7 ส.ค. 2022 เวลา 14:09 • ปรัชญา
สถานที่พักผ่อนของพระเจ้า
ท่ามกลางตลาดบนท้องถนนสายนึง ที่มีผู้คนมากมาย กำลังเดินเลือกซื้อของกันอย่างชุลมุน บริเวณท้ายตลาด จะเป็นที่ตั้งของลานกว้างๆแห่งนึง ซึ่งผู้คนมักจะนำเอาขยะมาทิ้งเป็นประจำ นานวันเข้าจากลานที่เคยโล่งๆ ก็กองเต็มไปด้วยเศษขยะจำนวนมาก ที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว
บริเวณลานขยะแห่งนี้ ยังเป็นจุดพักผ่อนของสุนัขขี้เรื้อนตัวนึง ซึ่งในตอนนี้ มันกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆกองขยะพวกนั้น มันเป็นสุนัขที่มีร่างกายซูบผอมและมีกลิ่นตัวเน่าเหม็น ด้วยความที่มันเป็นสุนัข อัปลักษณ์และเนื้อตัวสกปรก ผู้คนในสังคมจึงพากันรังเกียจมัน ทุกครั้งไม่ว่าใคร ที่เจอมันตามสถานที่ต่างๆ ก็มักจะด่าทอและขับไสไล่ส่งมันต่างๆนาๆ
การทารุณกรรมจากผู้คนในสังคม เลยทำให้มันไม่รู้จัก แม้กระทั่งความรักและความอบอุ่น แต่ความใจร้ายและการย่ำยี ที่ผู้คนปฏิบัติกับมัน คือสิ่งที่มันรู้จักดี ดังนั้น มันจึงใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ อย่างไม่มีความสุข
ในบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่มันกำลังหลับ จู่ๆมันก็เกิดความหิวขึ้นมา ความหิวที่รุมเร้า ทำให้มันตื่นนอน มันเอนตัวลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปในท้องตลาด เพื่อไปหาอาหาร มาประทังชีวิต เจ้าสุนัขมันเดินไปตามริมฝั่งของท้องถนน ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ที่ตั้งวางเรียงราย ไปด้วยของกินอันโอชะมากมาย ผู้คนที่เห็นมัน ก็ต่างนินทาว่าร้ายและพูดจาดูถูกมันสารพัด
เจ้าสุนัขมันเดินตรงไปเรื่อยๆ จนมันเดินมาถึงร้านขายเนื้อร้านนึง ภายในร้านแห่งนั้น อบอวลด้วย กลิ่นหอมจากบรรดาชิ้นเนื้อ ที่กำลังถูกย่างด้วยไฟ กลิ่นหอมจากเนื้ออันโอชะ ทำให้ความหิวของเจ้าสุนัข มีเพิ่มมากเป็นทวี มันยืนจ้องมองเนื้อพวกนั้นอย่างไม่ละสายตา
"เฮ้ยนี่แกออกไปให้พ้นๆ จากหน้าร้านของฉันเลยนะไอ้หมาโสโครก" ฟีโอนอฟชายเจ้าของร้าน ร้องตะโกนไล่มัน ด้วยความโมโห เสียงร้องตะโกนนั่น ทำให้เจ้าสุนัขเกิดความตกใจมันรีบเดินออกจากเขตบริเวณร้านแห่งนั้น ด้วยความกลัว พวกพนักงานภายในร้าน ต่างก็พูดสบประมาท ถึงรูปร่างที่น่าเกลียดของมัน
สุนัขผู้หิวโหย เดินตรงไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง มันรู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีใครที่จะใจดีพอ ที่จะให้อาหารกับมันแน่นอน มันยังคิดว่ามันคงจะต้องหิวแบบนี้ต่อไป ขณะที่มันกำลังสิ้นหวัง มันก็เห็นชายชุดดำคนนึง ซึ่งเป็นชายวัยกลางคน ชายคนนั้น กำลังนั่งคุยอยู่กับหญิงชรายากจนคนนึง ที่ใต้ต้นแอปเปิ้ล พอคุยกันไปได้สักพัก ชายคนดังกล่าว ก็เข้าโอบกอดหญิงชรา เอาไว้ด้วยความรัก
ชายในชุดดำวัยกลางคน ทำให้เจ้าสุนัขรู้สึกศรัทธาในตัวของชายคนนั้นอย่างมาก ก่อนจะแยกทางกันชายชุดดำได้ให้เงินจำนวนนึงแก่หญิงชรา เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย สุนัขตัวหนึ่งที่เจอแต่เรื่องร้ายๆ พอได้เห็นถึงความรักของชายชุดดำ ที่มีต่อหญิงชราคนนั้น ก็ทำให้มันเกิดความคาดไม่ถึง เพราะมันไม่เคยรู้เลยว่าบนโลกนี้ จะมีคนที่มีจิตใจงดงามเช่นนี้อยู่ ซึ่งต่างจากผู้คนที่มันเคยพบเจอ ที่ล้วนแต่เป็นคนใจร้ายใจดำ ที่ชอบดูถูกย่ำยีมัน ราวกับว่ามันไม่มีหัวจิตหัวใจ
เมื่อชายชุดดำกับหญิงชรา แยกทางกัน เจ้าสุนัขมันก็เห็นชายชุดดำ กำลังกวักมือเรียกมัน เมื่อเห็นแบบนั้น มันก็รีบเดินไปหาชายชุดดำทันที ขณะที่มันกำลังเดิน ชายชุดดำก็เดินหันหลัง เพื่อที่จะกลับไปที่โบสถ์ เจ้าสุนัขที่กำลังเดินตาม มันก็เห็นข้อความนึงบนแผ่นกระดาษ ที่แปะติดอยู่บนหลังของชายคนดังกล่าว ข้อความนั้นเขียนระบุไว้สั้นๆว่า " จงตามเรามา" ข้อความดังกล่าว ทำให้มันรู้สึกถึงความอบอุ่น อย่างน่าอัศจรรย์
พอเดินกันไปได้สักพัก ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงโบสถ์ เพราะแท้จริงแล้ว ชายชุดดำก็คือบาทหลวงของโบสถ์แห่งนี้ ที่มีชื่อว่าเอดีนนั่นเอง "เข้าไปสิลูกรัก" บาทหลวงเอดีน เชื้อเชิญสุนัขผู้ถ่อมตน ให้เข้าไปในโบสถ์ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
สุนัขผู้น่าเวทนา ค่อยๆเดินเข้าไปด้านใน ตามคำเชิญของบาทหลวง พอมันได้เดินเข้าไป มันก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบและความสุข ที่เกิดขึ้นในจิตใจ   มันยังรู้สึกว่าความโศรกเศร้าในจิตใจของมัน กำลังละลายหายไป บาทหลวงเอดีนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อุ้มร่างของเจ้าสุนัขขึ้นมาและโอบกอดมัน ด้วยความเอ็นดู
"นับจากนี้ไป สถานที่แห่งนี้คือบ้านของเจ้านะลูกรัก พระเจ้าผู้ทรงเปรียบด้วยความเมตตาจะคอยคุ้มครองเจ้าเสมอ" บาทหลวงเอดีนพูดบอกกล่าวกับสุนัขในอ้อมแขน ด้วยน้ำเสียงแห่งความรัก ก่อนที่ร่างของมัน จะถูกวางลงกับพื้น
บาทหลวงผู้ใจบุญ จัดหาที่พักอาศัย ให้แก่สุนัขผู้น่าเวทนา ซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่อยู่หลังโบสถ์ บาทหลวงยังคอยเลี้ยงดูและให้อาหารกับมัน อย่างสม่ำเสมอ จนเวลาผ่านไป จากสุนัขที่แสนจะน่าเกลียด ได้กลายมาเป็นสุนัขขนดกรูปงามและมีร่างกายกำยำ เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้คน
โบสถ์แห่งนี้ สถานที่พำนักของพระเจ้า ทำให้สุนัขตัวหนึ่ง ที่เคยเจอแต่เรื่องแย่ๆมาทั้งชีวิต ได้สัมผัสและรู้จักกับรักแท้อันบริสุทธิ์และความอบอุ่น โบสถ์แห่งนี้ยังทำให้เจ้าสุนัข มีความสุขราวกับว่ามันกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์ ต่อมา เจ้าสุนัขมันได้เล่าเรื่องราว เมื่อครั้งที่มันยังเป็นสุนัขข้างถนน ที่ผู้คนปฏิบัติกับมันอย่างไม่เป็นธรรม ให้บาทหลวงเอดีนฟัง บาทหลวงได้จดบันทึกเรื่องราวของมัน ลงบนแผ่นกระดาษ ด้วยน้ำตาแห่งความโศกเศร้า
เมื่อเรื่องราวทุกอย่างถูกบันทึกเสร็จ ต่อมาบาทหลวงเอดีน นำเอาข้อความที่บันทึก ส่งให้กับพระสันตะปาปา ข้อความท้ายกระดาษ เป็นเนื้อหาที่บาทหลวงเอดีน ขอให้พระสันตะปาปาจัดการและให้บทลงโทษ แก่ผู้ที่ให้การปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิต ที่ยากไร้และต่ำต้อย แบบไร้มนุษยธรรม ต่อมาเพียงไม่กี่วัน พระสันตะปาปาก็ได้รับสาห์นข้อความฉบับนั้น จากบาทหลวงเอดีน
เมื่อพระสันตะปาปา อ่านในบันทึกจากคำบอกเล่าของบาทหลวงเอดีน พระองค์ก็ถึงกับร้องไห้ทั้งน้ำตาเเละอุทานขึ้นมาในใจว่า "เหตุใดจิตใจของผู้คนถึงโหดร้ายเพียงนี้ ทำได้แม้กระทั่งสุนัขอ่อนแอตัวนึง" ในคืนนั้นเอง พระสันตะปาปาจึงออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ยากไร้ โดยใครก็ตาม ที่กดขี่ข่มเหงและไม่ให้การช่วยเหลือสัตว์ที่ยากไร้ จะถูกลงโทษสถานหนักและไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนเจ้าสุนัขรูปงาม อดีตที่เคยเป็นสุนัขริมถนน มันก็ใช้ชีวิต อยู่ภายในโบสถ์แห่งนั้นกับบาทหลวงเอดีน ภายใต้การคุ้มครองของพระเจ้า อย่างมีความสุข ก่อนนอนทุกคืน บาทหลวงเอดีน จะเล่าเรื่องราวพระเยซูคริสต์ให้มันฟัง ต่อมามันก็เกิดความศรัทธาและเลื่อมใสในพระเจ้า
เรื่องราวนี้สอนเราให้รู้ว่า แม้ว่าผู้คนในสถานที่ต่างๆ เขาจะรังเกียจเรา แต่สำหรับโบสถ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ย่อมช่วยเหลือเราเสมอ ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด
ติดตาม.
โฆษณา