แสดงว่าไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ ปัจจุบันนี้ลูกค้าที่เข้าร้านมีความรู้มากขึ้น ถึงขนาดที่ว่าลูกค้าบางคนเป็น Reviewer ได้แล้ว ตอนนี้คนไทยเดินเข้าร้านรองเท้าวิ่ง บางคนถามรายละเอียดเลยว่า รองเท้ารุ่นนี้ Drop เท่าไหร่ หรือถามหารองเท้าวิ่ง Cushion โดยเฉพาะก็มี”
พรศักดิ์ ย้ำว่าการเข้าใจธรรมชาติของการฝึกซ้อมและการแข่งขันนี้เองที่เป็นโอกาสทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย ตัวอย่าง เช่น รองเท้าวิ่งทั่วไปจะมีอายุการใช้งานที่ตอบสนองในทุกฟังก์ชั่นอยู่ที่ประมาณ 600 กิโลเมตร ดังนั้น ถ้านักวิ่งที่ซีเรียสและฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ วิ่งเฉลี่ยเดือนละ 100 กิโลเมตร รองเท้าจะมีอายุการใช้งานที่ยังคงประสิทธิภาพเหมือนใหม่ประมาณ 6 เดือน แต่ถ้าวิ่งเดือนละ 150 กิโลเมตร อายุการใช้งานก็จะเหลือแค่ 4 เดือน
“การวิ่งต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน รองเท้าวิ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้นักวิ่งบริหารและฝึกซ้อมกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน บางคู่ออกแบบมาให้วิ่งระยะไกล บางคู่ออกแบบมาให้วิ่งทำความเร็ว เพราะฉะนั้นนักวิ่งที่ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ 1 คนจะมีรองเท้าวิ่งประมาณ 3-4 คู่ ไม่รวมที่ใส่เป็นแฟชั่น”
แบรนด์ทางเลือกับกลยุทธ์ Segmentation
อย่างที่กล่าวแล้วว่า การเป็นแบรนด์รองเท้าวิ่งในกลุ่ม Specialty มีข้อดีคือการพัฒนาเทคโนโลยีทุกอย่างจะโฟกัสไปที่การวิ่งโดยเฉพาะ ผลดีที่ตามมาก็คือสามารถพัฒนารองเท้าออกมาตอบสนองความต้องการของนักวิ่งที่แตกต่างกันออกไปได้อย่างเฉพาะเจาะจงกว่า
ตัวอย่างแบรนด์ Saucony ที่ทำรองเท้าวิ่งมามากกว่า 100 ปี จนกลายเป็นแบรนด์รองเท้าสามัญประจำบ้านของคนอเมริกาก็มีไลน์สินค้าให้เลือกมากมาย เช่น
รุ่น FREEDOM ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายทั้งวิ่ง, ออกกำลังกาย, Cardio ฯลฯ เหมาะสำหรับคนเท้าเว้าปกติ
รุ่น TEMPUS หรือ Guide ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับคนเท้าล้ม เท้าแบน (Overpronation)
รุ่น Endorphin Pro ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้นักวิ่งสำหรับแข่งขัน
พรศักดิ์ กล่าวว่า การได้รับความนิยมของรองเท้าวิ่ง Saucony ทั่วโลกในระยะหลังๆ นั้นมาจากการซอยย่อยรุ่นต่างๆ ออกไปตามความต้องการ ซึ่งถือเป็นการพลิกเกมทั่วโลก เพราะกลุ่มเป้าหมายของ Saucony คือตลาดนักวิ่งที่ซีเรียส
“Saucony สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น รุ่น Guide ก็ผลิตมาแล้วถึง 15 รุ่น หรือจะเป็นรุ่น Endorphin Pro ที่พัฒนามาเพื่อตอบสนองนักวิ่งกลุ่ม Performance ซึ่ง Endorphin Pro 1 เราสามารถขายได้มากกว่าหมื่นคู่”
ล่าสุด เรฟ อีดิชั่นได้มีการเปิดตัวรองเท้า Endorphin Pro 3 มาเสริมทัพตระกูล Endorphin Pro เพื่อเจาะกลุ่มนักกีฬาสายแข่งขัน มาพร้อมนวัตกรรมแผ่น Carbon-fiber Plate และพื้นกลางจากโฟม PWRRUN PB (พาวเวอร์รัน พีบี) ที่หนาขึ้นกว่าเดิม เป็นรองเท้าวิ่งที่พร้อมสร้างประสบการณ์ความเร็วให้กับนักวิ่ง
และมีการจัดงาน House of Speed BKK 2022 Pop Up Experience ที่ Noble Play เพลินจิต ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่ได้ จัดงานนี้ต่อจากประเทศฝรั่งเศสที่จัดงานเปิดตัวที่ปารีส แฟชั่น วีคไปเมื่อกลางปี
ตลาดรองเท้าวิ่งหลัง Post COVID-19
พรศักดิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า โอกาสของตลาดผลิตภัณฑ์วิ่งในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในช่วงปี 2565-2567 ที่ถือเป็นยุค Post COVID-19 ที่แท้จริง งานอีเวนท์วิ่งหรือการแข่งขันวิ่งกำลังทยอยกลับมาจัดอีกครั้ง จำนวนนักวิ่งจากเดิมที่มีจำนวนมากในประเทศไทยก็จะค่อยๆ กลับมาฟื้นฟูร่างกายตัวเองและกลับมาลงสนามวิ่งกันอีกครั้งเช่นกัน
“เทรนด์สุขภาพก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้คนหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพกันมากขึ้นเรื่อยๆ เรามองว่าสิ่งเหล่านี้คือโอกาสในการรุกตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีนี้ที่ทุกอย่างกำลังพลิกฟื้น บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 500 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งระหว่างนี้จะทำให้กลุ่มเป้าหมายได้มองเห็นความตั้งใจและแนวโน้มการส่งสินค้าคุณภาพ รวมถึงประสบการณ์ที่ดีในเรื่องวิ่งให้แก่นักวิ่งในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง”
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 500 ล้านบาท ทางเรฟ อีดิชั่น จะเน้นการตลาดแบบ Omni-channel ผ่านช่องทางร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์
ที่ผ่านมา เรฟ อีดิชั่นได้เปิด Saucony Flagship Store ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ไปเมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 นับเป็น Official Flagship Store แห่งแรกในประเทศไทย รวมถึงยังมีการพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านช่องทาง E-Commerce และ E-Marketplace เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้นสอดรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค
ด้านการสื่อสารแบรนด์ เรายังเลือกใช้นักกีฬา (Saucony Athletes) นักวิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือดารานักแสดงที่รักการวิ่งมาเป็นตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ให้กลุ่มผู้บริโภครู้จักแบรนด์มากขึ้น รวมถึงแผนการสร้างและเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งในลักษณะเวิร์คช็อปที่ให้ทั้งสาระและความสนุกสำหรับนักวิ่งในชื่อ Saucony Run Club โดยเป้าหมายของ Saucony ในระยะยาว
เมื่อถูกถามถึงความคาดหวังของ Saucony พรศักดิ์ กล่าวว่า เรฟ อีดิชั่นวางเป้ายอดขายของ Saucony ไว้ที่ 500 ล้านบาทใน 3 ปี ส่วนในระยะยาวก็ตั้งเป้าว่าจะต้องปั้นแบรนด์ Saucony ให้เป็นแบรนด์รองเท้าวิ่ง Top 3 ที่นักวิ่งเลือกใช้ในประเทศไทย
ปัจจุบันนี้ Saucony ในประเทศไทยมียอดขายที่เติบโตขึ้นมาก ในเอเชียจะเป็นรองก็เพียงแค่จีนและญี่ปุ่นเท่านั้น ตลาดไทยจึงมีความสำคัญกับ Saucony มาก เราถึงมีโอกาสได้จัดงาน House of Speed เป็นประเทศที่ 2 ต่อจากฝรั่งเศส
“ยอดขายรองเท้าวิ่งอย่างไม่เป็นทางการของทุกแบรนด์ในประเทศไทยโดยนับเฉพาะรองเท้าวิ่งตัดรองเท้าอื่นๆ ออกไป ตอนนี้ที่ 1 ยังคงเป็นแบรนด์เมนสตรีม แต่ที่ 2 และ 3 ในประเทศไทยผมว่าเป็นแบรนด์ทางเลือกที่เบียดแซงแบรนด์ใหญ่ไปแล้ว โอกาสของแบรนด์ทางเลือกจึงมีมากในปัจจุบัน”
ปัจจุบัน บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด มีแบรนด์ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์รองเท้าวิ่ง สินค้าสปอร์ตแวร์ และไลฟ์สไตล์แฟชั่นชั้นนำระดับโลก โดยมีแบรนด์รองเท้าวิ่งที่ได้รับความนิยม อาทิ HOKA, Saucony, Kailas
ซึ่ง HOKA และ Saucony เป็น 2 แบรนด์รองเท้าวิ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย
#BrandAgeOnline #Marketing #HOKA #Saucony #Run #รองเท้าวิ่ง #วิ่ง
โฆษณา