5 ส.ค. 2022 เวลา 04:22 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา Panda Express ฟาสต์ฟูดจีน 2,200 สาขา ในสหรัฐอเมริกา
1
หากพูดถึงร้านอาหารจีน หลายคนคงมีภาพจำเป็นภัตตาคารขนาดใหญ่ หรือการทานอาหารพร้อมหน้ากับญาติมิตร เนื่องในโอกาสพิเศษ
แต่ใครจะไปคิดว่าอาหารจีนที่มีขั้นตอนการปรุงอย่างพิถีพิถัน จะกลายเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดในสหรัฐอเมริกาได้
วันนี้เรามารู้จักกับ “Panda Express”
ธุรกิจฟาสต์ฟูดอาหารจีนสไตล์อเมริกัน ที่มีสาขามากกว่า 2,200 แห่ง
แล้วฟาสต์ฟูดจีนรายนี้ ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา ได้อย่างไร ?
BrandCase จะวิเคราะห์เคสนี้แบบเข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของ Panda Express นั้น มาจากคุณ Andrew Cherng ผู้อพยพชาวไต้หวัน ที่ย้ายมาอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
หลังจากจบการศึกษา เขาก็ได้กลับไปช่วยธุรกิจร้านอาหารของลูกพี่ลูกน้อง
แต่ด้วยความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน คุณ Andrew จึงตัดสินใจแยกตัวออกมาเปิดร้านอาหารจีนเป็นของตนเอง
ด้วยการยืมเงินลงทุนจากญาติพี่น้อง และมีคุณพ่อผู้เป็นเชฟคอยให้คำแนะนำ
คุณ Andrew ก็ได้ก่อตั้งร้าน Panda Inn สาขาแรก ในปี 1973 หรือราว 49 ปีก่อน
โดยให้บริการอาหารจีนดั้งเดิมได้สำเร็จ ที่เมืองแพซาดีนา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
และต่อมาเพียง 9 ปี ก็ได้ขยายสาขาที่ 2 ที่เมืองเกลนเดลในรัฐเดียวกัน
ซึ่งก็เป็นช่วงประจวบเหมาะกับที่คุณ Peggy ภรรยาของคุณ Andrew ได้เข้ามาช่วยบริหารงาน และพัฒนาระบบหลังบ้านของ Panda Inn
และจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึง เมื่อสองสามีภรรยาได้ตัดสินใจขยายสาขาไปยังศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้า และเปลี่ยนชื่อร้านเป็น “Panda Express” เพื่อบ่งบอกถึงความรวดเร็ว
อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ จากการปรุงอาหารตามออร์เดอร์เหมือนในภัตตาคาร มาเป็นการปรุงอาหารเตรียมไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก
โดยให้ลูกค้าเลือกตักเพิ่มใส่จานเป็นอย่าง ๆ คล้ายกับลักษณะร้านข้าวราดแกงในไทย
ทำให้สามารถรองรับลูกค้าเป็นจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น
อีกทั้งยังมีการปรับรสชาติให้ถูกปากชาวอเมริกัน ที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับอาหารจีน
ทั้งหมดนี้ ก็ได้ทำให้ Panda Express ถูกพูดถึงในวงกว้าง โดยมีเมนูยอดฮิตตลอดกาลอย่าง “Orange Chicken” หรือไก่ทอดผัดซอสส้ม
ทีนี้ เรามาดูกันว่าเพราะอะไร Panda Express จึงสามารถขยายกิจการได้เป็นพันสาขา
1. ใช้ข้อมูลในการบริหารงานหลังบ้าน
Panda Express เริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูล ตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน ไม่ว่าจะเพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบคงคลัง ระบบการสั่งวัตถุดิบ รวมไปถึงเก็บสถิติเมนูอาหารที่ลูกค้าสั่ง
สาเหตุที่ Panda Express เริ่มนำเทคโนโลยีมาช่วยธุรกิจได้เร็ว เกิดจากคุณ Peggy ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูล ว่าหากเราสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ธุรกิจก็จะได้ประโยชน์
สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้น เรียกได้ว่าสำคัญมาก เพราะความต้องการของอาหารในแต่ละสาขาไม่เท่ากัน
ความชอบของคนในแต่ละพื้นที่ก็อาจจะแตกต่างกัน การที่เรามองเห็นข้อมูล จะทำให้เราควบคุมค่าใช้จ่าย และสต็อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
2. เป็นผู้บุกเบิกและไร้คู่แข่ง
ในช่วงปี 1980 ร้านอาหารฟาสต์ฟูดส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ยังเป็นอาหารสไตล์ตะวันตกอยู่ และแทบจะไม่มีร้านอาหารฟาสต์ฟูดสไตล์เอเชียเลย ทำให้ Panda Express เติบโตแบบไร้คู่แข่ง
นอกจากการเป็นผู้บุกเบิกแล้ว Panda Express ยังเติบโตไปตามจำนวนประชากรชาวอเมริกัน เชื้อสายเอเชีย ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
หากเรามาดูจากการเติบโตของประชากรกลุ่มนี้
ปี 1970 ประชากรเชื้อสายเอเชีย 1,538,721 คน
ปี 1980 ประชากรเชื้อสายเอเชีย 3,500,439 คน
ปี 1990 ประชากรเชื้อสายเอเชีย 6,908,638 คน
ปี 2000 ประชากรเชื้อสายเอเชีย 11,896,828 คน
จะเห็นได้ว่าประชากรกลุ่มนี้ เติบโตแบบก้าวกระโดด ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Panda Express ขยายธุรกิจพอดี และด้วยความเป็นผู้บุกเบิกที่บริหารจัดการธุรกิจได้ดี บริษัทจึงสามารถกอบโกยกลุ่มลูกค้าไปได้เป็นจำนวนมาก
3. ปรับตัวและยืดหยุ่น
ธุรกิจร้านอาหารถือเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้บริโภคอยู่เสมอ
ซึ่ง Panda Express เองก็สามารถทำจุดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยการเปลี่ยนร้านอาหารจีนดั้งเดิม ให้กลายเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟูด
รวมไปถึงการขยายสาขาให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ต, มหาวิทยาลัย, สนามกีฬา หรือแม้กระทั่งในฐานทัพ..
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจอาจจะไม่ได้มีรูปแบบความสำเร็จที่ชัดเจน แต่เราควรเลือกเอาข้อได้เปรียบที่มีมาสร้างจุดแข็งในการทำธุรกิจ
อย่างกรณีของคุณ Andrew ที่มีคุณพ่อเป็นพ่อครัว บวกกับความเชี่ยวชาญของคุณ Peggy
จนทำให้ Panda Express กลายเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดที่แตกต่าง จนสามารถขยายสาขาไปได้กว่า 2,200 สาขา ในประเทศสหรัฐอเมริกา..
โฆษณา