11 ส.ค. 2022 เวลา 12:56 • ปรัชญา
Invisible Barrier
สิ่งที่มันขวางการเติบโตของเราหรือความเจริญก้าวหน้าของชีวิตเรา แท้จริงแล้วอาจเป็นจากการที่สิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ระบบที่เราต่างคุ้นเคยและมองเห็นว่าคนคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเป็นสิ่งหนึ่งและเป็นสิ่งนั้นไปตลอดชั่วชีวิตของเขา หรือสังคมที่ทำให้เราเครียดกับการที่เราเกิดมาแล้วทำได้หายอย่าง แต่ระบบบังคับให้เราต้องเลือกเป็นอะไรสักอย่างที่เราในตอนนั้นคิดว่าตัวเองจะทำได้ดีที่สุด และตราหน้าความเป็นเป็ดของเรา
ซึ่งในโลกยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว force ให้เราปรับตัวเองเพื่อเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ความเป็นเป็ดในตัวใครหลายๆคนก็มีค่าขึ้นมามากมาย องค์กรชอบคนเก่งหลายอย่าง แม้แต่ในระบบราชการ ทุกคนไม่ได้เป็นแค่หมอ ครู ตำรวจ ทุกคนมีความเก่งและความสนใจด้านอื่นของตัวเองซ่อนอยู่ ไมว่าจะเป็นกีฬา เต้น ร้องเพลง แม้แต่ปลูกต้นไม้ที่ทำเป็นงานอดิเรก แต่เราก็ปลูกต้นไม้เก่งจริงๆ ให้มันโตได้
แล้วธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์มันคือการเกิดมาเพื่อเป็นสิ่งสิ่งเดียวตลอดชีวิตจริงๆน่ะหรอ
มุมมองฉันตอนนี้ ฉันคิดว่าไม่ใช่
ศักยภาพของมนุษย์ที่ไร้ขีดจำกัดนี้ ทำให้เราสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น และสิ่งที่เราเป็นได้นั้น เปลี่ยนแปลงได้ชั่วชีวิตของเรานั่นแหละ
แค่ระบบมัน shape พวกเราให้ต้องเรียนมหาลัยกันตอน 18-24 ปี แล้วเราก็จะเป็นดั่งสิ่งที่เราทุ่มเทเวลาลงไปตลอดชีวิต หมอ ทนาย ครู ผู้ตรวจบัญชี ศิลปิน สถาปนิก วิศวะ พยาบาล หรืออะไรก็ตามแต่ที่เราใช้การตัดสินใจในวัย 18 เลือกมันและมอบชีวิตทั้งชีวิตให้กับสิ่งสิ่งนั้น
แต่ความจริงที่แท้จริงของโลกนี้คือ เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตจนกระทั่งตาย แม้แต่ในวัยชราที่เราบอกว่าเราไม่อยากจะเรียนรู้อะไรแล้ว เราก็ยังต้องเรียนรู้ที่จะถ่ายทอดส่ิงที่เรารู้ให้อย่างน้อยที่สุดก็ลูกหลานของเรานี่แหละ
แม่ที่ไม่ได้ทำงานก็เรียนรู้ที่จะเลี้ยงลูกและเรียนรู้ตลอดชีวิตของการเป็นแม่ว่าจะเลี้ยงลูกในแต่ละช่วงวัยอย่างไร
เพราะฉะนั้นในชีวิตคนคนหนึ่ง บทบาทหน้าที่ของตัวเราเปลี่ยนแปลงไปตลอด การไม่ยึดติดว่าตัวเองเป็นใครอาจเป็นหนทางสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ความก้าวหน้าในชีวิต
สิ่งที่วันนี้เรายังไม่ได้เป็น แต่เราสามารถเรียนรู้ได้ ณ ตอนนี เพื่อเป็นในวันข้างหน้า
สิ่งที่เราเรียนรู้อยู่ในตอนนี้ กำลังส่งเราไปถึงที่ที่เราจะได้ไปมีประสบการณ์ในวันข้างหน้า แม้เราจะไม่รู้แน่ชัดว่าที่แห่งนั้นคือที่ไหน
เช่น เราลงเรียนคอร์สปรับอาหารเพื่อสุภาพโดยมีเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักให้ได้ การลดน้ำหนักของเราตอนนี้ อาจส่งเราไปเป็นเทรนเนอร์ส่งต่อความรู้และวิธีการให้ผู้คนและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้ตัวเองในอนาคต
หลังจากรายได้และความรู้ในการเทรนคนให้ลดน้ำหนักได้สำเร็จเพิ่มมากขึ้นแล้ว เราอาจจะถูกเชิญไปพูดในงานต่างๆ เป็น consult ส่วนตัวให้กับบริษัทต่างๆที่สนใจด้านสุขภาพ สร้างแบรนด์สุขภาพเป็นของตนเอง ณ จุดนั้น บทบาทของเราก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว เรากลายเป็น consultant กลายเป็น CEO เจ้าของแบรนด์และจะเป็น และเป็นมากขึ้นอีกตามโอกาสที่เราเปิดใจรับและวิ่งเข้าหามัน
ซึ่งโอกาสเหล่านี้เราจะไม่สามารถมองเห็นได้เลย ถ้าเราเป็นแค่สิ่งที่เราเป็นตอนนี้และบอกกับตัวเองว่าฉันเรียนรู้มาแค่เรื่องนี้และจะไม่เรียนอีกแล้ว ฉันจะทำสิ่งที่ฉันทำเป็นตอนนี้ไปตลอดชีวิต
ทุกคนคงเข้าใจประเด็นที่ฉันจะสื่อ ฉันอยากเปรียบเทียบกับอาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ถูกมัดตัวเองไว้ และนิยามความสามารถของตัวเองด้วยสิ่งนั้น แต่ฉันก็ไม่สบายใจที่จะยกตัวอย่างอาชีพใดอาชีพหนึ่ง
ฉันแค่อยากจะบอกว่า คุณเป็นในสิ่งที่คุณเป็นตอนนี้และคุณมีความสามารถที่จะเป็นอะไรก็ได้ในอนาคต แม้มันจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณเป็นตอนนี้เลยก็ตาม
#แด่มวลมนุษยชาติที่รัก
โฆษณา