ในวันนี้ ที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในแทบทุกวงการทั่วโลก ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งหรือขัดขวางการเติบโตได้ มีเพียงแค่การยอมรับและปรับตัวให้เท่าทัน ก่อนที่จะถูก Disrupt กลืนหายไปในที่สุด ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี ได้แชร์วิสัยทัศน์ให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตร Mission X : The Boot Camp of Advanced Corporate Transformation รุ่น 4 ดังนี้
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติ
นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนำเสนอผลงานวิจัยว่า มนุษย์นั้นผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 3 ยุค ยุค World 1.0 เกิดการเปลี่ยนแปลงปลายสมัยอยุธยาเป็นช่วงที่ยุโรปออกจากยุคมืด เรียกว่าเป็นการปฎิวัติอุตสาหกรรมมีการค้นพบเครื่องจักรไอน้ำ หลังจากการค้นพบทำให้วิวัฒนาการของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต่อมาไม่นานเป็น ยุค World 2.0 มีการค้นพบพลังงานไฟฟ้า ยุค World 3.0 เป็นยุคที่เปลี่ยนผ่านจาก Analog เป็น Digital ดร.ไพรินทร์เล่าเสริมว่า ในตอนนั้นเป็นปีแรกที่วิศวะจุฬาฯ อนุญาตให้นิสิตใช้เครื่องคิดเลขในห้องสอบได้
สำหรับคน Gen X จะอยู่คาบเกี่ยวระหว่างโลก Analog กับโลก Digital ส่วน Gen Z และ Alpha เป็นพวก Digital Native ซึ่งได้มีการทดลองนำโทรศัพท์แบบหมุนไปให้เด็กรุ่นนี้ใช้ ปรากฎว่าใช้ไม่เป็น เมื่อถามว่า ยุค World 4.0 คืออะไร? ดร.ไพรินทร์ตอบว่าไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์จำนวนมาก
ขณะที่ความก้าวหน้าของ Software ก็เติบโตไม่แพ้กัน Memory มีขนาดใหญ่ขึ้นขณะที่ CPU ก็ขนาดเล็กลง สังเกตได้ว่าในช่วงที่มีการพัฒนา Hardware วิศวกรคอมพิวเตอร์จะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ แต่เมื่อพัฒนามาถึงจุดหนึ่ง Software ก็เริ่มมีบทบาท โปรแกรมเมอร์จึงมีบทบาทสำคัญ แต่พอใช้ Hardware กับ Software มากขึ้น ทำให้เกิด Data จำนวนมหาศาล ตอนนี้ Data กลายเป็นสินทรัพย์ขององค์กร Data Scientist จึงมีบทบาทในการนำประโยชน์จาก Data มาใช้
1
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ยุคดิจิทัล
ในยุคแรกคือ Web 1.0 เป็นยุค Basic Web , Java , Html ยุคที่สองคือ Web 2.0 เป็นยุคที่นำคอมพิวเตอร์มาต่อกันจนเกิดเป็น Social Network และตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ยุคที่สามคือ Web 3.0 เป็นยุคที่โลก Social Network สามารถสร้างสิ่งของเทียมขึ้นมาได้ จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่ได้เกิดมาจากนักวิทยาศาสตร์แต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดเพราะพัฒนาการตามธรรมชาติของเทคโนโลยีนั้นเป็นแบบ Exponential
นอกจากเรื่องเงินบนโลกดิจิทัลแล้ว ดร.ไพรินทร์ ยังกล่าวว่า โลกดิจิทัลกำลังขยับเข้ามาใกล้โลกทางกายภาพมากขึ้นทุกที เช่น Internet of Things ต่อไปสิ่งต่าง ๆ บนโลกกายภาพจะมีความ Intelligent เราสามารถควบคุมหรือพูดคุยกับสิ่งนั้นได้ จะเห็นได้ว่าพอโลกเข้าสู่ยุค Web 3.0 ทุกอย่างจะ Decentralize หมด ไม่มีใครควบคุมจึงเป็นที่มาของคำว่า DeFi หรือ Decentralized Finance ที่มีเทคโนโลยี Blockchain มาทำหน้าที่บันทึกและดำเนินธุรกรรมแทนตัวกลางและจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่าง C2C ทำให้เวลาทำธุรกรรมค่าธรรมเนียมจะต่ำมาก
2
ในโลกดิจิทัล Data คือ สิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด การจะทำให้เกิด Data ได้จะต้องทำให้เกิด Engagement พอเกิด Engagement ก็จะเกิด Data มหาศาลและ Data จะนำไปสู่การเกิด Usefulness ที่นำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด ฉะนั้นคนที่มี Data มากก็คือ ผู้ที่ชนะ ทั้งนี้การจะนำ Data ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ก็ต้องมี AI เป็นผู้ช่วย ก่อนจากกัน ดร.ไพรินทร์ กล่าวว่า “บนโลกไซเบอร์เราอาจไม่รู้เลยว่าคนที่คุยกับเราอาจไม่ใช่มนุษย์ เพราะโลกดิจิทัล ไม่มีเพศ ไม่มีวัย ไม่มีกฎกติกา”
4
ดังนั้นในภาวะที่เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การที่ภาคธุรกิจสามารถยืดหยุ่นรองรับแรงกระแทกจากความท้าทายที่ยากจะคาดเดาได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ การทำ Digital Transformation นับเป็นอาวุธลับที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพ เพิ่มขีดความสามารถให้ภาคธุรกิจได้อย่างมั่นคง แม้จะอยู่ในภาวะที่ยากลำบากก็ตาม
1
ที่มา : หลักสูตร Mission X : The Boot Camp of Advanced Corporate Transformation รุ่น 4 โดย ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ณ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่