7 ส.ค. 2022 เวลา 03:30 • ปรัชญา
แหวนแห่งยมทูต
ในช่วงค่ำของวันหนึ่ง ขณะที่สองพี่น้องกำลังเดินเล่น อยู่บริเวณริมฝั่งของแม่น้ำ พวกเขาเดินตรงไปเรื่อยๆ และพบกับสะพานสายหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นจากอิฐแดง สะพานสายนั้นเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
บนสะพานแห่งนั้น สองพี่น้องยังได้พบยมทูตร่างยักษ์ ผู้ซ้อนกายอยู่ในชุดคลุมสีดำ ท่าทางที่ดูน่าเกรงขาม ใบหน้าที่เป็นโครงกระดูก ในมือถือเคียวเกี่ยววิญญาณ มีปีกเป็นสีดำทมิฬ ที่สามารถโบยบินไปยังที่ต่างๆได้ ยมทูตสั่งห้ามไม่ให้สองพี่น้องข้ามสะพานแห่งนี้ไป และยังบอกกับสองพี่น้องอีกว่า ตนคือผู้มีหน้าที่คอยเฝ้าสะพานแห่งนี้ เพื่อมิให้ผู้ใดข้ามไปยังโลกแห่งวิญญาณ
สองพี่น้องบอกกับยมทูตว่า พวกเขาจะไม่ข้ามสะพานแห่งนี้ไป ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังสนทนากัน ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด จู่ๆก็มีนักเลงหัวไม้คนหนึ่ง ที่มีรูปร่างกำยำและสูงใหญ่ ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้ายและมีนิสัยมุทะลุ แถมยังมีพฤติกรรมที่หยิ่งยะโสทะนงตน เขาเดินตรงมายังจุดที่สองพี่น้องกำลังยืนอยู่ เขาได้ตะโกนคัดค้านและไม่เชื่อฟังคำสั่งของยมทูต จากนั้นเขาก็เดินข้ามสะพานแห่งนั้นไป แบบต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่เกรงกลัวใดๆ
สองพี่น้องบอกกับยมทูตว่า พวกเขาจะไม่ข้ามสะพานแห่งนี้ไป ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังสนทนากัน ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด จู่ๆก็มีนักเลงหัวไม้คนหนึ่ง ที่มีรูปร่างกำยำและสูงใหญ่ ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้ายและมีนิสัยมุทะลุ แถมยังมีพฤติกรรมที่หยิ่งยะโสทะนงตน เขาเดินตรงมายังจุดที่สองพี่น้องกำลังยืนอยู่ เขาได้ตะโกนคัดค้านและไม่เชื่อฟังคำสั่งของยมทูต จากนั้นเขาก็เดินข้ามสะพานแห่งนั้นไป แบบต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่เกรงกลัวใดๆ
พอนักเลงหัวไม้ เดินข้ามสะพานไปแล้ว เขาก็เจอแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่า และไม่ว่าเขาจะเดินหรือวิ่งไปในทิศทางใด เขาก็ยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิม ยิ่งเขาเดินออกไปมากเท่าไหร่ เขาก็เริ่มหวาดกลัว ความหวาดกลัว ทำให้เขาอยากออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่มันก็สายเกินไปซะแล้ว ที่เขาจะได้ออกไป เพราะหากใครที่ข้ามสะพานและเข้ามายังที่แห่งนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต คนๆนั้นก็จะไม่มีวันได้กลับออกไป และจะต้องติดอยู่ในความมืดตลอดกาล
ยมทูตเห็นสองพี่น้อง ที่เชื่อฟังในคำสั่ง จึงอนุญาตให้สามารถข้ามสะพานแห่งนี้ไปได้ แต่ก่อนจะเดินข้ามสะพานไป ยมทูตได้ให้แหวนมรกตกับพวกเขาคนละวง และยังบอกพวกเขาด้วยว่า ให้สวมแหวนทันที ที่ก้าวเดินเข้าไปในดินแดนแห่งนั้น จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในดินแดน ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง พอเดินเข้าไปแล้ว พวกเขาก็เจอแต่ความมืดมิดและความว่างเปล่า
พวกเขาสวมแหวนมรกตทันที ตามที่ยมทูตได้สั่งเอาไว้ แต่หลังจากที่พวกเขาได้สวมแหวน จากสถานที่อันมืดมิดและน่ากลัว ก็เกิดเป็นท้องฟ้า ที่ค่อยๆส่องสว่าง แสงสว่างที่ส่องเข้ามา พวกเขาได้เห็นพระราชวังแห่งหนึ่ง ที่ดูงดงามตระกาลตา ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา สักพักนึ่ง ก็มีพระราชาและพระราชินี ซึ่งเป็นผู้ปกครองดินแดน ขี่ราชรถม้าออกมาจากพระราชวัง ออกมาต้อนรับและเชื้อเชิญให้พวกเขา เข้าไปในพระราชวัง
พวกเขาสวมแหวนมรกตทันที ตามที่ยมทูตได้สั่งเอาไว้ แต่หลังจากที่พวกเขาได้สวมแหวน จากสถานที่อันมืดมิดและน่ากลัว ก็เกิดเป็นท้องฟ้า ที่ค่อยๆส่องสว่าง แสงสว่างที่ส่องเข้ามา พวกเขาได้เห็นพระราชวังแห่งหนึ่ง ที่ดูงดงามตระกาลตา ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา สักพักนึ่ง ก็มีพระราชาและพระราชินี ซึ่งเป็นผู้ปกครองดินแดน ขี่ราชรถม้าออกมาจากพระราชวัง ออกมาต้อนรับและเชื้อเชิญให้พวกเขา เข้าไปในพระราชวัง
พอพวกเขาเข้าไปในวัง ก็พบกับอาหารและขนมหวานนานาชนิด ที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะทองคำ ความโอชะของอาหารและขนม ทำให้พวกเขารู้สึกหิว ทั้งพระราชาและพระราชินีบอกพวกเขา ให้มาทานอาหารด้วยกันกับพระองค์
พวกเขารู้สึกดีใจมากและรีบเดินไปที่โต๊ะอาหาร พวกเขาทานอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย บรรดาพวกของใช้บนโต๊ะอาหาร ก็เคลื่อนไหวเองได้อย่างมีชีวิตชีวา พวกมันยังสามารถพูดคุยกับสองพี่ได้อย่างเป็นกันเอง พวกเขาพูดคุยกับบรรดาของใช้ อย่างมีความสุข พระราชาและพระราชินีแต่งตั้งพวกเขา ให้เป็นผู้ปกครองดินแดนร่วมกันกับพระองค์ ตั้งแต่นั้นมาพวกเขา จึงใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนแห่งนี้อย่างมีความสุข และมีความเป็นอยู่ที่แสนจะสบาย
เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมด คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่เชื่อฟังและคนที่ไม่เชื่อฟัง ถ้าเราเชื่อฟังและทำตามกฎระเบียบ เราจะได้รับสิ่งดีๆตามมา  แต่ถ้าเราไม่เชื่อฟังและไม่ทำตามกฎระเบียบหรือข้อห้าม เราก็จะต้องได้รับโทษ ตามความผิดที่เราทำ
สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้.
1.การเชื่อฟัง จะทำให้เราได้รับสิ่งดีๆ
2.การไม่เชื่อฟัง จะทำให้เราได้รับโทษ
ติดตาม.
โฆษณา