Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Nathakorn Booncharoen
•
ติดตาม
8 ส.ค. 2022 เวลา 14:06 • ท่องเที่ยว
วันเดินทาง
หลังจากที่ผมดำเนินการเตรียมเอกสารสำหรับสุขภาพของแมวการให้วัคซีนและการนำออกจากประเทศทั้งหมด (ผมจะมาขยายรายละเอียดวิธีการทำแยกอีกทีนะครับ หลังจากที่รอคอยการเดิน ) ในสุดท้ายวันเดินทางก็มาถึง เรื่องจริงล้วนๆไม่ได้เติมแต่งเอาอรรถรสใดๆทั้งสิ้น เช้ามืดวันศุกร์ที่ 29 กรกฏาคม 2022 ผมลุกขึ้นตื่นตอน 03:30 am เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางมาญี่ปุ่น
คืนก่อนเดินทางค่อนข้างกังวลเรื่องข้าวต้ม(แมวของผม)มากๆเพราะได้อ่านเรื่องราวหลายๆเรื่องในอินเตอร์เน็ตว่าสัตว์เลี้ยงที่โหลดใต้ท้องเครื่องอาจจะช็อคหรือเครียดระหว่างเดินทางได้ บางรายน้องถึงกับเสียชีวิตก็มีผมเลยนอนไม่หลับเพราะเก็บเอามาเป็นกังวลครับ เมื่อช่วงเช้าตระเตรียมทุกอย่างพี่ชายของผมมารอขับรถมาส่งที่สนามบินซึ่งได้เริ่มออกเดินทางประมาณ 04:30 am ได้เริ่มออกจากศรีราชาเพื่อไปสู่สนามบินสุวรรณภูมิครับ
เป็นสาวขี้หนาวนอนซุกผ้าห่มช่วงกลางวัน!
น้องกำลังตื่นเต้นกับที่พักใหม่
เดินทางจนมาถึงสุวรรณภูมิ พอมาถึงจู่ๆผมก็รู้สึกปวดท้องมาก ถ่ายออกมาก็ยังไม่หาย ปวดแบบแทบเดินไม่ได้เลยครับแต่เนื่องด้วยต้องไปรับเอกสารของแมว ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องไปตะเกียกตะกายไปให้ได้ โชคดีที่วันที่ไปมีแม่ พี่และแฟนพี่ชายผม มาด้วยไม่งั้นตายแน่ๆครับ ฮ่าๆๆ ทั้งสามคนจึงได้ช่วยยกสัมภาระผมพร้อมกับแมวไปในสนามบิน!
เดินเข้ามาด่านแรกโชคดีเจอคลินิคสมิติเวชแม่ผมจึงแนะนำให้ผมเข้าไปพักคุยกับหมดก่อนก็เลยเข้าไป แต่จริงๆผมอยากไปเอาเอกสารก่อน ผมจึงต่อรองขอไปเอาเอกสารก่อนแปปเดียวได้ไหม พยาบาลบอกว่าหน้าผมซีดมากครับตอนนั้นผมเลยยอมแพ้ครับ ฮ่าๆๆๆ สุดท้ายพี่ชายผมเลยไปรับเอกสารให้ ส่วนหมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อภายในกระเพาะอาหารผม ผมจึงอาการดีขึ้นแล้วไปทานข้าวเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องได้ครับ! (จริงๆแล้วสาเหตุน่าจะมาจากนอนไม่หลับบวกกับเครียดครับ)
เมื่อทำการเช็คอินตรวจสอบสัมภาระจ่ายเงินเพิ่มสำหรับแมวเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาที่ต้องร่ำลากันชั่วคราวกับครอบครัว ผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินออกจากประเทศไทยเลยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็ก Normal lad ชนชั้นกลางทั่วๆไปแบบผมแล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไหร่ อยู่ๆน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาเลยครับ แต่แม่ผมหรือพี่ผมไม่ร้องไห้สักนิด มีผมร้องไห้คนเดียว! ฮ่าๆๆๆๆๆ
1
ถึงเวลาได้ขึ้นบันไดเลื่อนที่ผมว่าคนที่ไปต่างประเทศทุกคนคงจะใช้เป็นปกติ แต่มันไม่ปกติสำหรับผมกับอะไรแบบนี้! ผมถึงกับงงเลยล่ะครับเมื่อขึ้นไปจากทางแยกที่จริงๆแล้วมันไปบรรจบที่เดียวกัน ไปไม่ถูกแต่ยังดีที่เอาตัวรอดมาได้จนเข้าสู่ด้านในหน้าคเครื่องบิน ด้วยความที่ไม่เคยไปต่างประเทศไกลๆเลย ก่อนเครื่องออกบินผมส่งรูปและข้อความหาภรรยา หัวใจผมเต้นแรงมากครับ!
รูปที่ส่งให้ภรรยาก่อนบินครับ!
เมื่อเครื่องแลนด์ดิ้งที่โตเกียวฮาเนดะ ผมมีเวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อจะไปเช็คอินต่อเครื่องเนื่องจากเครื่องถึงสนามบินเลทและต้องทำเอกสารนำเข้าข้าวต้มและให้หมอตรวจแล้วจึงจะได้ไปต่อเครื่องซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการตรวจ แต่ต้องเข้าญี่ปุ่นโดยผ่านระบบการตรวจโควิดของที่ญี่ปุ่นต้องเดินอ้อมไปมาในสนามบินอยู่ประมาณ 45 นาทีได้
ด้วยระยะทางเดินที่ไกล ผมจึงต้องเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ลงท้ายที่สุดก้มมองนาฬิกาตัวเอง เวลางวดเข้ามาเหลือแค่ 40 นาทีต้องเช็คอิน Flight ไปสู่ซัปโปโรแล้วแต่ต้องทำเรื่องให้เสร็จทั้งหมดทั้งคนและแมว ผมจึงเริ่มออกวิ่ง!
เป็นโชคดีในความรอบคอบอันนึงที่ผมทำการบ้านมาว่าถ้าจะเข้าญี่ปุ่นให้เร็วต้องลงทะเบียนไว้ในแอพ MySOS (อันนี้ต้องขอบคุณน้องแอน Post Doc ม.ฮอกไกโดเลยครับที่ช่วยแนะนำมาโดยตลอด) ระหว่างทางที่ดำเนินการจึงได้แค่โชว์ QR Code แล้วผ่านด่านไปได้เลยครับ ในช่วงนี้ผมยังวิ่งต่อไปเพราะต้องวิ่งวนกลับไปจุดแรกเพราะไกลมากๆ ระหว่างทางมีคนญี่ปุ่นที่ทำงานในสนามบินเชียร์อัพให้กำลังใจด้วยครับ! (ผมเคยวิ่งในตอนเช้าในมุคาวะแล้วเด็กหนุ่มนักกีฬาในเมืองทักทายอรุณสวัสดิ์ด้วยเสียงเข้มแข็งด้วยครับ คนที่นี่น่าจะชอบให้กำลังใจกันครับ)
หลังจากที่ถึงจุดสุดท้ายถ่ายรูปสแกนนิ้วอะไรสักอย่างก่อนเข้าไปรับสัมภาระ ผมรีบวนหาแมวของผมแต่ไม่เจอ สุดท้ายเจอแอร์โฮสเทจคนไทยเลยถามเขาว่าพอทราบไหมแมวผมอยู่ไหน เขาจึงได้บอกให้คนที่ดูหน้างานอยู่ดูให้ผมจึงได้หาเจอครับ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับถ้าเขาผ่านมาอ่านบทความนี้ (แอร์คนนี้ใจดีมากชี้ภูเขาไฟฟูจิให้ดูด้วยตอนอยู่บนเครื่อง ครั้งแรกที่เห็นฟูจิซังยิ่งใหญ่น่าตื่นเต้นมากครับ!)
บนเครื่องนั่งดูจอนี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดการเดินทางครับ!
หลังจากพาแมวไปตรวจนำเข้า ตรวจสุขภาพเบื้องต้น เบ็ดเสร็จใช้เวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เวลาของผมที่ใช้เช็คอินก็กำลังจะหมดลงแล้วเหลือแค่ไม่กี่นาทีแต่ยังต้องไปอีกอาคารนึงซึ่งเดินทางไม่ต่ำกว่า 15 นาที ผมเริ่มคิดแล้วว่าสงสัยจะได้นอนในสนามบิน แล้วแมวจะพาไปฉี่กับกินข้าวที่ไหนดี? มีแต่คำถามอยู่ในหัว แต่แล้วในที่สุดแอร์โฮสเตจของสายการบินเห็นผมกังวลและรีบร้อนก็เลยเดินมาบอกว่า "ไม่ทัน Flight นี้ไม่เป็นไร ไป Flight หน้าถัดไปได้" ผมก็เลยโล่งใจทำไมตั้งนานไม่บอกกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
จากที่เสร็จสิ้นขนทุกสัมภาระมาอีกอาคารโดยใช้รถชัตเตอร์บัสในสนามบินเพื่อมาต่อเครื่อง พนักงานทำการตรวจตั๋วรอบที่นั่งต่างๆนาๆจึงได้ให้ผมเข้ามาด้านในรอขึ้นเครื่องครับ ณ จุดนี้ต้องส่งน้องข้าวต้มไปโหลดใต้เครื่องอีกแล้ว
ตั๋วจาก HANEDA สู่ CHITOSE ครับ
เมื่อส่งสัมภาระเรียบร้อยเข้าสู่ด้านในสนามบินรอขึ้นเครื่องคราวนี้รอบตัวมีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้นเลยครับ ผมนึกถึงเรื่องที่ต้องออกจากงานเพื่อที่จะมาที่นี่ บ้านที่ยังผ่อนที่ไทย ได้แต่ท่องในใจเพลง Live forever ของ Oasis ว่าเราจะมาตายแค่ตรงนี้ไม่ได้ครับ!
1
ท้ายที่สุดก็เดินทางมาถึงที่ Hokkaido - Chitose ผมเดินออกมามองหาภรรยาของผมไม่เจอ เจอใครไม่รู้ยืนก้มหน้าใส่มาสก์ผมเลยโบกมือให้ เงยหน้าอ้าวไม่ใช่ ภรรยาผมอยู่อีกมุมนึงต่างหาก! เมื่อสัมภาระและแมวออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจึงรีบออกมาหาภรรยามุ่งหน้าสู่ Ebetsu ครับ
1
ช่วงแรกที่มาถึงต้องนำน้องข้าวต้มไปฝากกับแม่ของภรรยาผมที่ Ebetsu ไว้เนื่องจาก ที่พักเก่าที่ Mukawa ไม่อนุญาติให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงครับ กว่าน้องจะปรับตัวได้แยกเขี้ยวขู่คุณแม่อยู่พักนึงเลยล่ะครับเกือบแย่แล้วแล้ว แต่ในท้ายที่สุด น้องก็ได้มาอยู่ใน Chitose จนได้ครับ ปรับตัวอยู่วันนึงตอนนี้เดินทั่วห้องแถมชวนเล่นแล้วล่ะครับ ผมมีความสุขมากๆครับ!!!
1
จบแล้วรูปน้อยหน่อยนะครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณที่สละเวลาอ่านจนจบครับ
หอที่เมืองซัปโปโรในวันที่ภรรยาพาเที่ยวครับผม!
ชีวิตในต่างแดน
ชีวิตฮอกไกโด
ญี่ปุ่น
บันทึก
2
6
1
2
6
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย