7 ส.ค. 2022 เวลา 17:10 • ความคิดเห็น
1) “พิจารณาผู้ที่มอบคำวิจารณ์”
เราต้องประเมินจากข้อมูลสองชุดครับ
1.1) ประเมินผู้ที่ให้คำแนะนำคุณว่าเขาหวังดีและจริงใจกับคุณเพียงใด
1.2) ประเมินผู้ให้คำแนะนำคุณว่าเขามีความรู้ความสามารถประสบการณ์ในสายงานที่เขาให้คำแนะนำคุณได้ในระดับใด
แน่นอนว่า.....
A) ถ้าคุณประเมินแล้วว่าเขาไม่น่าเชื่อถือเพราะเขาไม่หวังดีต่อคุณเสียตั้งแต่ต้น คำแนะนำจากเขาจะไม่น่าเชื่อถือโดย
สิ้นเชิง
1
B) ถ้าคุณเล็งเห็นแล้วว่าเขาปรารถนาดีต่อคุณโดยบริสุทธิ์ใจ แต่เขาไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ที่จะให้คำปรึกษาที่ถูกต้องแม่นยำได้ คุณคงทำได้เพียงขอบคุณในความปรารถนาดีนั้น
C) ดังนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดย่อมมาจากผู้ที่ปรารถนาดีต่อคุณและยังเป็นผู้รู้ในเชิงลึกถึงสิ่งที่เขาหรือเธอกำลังให้คำแนะนำอยู่
2) “พิจารณาลักษณะคำวิจารณ์”
ผมมองว่าเจตนาเป็นเรื่องสำคัญครับ คือถ้าเป็นการสื่อสารที่ต้องการความชัดเจนเพื่อป้องกันความผิดพลาด การพูดตรงๆที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาดี สามารถสร้างความเข้าใจที่ดีได้
ส่วนการพูดไม่คิด ดูเหมือนผู้พูดขาดทักษะในการมองภาพในมุมกว้าง หรือถ้าเจตนาของเขาไม่ดี คือเขาต้องการแสดงอำนาจ แน่นอนว่าถ้าเขาเป็นผู้นำในองค์กร เขาควรได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมในเรื่องนี้
1
ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ
2.1) คนพูดตรงที่มีเจตนาดี ก็เหมือนเชฟที่ตั้งใจทำอาหารคุณภาพอย่างสุดฝีมือ แต่เขาไม่โรยต้นหอมซอยเพื่อตกแต่งจานก่อนส่งให้ลูกค้า
1
2.2) คนพูดไม่คิด ก็เหมือนเชฟที่เข้าห้องน้ำทำธุระหนักเบา แล้วไปหั่นเนื้อต่อโดยไม่ล้างมือ อย่าจงใจ
3) แนวคิดแบบ Steve Jobs
บางช่วงที่น่าสนใจใน คำกล่าวที่ SJ กล่าวต่อหน้านักศึกษาที่จบการศึกษาจาก Stanford ในพิธีปัจฉิมนิเทศของปี 2005
ผมขอยกตัวอย่างเพื่อตอบคำถามที่ว่า “ทำยังไงถึงจะเลิกแคร์สายตาผู้อื่น” ดังนี้ครับ
“Remembering that I’ll be dead soon is the most important tool I’ve ever encountered to help me make the big choices in life. Because almost everything — all external expectations, all pride, all fear of embarrassment or failure — these things just fall away in the face of death, leaving only what is truly important.
Remembering that you are going to die is the best way I know to avoid the trap of thinking you have something to lose. You are already naked. There is no reason not to follow your heart.“
“Your time is limited, so don’t waste it living someone else’s life. Don’t be trapped by dogma — which is living with the results of other people’s thinking.
Don’t let the noise of others’ opinions drown out your own inner voice. And most important, have the courage to follow your heart and intuition. They somehow already know what you truly want to become. Everything else is secondary.”
4) เมื่อคุณเจอกรณีที่เป็น “Hate Speeches” ที่มีผู้ “จงใจวิจารณ์” คุณในทางลบๆ ผมนึกถึงข้อคิดจาก Gary Vaynerchuk ดังนี้ครับ
ผมมองว่าเป็นธรรมดาโลกนะ คุณควรพิจารณาว่าคนเหล่านั้นมีค่าต่อชีวิตคุณมากน้อยเพียงใด ถ้าคุณเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มีค่าใดๆเลยต่อคุณ คุณควรเอาเวลาและพลังงานไปใส่ใจกับบุคคลที่รักและมีค่าต่อคุณดีกว่ามั้ยครับ
หรือถ้าคุณยังนึกถึงคนที่ใช้ถ้อยคำลบๆใส่คุณ คุณควรเล็งเห็นว่า คนเหล่านั้นอาจมีความเจ็บปวดจากเรื่องราวในชีวิตของพวกเขา แล้วหาทางออกให้ชีวิตตัวเองได้ไม่ดีพอ คนเหล่านั้นจึงเลือกที่จะใช้เวลาอันจำกัดในชีวิตมาแสดงออกในแง่ลบเพื่อระบายความทุกข์ของตนออกมา
1
คือเอาง่ายๆ ถ้าคนเหล่านั้นมีความสุขดีกับชีวิตของพวกเขา เขาคงเอาเวลาอันมีค่าไปใช้ในทางอื่นๆที่สร้างสรรค์
กว่านี้
คุณจึงควรแผ่เมตตาให้คนเหล่านั้นครับ
5) “เลือกที่จะไปต่อ”
ผมอยากให้มองชีวิตนักกีฬาอาชีพครับ พวกเขาและเธอต้องตัดสินใจในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
Michael Jordan ยิงพลาดประมาณ 9,000 ครั้งในชีวิตนักกีฬาอาชีพของเขา และบางครั้งเขายิงพลาดในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกมส์ที่ส่งผลแพ้ชนะให้กับทีม
แต่เขาและพวกเราทุกคนก็ต้องไปต่อ ถ้าเราเลือกที่จะไปต่อ
6) แสดงความรับผิดชอบ
”Take responsibility with your life”
คุณเคยได้ยินสมการนี้มั้ยครับ
O = S + A
O: Outcome
S: Situation
A: Action
คือผมมองว่าไม่ว่าคุณจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือสอบตกหรือนำ้หนักเกินหรือมีหนี้สิน ฯลฯ ซึ่งในสมการด้านบนคือ Outcome คุณมีหน้าที่ หรือ responsibility ที่จะจัดการ หรือ Action ในสมการด้านบน เพื่อที่จะบริหารจัดการ (crisis management) กับสถานการณ์ในชีวิตของคุณ ซึ่งก็คือ Situation ในสมการด้านบนนั่นเอง
พูดง่ายๆคือ คุณอาจเลือกที่จะเจอกับ Situation ไม่ได้ แต่คุณเลือกที่จะจัดการโดย Action ของคุณ เพื่อให้ได้ Outcome ที่จะนำพาชีวิตคุณและคนที่มีค่าต่อคุณไปในเส้นทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่เลวลง
และ “คำวิจารณ์” ของผู้อื่นก็รวมอยู่ใน “Situation” ด้วย
คุณจึงควร focus ไปที่ “Action” ของคุณมากกว่า Situation ดังคำกล่าวที่ผมชื่นชอบที่ว่า
“The environment has never defined you. It simply gives you the opportunity to define yourself.”
7) “ปลาเป็น”
ผมมองว่า “ปลาที่ว่ายทวนกระแสนำ้” คือปลาเป็นที่แข็งแกร่ง เปรียบได้กับคนที่เดินไปข้างหน้า “ย้อนศร” คำวิจารณ์ที่ชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์ใดๆ
ส่วนปลาเป็นที่ว่าย “ตามนำ้” ซึ่งในที่นี้หมายถึง “นำ้ลายของคนวิจารณ์ที่ไร้คุณค่า” จะต่างอะไรกับปลาที่ตายแล้ว!
โฆษณา