10 ส.ค. 2022 เวลา 13:48 • หนังสือ
📚วรรณกรรมแปล
ในครึ่งที่ยังว่าง
ของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า
スーツケースの半分は
ในครึ่งที่ยังว่าง ของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า by ฟูมิเอะ คนโดะ
“ กระเป๋าใบนั้นทำด้วยหนังดีไซน์คลาสสิก แต่ที่สะดุดตาคือสีฟ้าสดใส เป็นสีฟ้าเจิดจ้าเหมือนกับสีสันของท้องฟ้าในวันนี้พอดี “ (หน้า 26)
🍀🍀🍀
“ เธอไม่รู้ว่าการเดินทางที่กำลังจะเกิดขึ้นจะสนุกจนอยากไปอีกหรือทำให้เธอเข็ดขยาด แต่อย่างน้อยความปรารถนาอย่างหนึ่งของเธอก็เป็นจริงแล้ว
เธอจะเป็นคนที่สามารถไปในที่ที่อยากไปได้ด้วยตัวเอง “(หน้า 43)
“ การพบเจอหลากรูปแบบในประเทศต่าง ๆ ที่ไปเยือน รอยยิ้มกับความทรงจำที่หลากหลาย ชื่อสถานที่กับความทรงจำเหล่านั้นทับซ้อนกันกลายเป็นสิ่งมีค่าที่ไม่มีอะไรสามารถทดแทนได้ “ (หน้า 173)
1
“ การเดินทางบางครั้งก็ต้องอดทนกับแรงสะเทือนของรถนอน ผจญกับการถูกหลอกและถูกแมลงกัดต่อย เป็นการเดินทางที่หัวใจถูกกวัดแกว่งอย่างรุนแรง คล้ายถูกบังคับพาตัวไปที่ไกลแสนไกล “ (หน้า 311)
สวัสดีค่ะทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ ก็ห่างหายกันไปนานนิดนึงเลยทีเดียวเชียว😅
มาวันนี้จึงมาแก้ตัวด้วยการรีวิวหนังสือ(บวกสปอยล์นิส ๆ อีกตามเคย) แต่ไม่มากค่ะ รับรองได้ว่าอ่านสนุกแน่นอน
เป็นเวลาร่วมจะสามปีแล้วนะคะทุกท่าน ที่หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ปกติก็ต้องทำให้กลายเป็นปกติหรือ (New-Normal) ที่เรา ๆ คุ้นเคยดีแล้ว😅 พวกเราก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามตามสถานการณ์แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็เบาบางลงบ้าง ทว่าก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ตลอดเลย ที่สำคัญเรายังถูกสตัฟฟ์การเดินทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวนอกประเทศเนอะคะทุกท่าน
แต่ว่าขณะนี้ บางประเทศก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าได้ตามแต่ละเงื่อนไขนั้น ๆ ถ้าหากว่าคนไหนที่ไปท่องเที่ยวไม่ได้ ก็ขอให้ตามมากันนะคะ เดี๋ยวแอดมินจะพาท่องเที่ยว(ทิพย์😅) ไปกับหนังสือเล่มนี้
“ ในครึ่งที่ยังว่าง ของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า “ 🧳🛄
เป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนสาวสุดซี้ 4 คน ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ของมุมโลก ซึ่งมามิ 1 ในสมาชิกเพื่อน ได้สะดุดตาเข้ากับกระเป๋าเดินทางหนังสีฟ้าสดใส ณ ตลาดขายของมือสองหรือตลาดฟลีมาร์เก็ต (Fleamarket) เธอซื้อมันมาเพราะมีแรงดึงดูดบางอย่าง
ภาพประกอบจาก freepik
จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอออกเดินทาง ทั้ง ๆ ที่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ เพราะไม่เคยไปไหนไกลคนเดียว ไม่เคยออกนอกประเทศเลยด้วยซ้ำ ตัดสินใจไปดูละครบรอดเวย์ตามฝันไกลถึงนิวยอร์ค ที่ทีแรกตั้งใจว่าจะไปกับสามี ทว่าความคิดเห็นของทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน ก็เลยไม่ได้ไปสักกะที แต่พอมีกระเป๋าเดินทางใบนี้ เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไปให้ได้
แม้จะตื่นตระหนกตลอดเวลาเหมือนสัตว์กินพืช แต่บางครั้งกระต่ายขี้กลัวก็ออกเดินทางเหมือนกัน
ด้วยเหตุจำเป็นอันใดหนอ กระเป๋าเดินทางที่มามิซื้อมานั้น จึงกลายเป็นใบที่เพื่อน ๆ ใช้เดินทางท่องเที่ยวด้วย (อันนี้คุณผู้อ่านต้องติดตามอ่านให้ได้นะคะ☺️) ไม่ว่าจะพามันไปยังดินแดนแสนไกลเช่นนิวยอร์ก ทั้งฮ่องกง อาบูดาบี จนไปจนถึงปารีส เพื่อนบางคนก็บอกว่ามันอาจจะได้เดินทางรอบโลกไปหนึ่งรอบเลยทีเดียว
และระหว่างการเดินทางก็มักจะมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นเสมอที่นำกระเป๋าใบนี้เดินทางไปด้วย ทุกคนต่างก็ขนานนามให้มันว่าเป็น “กระเป๋าเดินทางนำโชค” 🍀
กลับมายังเพื่อนคนที่สอง ฮานาเอะ คานาโกะ พนักงานบริษัท ผู้หลงใหลในการเที่ยวฮ่องกง ถึงขนาดเรียนภาษากวางตุ้งเพื่อสื่อสารกับคนพื้นที่ให้รู้เรื่อง
ที่นี่มีสีสันกว่าญี่ปุ่นมาก เวลาเห็นแสงนีออนสว่างจ้าแสบตา ฮานาเอะจะคิดเสมอว่าได้กลับมา
ฮ่องกงแล้ว
ฮานาเอะชอบเมืองนี้ซึ่งมีทั้งสิ่งหรูหราน่าตื่นตา
ตื่นใจและความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบอยู่ด้วยกัน
ถึงแม้ว่าฮานาเอะชอบมาเที่ยวที่ฮ่องกงบ่อย ๆ แต่ไม่ค่อยชอบที่จะเล่าการเดินทางให้ผองเพื่อนสาวฟัง อาจเป็นเพราะการเดินทางของเธอก็เป็นไปในแบบทั่วไป ไม่หวือหวา และใช้เวลาเพียงน้อยนิดไม่กี่คืนในโรงแรมดี ๆ กินอาหารอร่อย ๆ แต่การได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีเช่นนี้ และได้บังเอิญเจอคนรู้จักที่จะกลายมาเป็นคนพิเศษในการเที่ยวครั้งนี้ ไม่แน่…เธออาจจะกล้าเล่าเรื่องการมาเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้ให้เพื่อน ๆ ฟังก็ได้
ภาพประกอบจาก thrillophilia.com
Next Chapter〰️
🇦🇪 ส่วนเพื่อนคนที่สามที่นำกระเป๋าเดินทางใบนี้ไปท่องเที่ยวด้วย เธอคือ ยูริกะ พนักงานเอาท์ซอร์ซ ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ
เธอชอบเดินทาง ทุกครั้งที่มีวันหยุดยูริกะจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเสมอ และถึงไม่มีวันหยุด เธอก็จะหาเรื่องหยุดเพื่อไปต่างประเทศจนได้
มาคราวนี้ เธอเดินทางไปท่องเที่ยวที่อาบูดาบีกับแฟนหนุ่ม ทว่าก็อดผิดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้ในเมื่อเธอเป็นคนชอบเที่ยวแบบ Backpacker แต่ตอนนี้ได้เที่ยวอย่างสะดวกสบายเพราะแฟนหนุ่มมีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวที่ต่างกับตัวเอง กระนั้นแล้วการไปเที่ยวของเธอก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่ว่าจะเป็นการพาไปลิ้มรสอาหารสไตล์ตะวันตก เช่น ฮัมมุส ฟาลาเฟล
ฟาลาเฟล (Falafel) ของทอดสไตล์ตะวันออกกลาง มักทำจากถั่วหัวช้าง ถั่วปากอ้า ภาพประกอบจาก unslpash
หรือด้านท่องเที่ยวก็ไปยังเมืองอัลไลน์ซึ่งมีทั้งตลาดอูฐและมัสยิดที่งดงามได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แถมได้รับฉายาว่าเป็นการ์เด้นซิตี้และตัวเมืองก็เต็มไปด้วยต้นอินทผาลัม
การเดินทางในครั้งนี้ที่ดูเหมือนจะตื่นตาตื่นใจ กลับหมองลงทันตาเมื่อเธอได้มาติดแหง็กอยู่กลางทะเลทรายท่ามกลางฝูงชนต่างคนต่างภาษา ที่แม้จะไม่ใช่อุบัติเหตุ สุดท้ายแล้วเธอจะเอาตัวรอดได้ไหมนั่น…ให้กระเป๋าสีฟ้าทำนายค่ะ😆
And the next Chapter 〰️
คนต่อมาที่จะไปผจญภัยไปกับกระเป๋าสีฟ้า นั่นคือ ยูโกะ ซาวะ นักเขียนสาวผู้หลงใหลใฝ่ฝันในเมืองปารีส เคยมาครั้งนึงตอนเป็นนักศึกษา ทว่าตอนนี้มาเพื่อเก็บข้อมูลงานเขียนลงนิตยสาร
มันคือความรัก เมื่อตกหลุมรักเสียแล้ว ต่อให้เวลาผ่านไปถึงสิบปีก็ยังถอนตัวไม่ขึ้น
ไม่ได้มาครั้งนี้เพื่อท่องเที่ยวเหมือนเพื่อน ๆ คนอื่น แต่เมื่อได้ก้าวเท้าลงเหยียบดินแดนนี้ ได้ฟังภาษาฝรั่งเศสอันเย้ายวนตั้งแต่ถึงสนามบิน เธอก็ดื่มด่ำกับความยินดีที่ได้มาเยือนเมืองปารีส เธอติดต่อเพื่อนเพื่อจะมาขออาศัยด้วยเพียงแค่ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ทว่ามีเรื่องที่ทำให้เธอเข้าใจผิดนึกว่าเพื่อนปฏิเสธ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดี การมาปารีสครั้งหน้าอาจจะไม่ใช่เรื่องงานก็ได้ 🤭
สนามบิน Charles de Gaulle ณ เมืองปารีส ภาพประกอบจาก Wikimedia Commons
ต่อให้มันจะเก่าโทรมเพียงใด กระเป๋าเดินทางก็คงมีโอกาสได้เห็นวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ มากมายกว่ากระเป๋าสำหรับไปงานปาร์ตี้แน่ ๆ
Spoiler alert‼️ (จนถึงเส้นคั่นล่าสุดค่ะ)
เพิ่มเติม ขอเล่าต่อนะคะทุกท่าน จากที่ปกหลังขอหนังสือที่ได้โปรยเอาไว้ว่า กระเป๋าเดินทางได้ไปเที่ยวทั้งนิวยอร์ก ฮ่องกง อาบูดาบี และปารีส แต่ แต่ เหตุก็ดันมาเกิดที่ปารีสค่ะทุกท่าน ไม่รู้ว่ากระเป๋าเดินทางสีฟ้าที่ยูโกะนำมาด้วยหาย! ไปไหนไม่รู้ มามิผู้เป็นเจ้าของกระเป๋าเลยติดต่อลูกพี่ลูกน้องของตนที่อยู่ปารีสให้ช่วยตามหาให้
เธอคือ ชิโอริ ลูกพี่ลูกน้องมามิ มาที่นี่เพื่อเรียนภาษาฝรั่งเศส เธออยู่ปารีสเกือบครบปีแล้ว และเธอไม่มีความคิดจะกลับญี่ปุ่นเลย เพราะญี่ปุ่นไม่เหมาะกับเธอ หนังสือได้ตีแผ่สังคมญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว (ในที่นี้ขอยกมาเพียงบางส่วนของหนังสือ) เผยความในใจชิโอริได้อย่างตรงไปตรงมา
ต้องทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องปกติทั้งที่ก็ไม่ได้มี งานสำคัญอะไร เมื่อไหร่ที่รีบจัดการงานตัวเองให้เสร็จ
แล้วกลับบ้านตรงเวลาก็จะถูกเจ้านายพูดเสียดสี
ถึงจะรักษาความสะอาดอย่างดี แต่หากไม่แต่งหน้าก็จะถูกตำหนิว่า "ขาดสำนึกความเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน" และถูกสั่งให้สวมถุงน่องแม้ในกลางฤดูร้อน
ชิโอริทำหน้าที่ไปติดตาม เป็นธุระเดินเรื่องกระเป๋าหายกับโรงแรมที่ยูโกะไปพัก ก็ได้ความกับเจ้าของโรงแรมว่าถ้าเจอเมื่อไหร่ ก็จะติดต่อมา หลังจากนั้นเธอก็เกิดเหตุกับคนญี่ปุ่นด้วยกัน ความไม่ทันระวังทำให้นักท่องเที่ยวคนนั้นบาดเจ็บ เธอจึงอาสาพาเที่ยวเมือง ๆ นี้ไปด้วยเพื่อชดเชยเหตุครั้งนี้
อ่านเพลินเลยล่ะค่ะทุกท่าน ขอแถมอีกนิสนึงนะคะ😅 เธอก็ได้พานักท่องเที่ยวคนนี้ขี่รถมอไซค์ตระเวนทั่วปารีส ทั้งพาไปชมแกลลอรีวิเวียน (Galerie Vivienne) เพื่อชมปาซาฌ (Passage) ซึ่งเป็นถนนชอปปิ้งแบบมีหลังคากระจกงดงามที่ยังคงกลิ่นอายของปารีสใน ศ.18) ที่นี่มีการตกแต่งเพดานและกระเบื้องที่สวยงาม และเก่าแก่ที่สุดอีกด้วย
ภาพที่ 1 ด้านหน้า Galerie Vivienne / ภาพที่ 2 Passage ภาพประกอบจาก france-travel-info.com
พอพาชมเสร็จสรรพ จากนั้นทั้งคู่ไปนั่งเปอติ๊ตทราน (Petit Train de Montmartre) เป็นรถไฟขบวนเล็กน่ารักของเมืองนี้ที่วิ่งรอบมงมาทร์
พอเสร็จจากการพานักท่องเที่ยวคนนี้ชมเมือง เธอจึงมานั่นเหม่อมองแม่น้ำแซนจากบนสะพานปงเนิฟ (Pont Neuf)
เล่าเรื่องเที่ยว ๆ สถานที่ท่องเที่ยวกันยืดยาวเลยนะคะทุกท่าน🤭 ที่เล่าพาร์ตเที่ยวปารีสยาวสุดเพราะประทับใจสุด มันมีรายละเอียดและทำให้เราอยากรู้อยากเห็นว่าสถานที่เป็นอย่างไร ส่วนตัวเคยเสพอะไรเกี่ยวกับปารีสมานิด ๆ หน่อย ๆ และก็ไม่เคยเดินทางไปฝรั่งเศสนะคะ ขนาดแค่นี้ก็รู้สึกได้ว่า “โอ้โฮ มันโรแมนติกจัง” ไม่แปลกที่จะเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน ส่วนบทอื่น ๆ อะไรที่เราไม่รู้ ก็เป็นต้องค้นหาตลอด น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กันเลย
ก็ไม่แปลกใจอีกใช่ไหมละค่ะ ว่าสื่ออย่างหนังสือเนี่ยก็สามารถทำให้เราท่องเที่ยว(ทิพย์)ได้เช่นกัน😉
จะบอกว่าการได้อ่านการเดินทางของสี่สาวกับกระเป๋าเดินทางสีฟ้า มีทั้งความไม่เรียบ ความไม่ง่าย ประสบอุปสรรคต่าง ๆ นานาระหว่างการเดินทาง ถึงแม้จะเป็นกระเป๋านำโชค ทั้งนี้ทั้งนั้นบทสรุปสุดท้ายในการเดินทางของสี่สาวนั้นก็เรียกรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความครึ้มอกครึ้มใจ ให้กับคนอ่านอย่างแอดมิน สี่สาวเนี่ยถึงจะนิสัยต่างกันไปบ้างแต่ก็คือเพื่อนซี้ ที่ส่งต่อความโชคดีในการเดินทางผ่านเจ้ากระเป๋าเดินทางสีฟ้า
และที่สำคัญ ถึงจะไม่มีบทพลิกแพลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือให้เราคอยลุ้นมาก ๆ แต่หูยยย หูยเลยค่ะทุกท่าน อยากจะบอกว่าในขณะที่เราละเลียดอ่านไป มันมีความสนุกที่ได้ผจญไปกับตัวละครผสมกับความรู้สึกอบอุ่นอบอวล เหมือนเพื่อนสักคนมาเล่าการเดินทางของเขาให้เราฟัง มันก็จะน่าตื่นตาตื่นใจประมาณนั้นน่ะค่ะ เราก็ทำการจินตนาการตาม ส่วนใครที่เคยไปที่ต่าง ๆ มาแล้วตามตัวละครเนี่ย อาจจะอินก็เป็นได้ แถมยังเข้าใจวิถีชีวิตของผู้คน ต่างที่ต่างถิ่น ต่างแนวคิดต่างภาษาอีกด้วย
ต่อจากนี้หนังสือก็จะดำเนินไป เรื่องราวค่อย ๆ เผยถึงความเชื่อมโยงของกระเป๋าเดินทางสีฟ้าใบนี้กับผู้คนมากหน้าหลายตา ก่อนที่มันจะมาเป็นของมามิ จำได้ไหมคะทุกท่าน ที่เธอซื้อจากตลาดฟลีมาร์เก็ต กับเจ้าของที่นำมาขาย จบเรื่องเที่ยว ๆ ของสาว ๆ ไปแล้ว คราวนี้เรื่องราวก็จะเผยให้เห็นถึงกำเนิดของเจ้ากระเป๋าเดินทางใบนี้ก่อนจะมาอยู่ที่ตลาด อันเชื่อมโยงกับผู้คน และวิถีชีวิตที่ต่างกัน
1
แต่ก็ขอจบการรีวิวด้วยถ้อยคำบนปกหลังหนังสือที่น่าจะสรุปได้ดีกว่าและขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านค่า🤣
คุณนักเขียนก็ช่างรังสรรค์หนังสือนิยายได้ประจวบเหมาะกับวันเวลาที่เราอาจจะไม่สามารถออกเดินทางได้ (ปีที่พิมพ์ 2020 ติดโควิดพอดี) เพียงแค่ได้หยิบเล่มนี้ขึ้นมา ก็ถือว่าชุบชูจิตใจที่เหี่ยวเฉา กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนตอนได้ออกเดินทางใหม่ ๆ เหมือนตอนไปสนามบินเพื่อจะไปต่างประเทศครั้งแรก✨
เมื่ออ่านจนจบแล้ว เลยพอจะรู้ได้ว่า “ในครึ่งที่ยังว่าง ของกระเป๋าเดินทางสีฟ้า” นั้นคืออะไร😊
นักเขียน : ฟูมิเอะ คนโดะ (Fumie Kondo)
นักแปล : กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
สำนักพิมพ์ : ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน (Sunday Afternoon)
สนนราคาหนังสือ(ปก) : 320
จำนวนหน้า : 315 หน้า
โฆษณา