มหาเศรษฐีไทย เชื้อสายอินเดีย อันดับ 1 คือใคร ?
เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามหาเศรษฐีไทยเชื้อสายจีน อันดับ 1
ก็คือคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือซีพี และเชนร้านค้าปลีก อย่าง 7-Eleven, Makro และ Lotus’s
แต่หากถามว่า มหาเศรษฐีไทยเชื้อสายอินเดีย อันดับ 1 คือใคร หลายคนอาจจะยังนึกไม่ออก
จริง ๆ แล้ว เขาคนนี้คือคนที่สามารถเปลี่ยนเงิน 200 ล้านบาท
ให้กลายเป็น 88,000 ล้านบาท ภายใน 31 ปี
แถมยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผู้ผลิตเม็ดพลาสติกเบอร์ต้น ๆ ของโลกอีกด้วย
เรากำลังพูดถึง “คุณอาลก โลเฮีย” เศรษฐีไทยเชื้อสายอินเดีย วัย 64 ปี
แล้วเรื่องราวของเขา น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณอาลก โลเฮีย เป็นลูกชายของเศรษฐีชาวอินเดียคือ คุณ Mohan Lal Lohia
โดยก่อนที่จะย้ายมายังประเทศไทย เดิมทีครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
แต่ด้วยความที่คุณพ่อของเขา ต้องการให้ลูก ๆ ย้ายไปทำธุรกิจในประเทศอื่นด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ
นั่นทำให้คุณอาลก วัย 30 ปี ย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุน จากคุณพ่อของตนเป็นจำนวน 200 ล้านบาท
ช่วง 3 ปีแรกในประเทศไทยนั้น คุณอาลกเลือกทำธุรกิจ Furfural และ Furfuryl Alcohol จากซังข้าวโพด
ซึ่งสารเหล่านี้ สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ กาว และสารยึดเกาะ
อย่างไรก็ดี เขาก็ตระหนักได้ว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้ มีขนาดตลาดที่เล็กเกินไป
ทำให้ในปี 2537 คุณอาลก ก็ได้เริ่มต้นธุรกิจผลิตเส้นด้ายจากขนสัตว์ ซึ่งเป็นรายแรกในประเทศไทย
ภายใต้บริษัท Indorama Ventures PCL หรือ IVL ขึ้นมา
ในเวลาต่อมา คุณอาลกก็ได้เห็นโอกาสและเข้าไปลงทุน ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก PET
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบตั้งต้น ในการนำไปผลิตสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์, เครื่องดื่ม, ยา, เวชภัณฑ์ และของใช้ในครัวเรือน
แม้ว่าในช่วงแรกบริษัท IVL จะยังมีขนาดที่เล็ก แต่บริษัทก็สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
โดยวิธีการที่คุณอาลกใช้ในการขยับขยายกิจการก็คือ การควบรวมกิจการตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
โดยดีลแรกเกิดขึ้นในปี 2540 ซึ่งคุณอาลกได้เข้าซื้อบริษัท Indo Poly ในประเทศไทย
เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก
หลังจากการควบรวมกิจการครั้งแรกในประเทศไทย IVL ได้มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว คุณอาลกจึงไม่พลาดโอกาสที่จะขยายกิจการไปยังต่างประเทศทันที
จากไทย สู่การซื้อกิจการในอเมริกา ยุโรป และในอีกหลายประเทศทั่วโลก
ก่อนที่ต่อมา IVL จะรุกเข้าสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือการขยายกิจการแบบปลายน้ำ เช่น การผลิตเส้นใยเกรดพิเศษ ที่ใช้ในการทำผ้าอ้อมเด็ก
แม้กระทั่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา
IVL ก็ยังคงเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น
- AG Resinas บริษัทเจ้าของโรงงานรีไซเคิล PET ในประเทศบราซิล
- Industrie Maurizio Peruzzo Polowat spółka z ograniczoną odpowiedzialnością บริษัทเจ้าของโรงงานรีไซเคิล PET ในประเทศโปแลนด์
นอกจากการเข้าซื้อกิจการแล้ว
IVL ยังมีการเปิดบริษัทร่วมทุนอีกด้วย
- จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อว่า PETValue Philippines Corporation (PVPC) โรงงานผลิตขวดพลาสติก ร่วมกับบริษัท Coca-Cola Philippines
- จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อว่า โตโยโบะ อินโดรามา แอดวานซ์ ไฟเบอร์ส โรงงานผลิตพลาสติก PA66 ร่วมกับบริษัท โตโยโบะ
ปัจจุบัน IVL กลายเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก PET เบอร์ต้น ๆ ของโลก
โดยมีโรงงานทั้งหมด 124 แห่ง ใน 33 ประเทศ
หากเรามาดูผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท
ปี 2562 รายได้ 355,900 ล้านบาท กำไร 5,300 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 336,500 ล้านบาท กำไร 2,400 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 473,100 ล้านบาท กำไร 26,300 ล้านบาท
ปัจจุบัน IVL มีมูลค่าบริษัทที่ 247,000 ล้านบาท
นับเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 12 ในตลาดหุ้นไทย
ซึ่งก็ได้ทำให้ คุณอาลก ผู้ก่อตั้งบริษัท มีทรัพย์สินรวมมูลค่าราว 88,000 ล้านบาท
ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐี เชื้อสายอินเดียอันดับ 1 ในประเทศไทย นั่นเอง..
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
References
-รายงานประจำปี IVL 2564
- 28
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
