6 ส.ค. 2022 เวลา 15:32 • ธุรกิจ
มีคำถามหนึ่งเคยถามว่า
“ทำไม Isuzu ถึงไม่ผลิตรถเก๋ง?”
ผมเลยตอบไปว่า
อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุน “สูงมาก” ครับ
1) ผมอยากให้เราจินตนาการถึงร้านขาย “ส้มตำ” ซึ่งเจ้าของร้านต้อง “ลงทุน” ซื้อเครื่องจักรพื้นฐาน เช่น ครก, สาก, มีด, มะละกอ, ปูเค็ม, ปลาร้า, ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, ถั่วลิสงคั่ว, พริก, มะนาว, ข้าวเหนียว, ไก่(ย่างเองหรือซื้อมา), กระดาษเช็ดปาก, น้ำยาล้างจาน, พัดลม, โต๊ะเก้าอี้, ถุง ฯลฯ และเงินส่วนหนึ่งที่ต้องแบ่งให้ platforms หลากหลายสี ที่ช่วยกันขับรถส่งส้มตำให้!
ลองคิดดูสิครับ ว่า ถ้าเจ้าของร้าน อยากขาย “sushi” ด้วย! พวกเขาและเธอต้องเตรียม “อะไร” อีกบ้าง?
2) มันคือโจทย์เดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์
แน่นอนว่า Toyota คือบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมเข้าใจว่าเขาแซง กลุ่ม VW จากเยอรมันไปแล้ว
Toyota ผลิตรถออกมาแทบจะทุกกลุ่ม เพราะเขา “ลงทุน” มหาศาลมาก ถ้าจะให้ผมเปรียบเทียบก็เหมือน Minor ที่เขามีธุรกิจในหลายๆผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น The Pizza Company, The Coffee Club, Bonchon, Swensen, Sizzler, Dairy Queen, Burger King ฯลฯ
3) ดังนั้น กว่าจะผลิตรถออกมาได้ เขาต้องมีทั้ง “ทุน” ความรู้และเม็ดเงินไม่น้อย
Isuzu เอง เขาทำรถเพื่อการพาณิชย์ ที่ใช้เครื่องยนตร์ดีเซลเป็นพระเอกมายาวนาน เขามีสิ่งที่เขาต้องการและต้องใช้ หากจะไปผลิตรถยนต์สี่ประตูหรือ กลุ่มรถบ้านอื่นๆ เขาก็ต้องมองหา “มืออาชีพ” ที่ช่วยเขาได้
ซึ่งอันที่จริงเขาก็มีรถยนต์สี่ประตูออกมาแล้ว โดยผมเข้าใจว่าเป็นการ “ร่วมผลิต” กับทาง Honda ซึ่ง ก็คือ Isuzu Vertex ที่ผลิตออกมาในช่วงยุค 90s
ซึ่ง trends การร่วมผลิต เพื่อลดต้นทุนนั้น มีให้เห็นทั่วไปในวงการรถยนต์ เช่น
Toyota Supra ใช้เครื่องยนตร์จาก BMW, Toyota กับ Subaru ร่วมกันทำรถ กลุ่ม performance ขนาดเล็กออกมา ซึ่งหน้าตายังกะฝาแฝด!
Toyota เรียก GR86 แต่ Subaru เรียก BRZ ครับ!
4) และเมื่อมองลึกเข้าไปในรายชื่อผู้ถือหุ้น (shareholders) ของ Isuzu
คุณจะเห็นทั้ง Mitsubishi และ Toyota อยู่ในรายชื่อนั้นด้วย!
โฆษณา