11 ส.ค. 2022 เวลา 07:25 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
#ติ่งอะไรในเคป็อป
รีวิวเคป็อปอัลบั้ม (2022)
13. Bronze ‒ Skyline
Released : 2022/07/08
Genres : city pop
Produced by Bronze (브론즈)
.
(Bronze (브론즈), Jason Lee, Mogwaa, Hookuo, 長谷川陽平 (Hasegawa Yohei))
“ลัดฟ้าหาความรัก”
• Bronze Kim หรือคิมฮวีดงคือหนึ่งในโปรดิวเซอร์สาย retro-hiphop ที่เคยฝากฝีมืองานโปรดิวซ์มาอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นอย่าง Swings, SISTAR, WJSN, Jay Park, Sik-K จนได้ก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินสายโปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัว ซึ่งในความจริงก่อนนั้นเขาก็เคยเป็นนักร้องสายฮิปฮอปมาก่อนโดยใช้ชื่อนามแฝงว่า Kimy Fiesta ในปี 2009 ก่อนจะตัดสินใจหันไปอยู่เบื้องหลังแทนในภายหลังจากการเป็นนักร้องเพียงแค่สามปีเท่านั้น
키미 피에스타 (Kimy Fiesta), Beatball Records
• จุดเริ่มต้นของการเข้ามาอยู่ภายใต้สังกัดปัจจุบันไม่มีอะไรที่ซันซ้อนมากมายแต่เกิดจากความบังเอิญโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อพี่บรอนซ์คิมแกได้ไปเโปรดิวเซอร์ให้กับ Kirin(คิริน) ในอัลบั้มที่สองซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังจะหมดสัญญากับค่ายเก่าอย่าง Beatball Records ด้วยความที่ทั้งคู่มีสไตล์ที่เป็นเรโทรเข้าด้วยกันเหมือนต่างคนต่างเป็นคู่ขาที่รู้ใจ
หลังจากสัญญาสิ้นสุดลงคิรินเลยดึงพี่แกเข้ากรุ๊ปแชทที่มีนามว่า ‘8balltown’ โดยที่ไม่ได้ปรึกษาหารืออะไรกันแบบงงๆ หรือภาษาสำนวนบ้านเราก็คือพี่แกโดนมัดมือชกนั่นแหละ จวบจนปัจจุบันนี้เลยได้กลายมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของค่ายที่คอยเป็นเบื้องหลังให้กับศิลปินภายใต้บริษัทที่มีชื่อว่า 8balltown อย่างเป็นทางการรวมระยะเวลาทั้งหมดก็เข้าสู่ปีที่ 7 พอดี
Bronze (브론즈), 8balltown
• ด้วยความที่ตัวเองเป็นเบื้องหลังมาโดยตลอดเวลา คิรินที่เป็นประธานค่ายเองคงเล็งเห็นฝีมือที่มองตาก็รู้ใจกันอยู่แล้วเลยเข็นให้พี่แกปล่อยอัลบั้มของตัวเองอย่างเต็มตัวไปเลย พี่บรอนซ์คิมเลยได้ re-debut ในนามของตัวเองว่า Bronze ในปี 2019 ด้วยอัลบั้มเต็มชุดแรก East Shore พลิกสไตล์ความเป็นหนุ่มเรโทรฮิปฮอปสุดเท่เป็นผลงาน city pop สุดแสนโรแมนติกที่พี่แกก็ได้แรงบันดาลใจจากแนวเพลงญี่ปุ่นยุค 80s ในช่วงที่แนวซิตี้ป็อปรุ่งเรืองนั่นแหละเป็นบริบทการเดินเรื่องในอัลบั้มของตัวเอง
จนลากยาวมาถึงอัลบั้มที่สองอย่าง Aquarium และล่าสุดในปีนี้กับอัลบั้มเต็มชุดที่สาม Skyline ซึ่งทั้งสามอัลบั้มต่างเป็นภาคต่อซึ่งกันและกันที่ยังคงเล่าถึงความโรแมนติกสุดแสนหวานชื่นเหมือนดั่งซาวนด์ในยุค 80s อันรุ่งโรจน์ ในคราวนี้ก็จะพาคนฟังออกจากอควาเรียมพร้อมเก็บกระเป๋าบินลัดฟ้าหาความรักในแบบฉบับพี่แกพร้อมทั้งศิลปินมากหน้าหลายตามากมายทั้งคนในค่ายและนักร้องที่เคยร่วมงานกันมาแล้ว
อีกทั้งหน้าปกอัลบั้มยังร่วมงานอีกหนึ่งครั้งกับ Hiroshi Nagai ไอค่อนแห่งกราฟฟิคชาวญี่ปุ่นยุค 70s ที่พร้อมจะพาคนฟังไปสัมผัสกับเรื่องราวความรักบนท้องฟ้าด้วยซาวนด์ย้อนยุคจากชาวเมือง
• เริ่มต้นออกเดินทางด้วย Touch ที่ในเสียงอินโทรของเพลงจะได้ยินเสียงผิวน้ำแค่สามวินาทีเป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าอัลบั้มนี้จะพาเราไปสู่เรื่องราวบนพื้นดินจนไปถึงท้องฟ้ากันแล้ว ได้นักร้องสาว Jue(จูแอ) มามอบเสียงที่ชวนให้สัมผัสถึงความรักที่เป็นดั่งความฝันอันแสนหวาน, Illusion ที่ได้นักร้องหนุ่มแห่งตำนานยุค 2000s Kim Sarang(คิมซารัง) และโปรดิวเซอร์สายแซกโซโฟนคนดีคนเดิม Jason Lee มาสร้างภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยงามไม่อาจถอนตัวออกไปได้
Milk ลดโทนความจัดจ้านมาเป็นสไตล์เบาๆที่ยังได้เสียงหวานๆของนักร้องสาว amin(เอมิน) ที่เคยร่วมงานกันในอัลบั้มแรกจากเพลง Birds Eye View มาถ่ายทอดความโรแมนติกอันแสนนุ่มนวนที่เหมือนกับน้ำนมความหมายจะว่ามันเรทหน่อยๆก็คงได้แต่ก็อยู่ในช่วง 15+ เท่านั้นไม่ได้ลึกซึ้งจนไปถึงเรท R แต่อย่างใดแต่กลับทำให้รู้สึกวาบหวิวไม่น้อย
• Ondo ซิงเกิ้ลโปรโมทเพลงหลักของอัลบั้มมาด้วยโทนจังหวะฟังก์ผสมที่ได้เจ้าหญิงแห่งวงการอาร์แอนด์บี LEE HI(อีฮาอิ) มาแจมด้วยสีสันด้วยอุณหภูมิความรักเร่าร้อนไม่มีทีท่าจะเย็นลงแม้แต่องศาเดียว, คั่นกลางอัลบั้มด้วย Odyssey instumental แทร็คที่นอกจากจะมี Jason Lee แล้วยังเสริมทัพพี่น้องในค่ายกันเองทั้งอดีตและปัจจุบันด้วย Mogwaa(มูกวา) และ Hookuo(ฮูคูโอ) บรรเลงซาวนด์เพื่อตอบสนองพร้อมที่ก้าวเดินทางอันแสนยาวนานนี้กันต่อไปแถมชื่อเพลงยังสอดคล้องกับอีพีอัลบั้ม Mind Odyssey ของฮูคูโออีกด้วย
• Without The Star มีความวับๆสไตล์อิเล็กทรอนิกส์สอดแทรกเหมือนชื่อเพลงที่มีคำว่าดวงดางตอนเวลามันส่องแสงระยิบระยับ Hoody(ฮูดี้) มาถ่ายทอดเรื่องราวของความเหงาที่อยากให้ใครสักคนพาออกไปจากที่มืดมนให้ได้ ซาวนด์ให้กลิ่นอายฮูคูโอเหมือนกัน
• แน่นอนว่าถ้าให้พูดถึงซิตี้ป็อปคงจะขาดบุคคลแห่งวงการนี้ในฝั่งเคป็อปไปไม่ได้อยู่แล้ว Time Slip ที่ได้เจ้าหญิงแห่งซิตี้ป็อป(สถาปนาขึ้นมาเองไม่ต้องสืบ)อย่างเจ้าสาวป้ายแดง YUKIKA(ยูกิกะ) ร่วมงานกับพี่สีน้ำตาลในครั้งที่สองถัดจาก Orange Road ในอัลบั้มที่แล้ว คราวนี้ไม่ได้มาในแง่ของอารมณ์ความรักหวานฉ่ำเหมือนผลส้มที่มีรสชาติจี๊ดจ๊าดและสดชื่นเปลี่ยนเป็นทางอกหักอันแสนเจ็บช้ำที่ถ้าเปรียบเทียบกับ SHADE คือการเฟดตัวเองออกจากความสัมพันธ์ที่เอาแต่โทษตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว
แทร็คนี้คือการย้อนเวลาเพื่อให้ความรักของเราทั้งสองคนได้กลับมาหวานชื่นรื่นรมณ์เหมือนเก่าแต่ทุกอย่างมันกลับสายไปเสียแล้ว นึกแล้วก็พอมีเค้าโครงในซีรี่ส์ของยูกิกะที่พึ่งปิดจบไปโดยการเล่นกับเวลาเหมือนกันแฮะ
เป็นแทร็คที่ใส่กิมมิคหลายๆอย่างที่พี่แกตั้งใจทำมาเพื่อให้ยูกิกะได้ร้องเพลงนี้โดยเฉพาะจริงๆ ขนาดคอรัสในช่วงท้ายเพลงยังใช้แบบเดียวกับถนนสีส้มเลย ได้แค่รอว่าสักวันหนึ่งพี่แกจะได้ไปโปรดิวซ์ให้สาวคนนี้จริงๆสักทีแม้ว่าโทนซาวนด์เมืองของเจ้าสาวคนใหม่จะไปในทางร่วมสมัยซะมากกว่าแต่ก็คาดหวังว่าวันนั้นจะต้องมาถึงเหมือนกัน
• Laundry พยายามจะซักล้างความรู้สึกเหล่านั้นออกไปแต่กลับไม่สามารถเอาคราบความเสียใจออกไปจากหัวใจได้ เสียร้องของนาย SFC.JGR(แจจุง) ในโทนเย็นชาก็เป็นการบอกถึงความรู้สึกที่เข้ากับบรรยากาศของซาวนด์ได้เป็นอย่างดีราวกับเขาได้ไร้ความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว
• Smooth Flight ปิดแทร็คด้วยจังหวะ bossa-nova หวานๆด้วยเที่ยวบินไฟล์ทที่ลื่นไหลไปเรื่อยๆเป็นธรรมเนียมของพี่สีน้ำตาลที่ต้องเชื้อเชิญศิลปินเจ้าถิ่นกำเนิดแนวเพลงคนเมืองด้วยเสียงร้องของสาวยุค 90s Atsuko Hiyajo จากเมืองโอกินิว่า พร้อมกับแปลเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยการแต่งเนื้อร้องจากนาย Hasegawa Yohei หรือ นาย 양평(ยางพยอง) ที่จะพาคนฟังไปนั่งรับประทานอาหารดินเนอร์สุดพิเศษก่อนเตรียมตัวเข้าเกทขึ้นเครื่องบินเริ่มต้นออกเดินทาง
East Shore (2019) / Aquarium (2020) / Skyline (2022)
• ไม่รู้ว่าใครเคยฟังผลงานสองอัลบั้มก่อนหน้าที่ผ่านมาของพี่แกกันบ้างมั้ย? จากที่ได้เล่าเรื่องมาจนถึงไตรภาคต่อสุดท้ายในครั้งนี้พี่สีน้ำตาลบรอนซ์แกลดสเกลภาคดนตรีของตัวเองลงจนมันชัดเจนเกินไปว่านี่อาจจะกลายเป็นอัลบั้มซีรี่ส์ซิตี้ป็อปชุดสุดท้ายของแกแล้ว ซึ่งแม้ว่าพี่แกอยากจะสานต่อออกไปอีกหนึ่งอัลบั้มแต่เพราะข้อจำกัดหลายอย่างที่มันเกินลิมิตบวกพี่แกได้เผยแพร่แนวเพลงซิตี้ป็อปต่อคนฟังในแบบฉบับของตนเองออกไปจนหมดแล้วด้วย
• ไตรภาคสุดท้ายนี้มันเลยกลายเป็นไอเดียที่ดูค่อนข้างๆจะตันพอสมควรเพราะหลายๆแทร็คก็หยิบลูกเล่นมุกจากงานที่แล้วมาใส่จนบางทีมันก็ไม่ใช่กิมมิคที่ดูเก๋ซะทั้งหมด ออกจะแนวซ้ำซากไปด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการปิดจบทางตันของตัวเองในการขยายเรื่องราวแนวเพลงนี้โดยไม่ต้องสานต่ออะไรให้มันกร่อยกว่าเดิมอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยก็รู้ลิมิตของการทำอัลบั้มภาคต่อของตัวเองดีเป็นแน่แท้
“แค่มันดันจบไม่สมูทเหมือนชื่อแทร็คสุดท้ายนี่แหละ”
Score: 6/10
Top Tracks: Touch, Ondo, Without the Star, Time Slip
thank u for reading 🙏
ถ้ามีคำหรือประโยคไหนที่ใส่มาเพื่อความอรรถรสแล้วไม่ถูกใจผู้อ่านทุกท่านขออภัย ณ ที่นี้ด้วย
โฆษณา