6 ส.ค. 2022 เวลา 10:09 • ความคิดเห็น
อุบัติเหตุ
ฉันกับเขาแต่งงานกันได้ยังไม่ถึงเดือน
เรื่องราวของเราที่มาพบรักและแต่งงานกัน ต้องย้อนไปหนึ่งปีค่ะ
ตอนนั้น เราทั้งคู่ทำงานที่บริษัทเดียวกัน แต่อยู่คนละแผนก
ฉันเพิ่งเข้าทำงานเป็นน้องใหม่ ส่วนเขาทำงานมาสามปีแล้ว
วันที่เขาเดินเข้ามาในชีวิตฉัน เป็นช่วงที่ฉันกำลังมีความทุกข์ เพราะหัวหน้าแผนกเรียกฉันไปตำหนิและให้ปรับปรุงตัว ขู่ว่าจะไม่ให้ฉันผ่านทดลองงาน
เขาคงสังเกตเห็นอาการวิตกของฉัน จึงเดินมาหาที่โต๊ะ ถามฉันว่าเป็นอะไร ฉันส่ายหน้าบอกเขาว่าไม่มีอะไร เพราะฉันอายไม่อยากบอกให้เขาหรือใครรู้
แต่เขาก็ไม่ถอยนะคะ เขาใช้ความพยายามพูดจาหว่านล้อมแบบค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่งฉันยอมเปิดใจเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
เขาฟังอย่างตั้งใจ แนะนำสิ่งที่ฉันควรปรับปรุง บอกฉันว่าเขาจะช่วยฉัน ถ้ามีอะไรให้ปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากเขาได้ทันที
ฉันทำตามที่เขาแนะนำแทบทุกอย่างโดยมีเขาเป็นที่ปรึกษา
ลืมบอกไปค่ะ! ฉันไม่ใช่คนสวย ออกจะขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ แต่เขาคอยปลอบ แนะนำและให้กำลังใจ โดยที่เขาไม่แคร์หน้าตาฉัน ดังนั้นเขาจึงชนะใจฉันไม่ยาก ฉันยอมรับหมดใจเลยค่ะ! ฉันชอบเขาเข้าให้แล้ว
ฉันจำได้ดี วันที่ฉันสารภาพว่าชอบเขา เป็นวันที่บริษัทให้ฉันผ่านทดลองงาน หลังเลิกงานฉันไปรอเขา เมื่อเขาเดินมาถึง น้ำตาของฉันไหลคลอออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขารู้ดีว่าฉันมาหาเขาเพราะอะไร รอยยิ้มอย่างอบอุ่นของเขา ทำให้ฉันตัดสินใจว่า วันนี้เป็นไงเป็นกัน!
ฉันชวนเขาไปทานมื้อเย็นเพื่อขอบคุณ เมื่อทานเสร็จ ฉันมองหน้าเขา ฉันบอกชอบเขาออกไป ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ถ้าจะผิดหวังก็ไม่เป็นไร ขอให้ฉันได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจก็พอ
เขาจ้องตาฉันเขม็ง พูดว่าเขาก็ชอบฉัน เพียงแค่นั้น ฉันรู้สึกหัวใจพองโต ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ฉันกลับถึงบ้าน คืนนั้นทั้งคืนฉันนอนไม่หลับเลยค่ะ แต่รุ่งเช้าฉันกลับไม่รู้สึกเพลียเลยสักนิด มันเหมือนมีพลังวิเศษทำให้ฉันกระปรี้กระเปร่าเพียงเพราะรู้ว่าจะได้เจอเขาที่ทำงาน
ใช่ค่ะ! เราเป็นแฟนกันร่วมปี จนเขาให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ เราจึงได้แต่งงานกัน
การแต่งงานเป็นโลกใบใหม่ของเรา ฉันกับสามีตัวแทบจะติดกัน ไปไหนไปด้วยกัน
เราเดินทางไปพักผ่อนที่หัวหิน หลังจากนอนค้างที่นั่นสามคืน วันรุ่งขึ้นเรากลับเข้ากรุงเทพ โดยสามีฉันเป็นคนขับ
ระหว่างทาง เป็นถนนสองเลน สามีฉันเห็นรถคันหนึ่ง จอดเสียอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม
นิสัยเขาที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว ฉันไม่แปลกใจที่เขาจอดรถ แล้ววิ่งข้ามถนนไปช่วยเหลือ
เขาบอกฉัน ให้รออยู่ในรถ ฉันมองตามเขาไป
เขาไปช่วยสักพักใหญ่ เขาตะโกนบอกฉันว่าเสร็จแล้ว เขายิ้มให้ฉันแล้ววิ่งข้ามถนนเพื่อกลับมาที่รถ
แต่แล้ว รถกระบะคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว ชนเขาอย่างจัง
ร่างของเขาลอยละลิ่วตกกระแทกพื้น กระเด้งไปตามแรงชนอีกสองสามครั้ง
ส่วนกระบะคันนั้นพลิกคว่ำหมุนไปหลายตลบ ก่อนสงบนิ่งไม่ไกลเขานัก
ฉันผลุนผลันออกมาจากรถ วิ่งไปหาเขา
เขานอนหายใจรวยริน มีเลือดออกมาจากตาและหูของเขา แต่เขายังพอมีสติมองมาที่ฉัน
ฉันเข้าไปใช้สองมือโอบใบหน้าเขาไว้ สายตาของเขาที่ฉันเห็น มันช่างอ่อนโยน เหมือนสายตาที่เขามองฉันเมื่อพบกันคราวแรก
ริมฝีปากเขาเผยอ แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ฉันได้ยินแต่เสียงหายใจแรงของตัวเอง
ฉันเรียกชื่อเขา ละล่ำละลัก บอกเขาว่า อย่าเป็นอะไรนะ! เขาจะต้องหายดี
แต่นั่น เป็นคำพูดสุดท้ายของฉันที่พูดกับเขาค่ะ
เขากระพริบตาช้าๆ ประหนึ่งแทนคำพูดว่า “ลาก่อน” ก่อนที่เปลือกตาคู่นั้นจะปิดสนิทไปตลอดกาล
เขาจากโลกนี้ไปแล้ว
ฉันร้องไห้คร่ำครวญปานจะขาดใจกอดเขาไว้แนบอก
หลังจากงานศพเขาผ่านพ้นไปได้หนึ่งอาทิตย์
ฉันรู้สึกไม่สบายจึงไปหาหมอ
หมอตรวจร่างกาย ทดสอบแล้ว บอกว่าฉันท้อง
ฉันนึกถึงเขาทันที ถ้าเขายังอยู่ เขาคงดีใจและตื่นเต้นมาก
ที่รักค่ะ! แม้คุณจะจากไป แต่คุณได้มอบลูกคนนี้ให้แก่ฉันทดแทน
คุณเป็นคนดีและได้ใช้ชีวิตในการช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด แม้กระทั่งความตายของคุณ ก็มาจากการพยายามช่วยเหลือคนอื่น
ฉันจะเลี้ยงลูกของเราให้ดี พอเขาโตฉันจะเล่าให้เขาฟังว่าพ่อของเขาเป็นคนดีอย่างไร และจะสอนเขาให้มีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณเป็นค่ะ
คุณอยู่ในใจฉันเสมอ ฉันรักคุณและจะรักตลอดไป…
โฆษณา