8 ส.ค. 2022 เวลา 09:37
มารีวิวความเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฉันได้เข้าทำงานที่คณะชื่อดังของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของไทย ตอนนั้นไฟในการทำงานพุ่งมาก บ้านแทบไม่กลับ เป็นวัยเพิ่งเรียนจบกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่ ได้ทำงานดี เงินเดือนดี สวัสดิการดี ได้กินอะไรดีๆ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป เจอสังคมแบบคนเป็นผู้ใหญ่จริงๆ (ระดับท่านอธิการ ท่านคณบดี ท่านประธานศาล อะไรแบบนี้ ) มันสอนให้เรารู้จักการวางตัวในสังคมจริงๆ โชคดีที่สุดคือ ได้เพื่อนร่วมงานกับหัวหน้างานที่ดี จนทุกวันนี้พูดได้เต็มปาก เพื่อนร่วมงานที่นั้นดีที่สุดแล้ว
แต่ฉันก็ยังเป็นฉัน สวมบทบาทเจ้าหน้าที่เดินตามนาย ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายแค่เวลางาน เลิกงานก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้ชีวิตปะปนไปกับเด็กนักศึกษา ตื่นเช้า ไปทำงาน เลิกงาน กินข้าว เดินเล่น กลับหอ ถ้าเป็นวันศุกร์ เลิกงานก็กลับบ้านต่างจังหวัด เย็นวันอาทิตย์ก็กลับมาทำงาน ฉันมารู้สึกเบื่อกับชีวิตที่มันวนลูปอยู่แบบนี้เมื่อทำงานได้ประมาณ 3-4 ปี
ฉันรู้สึกว่าอยากกลับมาอยู่บ้าน หางานทำแถวบ้าน เพราะเริ่มเหนื่อยกับการเดินทางบวกกับชีวิตที่วนลูปตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ (ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากบ้านต่างจังหวัดมาที่ทำงาน ในกรณีรถไม่ติด) อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อยากกลับมาอยู่บ้าน คือ หลานชายคนแรกของบ้าน เป็นลูกของน้องชาย ฉันติดไอ้อ้วนคนนี้มาก
ที่จริงก็ไม่ได้มีแค่เหตุผลเดียวหรอกที่ทำให้อยากกลับมาอยู่บ้าน อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือ ฉันมีแฟนที่อยู่ทางบ้าน และฉันกำลังจะแต่งงาน มันเลยทำให้ฉันเริ่มวางแผนการกลับมาทำงานที่บ้านอย่างจริงจัง ฉันแต่งงานตอนอายุ 28 หลังแต่งงานฉันก็เริ่มคุยกับสามีว่า เราจะกลับมาหางานทำที่บ้านนะ เธอว่ายังไง สามีเราไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไม่ขัดใจ
ฉันย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเมื่อปี 62 เข้าทำงานที่บริษัทของญาติพี่น้องด้วยกันในตำแหน่งเสมียน ตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่บ้าน ฉันตื่นเช้าขึ้นกว่าเดิมมากๆ ฉันนอนเร็วขึ้น (ถ้าไม่เจอเพื่อนฝูง) วันหยุดของฉันน้อยลงมากๆ ฉันได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเลยสักนิดแต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรง สภาพทางการเงินของฉันมีการเปลี่ยนแปลง จากเงินเดือน 2x,xxx ลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง มันทำให้ฉันรู้สึกท้าทายมากกับการต้องจัดการแผนการใช้เงิน เพราะฉันก็มีหนี้สินที่สิ้นเปลืองจากการใช้จ่ายสมัยอยู่ที่ทำงานเก่าที่ยังต้องชำระ
เมื่อฉันอายุ 29 ฉันท้องลูกสาว ระหว่างนั้นก็ยังทำงานจนวันสุดท้าย โชคดีที่ทำงานไม่ไกล ขับรถแค่ 10-15 นาที ถึงจุดนี้ทำให้ฉันนึกย้อนกลับถึงวันที่ฉันตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานเก่า กลับมาบ้าน ลองคิดซิถ้าตอนท้องแล้วต้องอยู่ห่างไกลครอบครัว คงเป็นอะไรที่เศร้าสำหรับคุณแม่มากๆ จนวันนี้ลูกสาวโตขึ้น รายได้น้อยลงแต่รายจ่ายเท่าเดิม รายจ่ายไปลงที่ลูกสาวเยอะ แต่ไม่รู้สึกเสียดายเลย
ปัจจุบันนี้ฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตฉันในช่วงวัยเลข 3 อย่างชัดเจน ยอมรับว่ามันเหนื่อยมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ ไม่ค่อยราบรื่น แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันที่แย่ อย่างน้อยตื่นเช้ามาฉันก็รู้ว่าที่ฉันเหนื่อยนี่เพื่อใคร ต้องขอบคุณพลังบวกของแม่ที่ขัดเกลาให้ฉันเป็นคนไม่คิดมาก ไม่ยึดติด และปล่อยวาง ถ้าเราผ่านเรื่องยากๆวันนี้ไปได้ วันข้างหน้าเราไม่มีอะไรที่ต้องกลัว ❤️
#เขียนไปเรื่อยอ่านไปเรื่อยเล่าสู่กันฟัง
#storyofneungjane
โฆษณา