12 ส.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
คิดและทำอย่าง Disruptive Entrepreneurship
Sir Richard Branson ที่สุดของผู้ประกอบการที่พร้อมแหกทุกกฏในโลก
จากเด็กอายุ 15 ที่โรงเรียนเห็นว่าเป็นเด็กเรียนแย่ และ มีภาวะการอ่านและเขียนบกพร่อง (Dyslexia) กลายเป็นเศรษฐีระดับโลก “เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน” ผู้ก่อตั้ง Virgin Records Virgin Airlines และ ล่าสุด Virgin Galactic
ปรัชญาหลักในการทำงาน คือ “Screw it, Let’s do it”
“อย่าสนใจกรอบที่สังคมวางไว้ ทำให้แตกต่าง แล้วเราจะค้นพบตัวเอง”
1. สร้างธุรกิจจากการหา Pain point ในชีวิตประจำวัน และ มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
- ริชาร์ดเริ่มทำนิตยสารชื่อ Student เมื่ออายุ 15 ปี เพื่อรณรงค์และเป็นแรงขับเคลื่อนของวัยรุ่นยุคนั้นเพื่อต่อต้านสงครามเวียดนาม ด้วยการโทรศัพท์หาสปอนเซอร์ อย่าง โค้ก เป๊ปซี่ และ แบงก์ต่างๆ ในอังกฤษ ด้วยตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ
-ก่อตั้ง Virgin Records ด้วยการเริ่มขายแผ่นเสียง vinyl ตามออเดอร์ และจากความเบื่อกับการเสนอขายเพลงแล้วไม่มีค่ายเพลงไหนรับ เค้าเลยสร้างบริษัทเองซะเลย นักร้องในสังกัดคนแรก คือ Mike Oldfield เพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยวง Sex Pistols และ Janet Jackson
-ก่อตั้ง Virgin Airlines เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้วไม่มีสายการบินไหนเลยจะบริการได้ตรงเวลาและไม่มีปัญหา เค้าเริ่มต้นโทรหาบริษัทโบอิ้งและซื้อเครื่องโบอิ้ง-747 มาทำการบิน สำนักงานของ Virgin Airlines ก็ใช้ห้องทำงานที่บ้านเค้าเป็นหลัก
‘ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นธุรกิจที่ดีรึเปล่า แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลองทำ’ และด้วยความตั้งใจว่าอยากให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกทุกเที่ยวบินของเค้าจึงมีแต่รอยยิ้มและการบริการที่ดี รวมถึงเป็นสายการบินแรกที่ติดหน้าจอสำหรับดูหนัง ( Inflight Entertainment) และมี บาร์เครื่องดื่มบนเครื่องอีกด้วย
สำคัญที่สุด คือ ลงมือทดลองใช้ด้วยตัวเองเพื่อให้สินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ Virgin ไม่มีที่ติ ก่อนให้ลูกค้าได้ใช้บริการ
2. พลังของคำว่า “พวกเรา”
-การทำงานของทีมสำคัญที่สุด จงตัดคำว่า “ตัวเรา” ออกไปและ ใช้ “พวกเรา” แทนเสมอ
1
-การจะหาคนร่วมงานที่ดี ริชาร์ด บอกว่าที่สำคัญที่สุดคือ ดูว่าคนคนนั้นแสดงออกต่อคนอื่น
อย่างไร ส่วนใหญ่เค้ามักจะให้คนสมัครงานส่งวิดีโอแนะนำตัวมาก่อนที่จะตัดสินใจเรียกมาสัมภาษณ์งานต่อไป
-ให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็นของพนักงาน เพราะคนส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนงานไม่ได้ออกไปเพราะเรื่องเงินเดือน แต่เป็นเพราะพวกเค้าไม่ได้มีตัวตน และ ความคิดเห็นของพวกเค้าไม่ได้รับการตอบสนองจริงๆ ต่างหาก
3.พลังของการเขียน
ริชาร์ดเขียนและจดทุกอย่างที่เค้าคิดและได้จากการประชุม เพราะเค้าเชื่อว่า
การประชุมแล้วไม่จดอะไรเลยดูเป็นการไร้มารยาท
ถ้าเป็นความคิดของตัวเองเค้าจะเริ่มจากอะไรก็ได้ที่ผุดขึ้นมาในหัว ไม่ว่าจะเรื่องเครียด เรื่องน่าเบื่อ ขอให้เขียนลงไป
1
-จดสิ่งที่อยากทำสักห้าอย่างเพื่อทำในวันรุ่งขึ้น
-จดค่าใช้จ่ายไว้เพราะเราจะได้รู้ว่าอันไหนควรตัดอันไหนควรเพิ่ม
-บางวันลองนั่งคิดฟุ้งๆ ดูว่าถ้าเราเป็นเอเลี่ยนลงมาบนโลก จะตั้งคำถามอะไรขึ้นมาบ้างกับมนุษย์โลก จากนั้นก็นั่งดูว่าข้อไหนบ้างที่เราเอามาต่อยอดทำโปรเจกต์ได้
-ให้เวลากับตัวเองเงียบๆ และคิดแผนงานนั้นออกมา
4. ทำชีวิตตัวเองและสิ่งรอบตัวให้สมดุล
เมื่อเราสร้างตัวเองให้แข็งแกร่งและสมดุลได้ เราก็จะเริ่มสร้างสิ่งตอบแทนที่ทำให้คนรอบข้างของเราได้ เริ่มตั้งแต่ชุมชน องค์กร และ ขยายไปถึงประเทศและโลกของเราได้ เริ่มด้วยการสร้างคอนเน็กชัน หรือพาร์ทเนอร์กับบริษัทอื่น ช่วยเหลือชุมชนด้วยการสอนอาชีพและเป็นอาสาสมัคร
5. อย่าลืมความสนุก
การเริ่มธุรกิจแน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความเครียด แต่ทุกแคมเปญการโปรโมตของเค้ามักจะจบลงด้วยการโดนปรับทุกที แต่เค้าก็ไม่สนใจถือว่าเป็นการสร้างความสนุกและแบรนด์ของเค้าก็โด่งดังไปทั่วโลกด้วยภาพลักษณ์แห่งความสนุกและแหกกฎนั่นเอง
สิ่งที่ Richard กล่าวไว้เสมอคือ เราต้องฝันให้ใหญ่เข้าไว้ ให้มันใหญ่จนเราได้ยินแล้วขาสั่น รู้สึกกลัว เพราะนั่นคือความฝันที่จะส่งผลต่อจิตใจและการกระทำของเราในที่สุด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา