Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MyBook
•
ติดตาม
11 ส.ค. 2022 เวลา 17:00 • หนังสือ
จาก หนังสือ Disneyland ทำอะไรทำไมใครๆก็หลงรัก
ผู้เขียน : คุณซากุราอิ เอริโกะ
ต้องออกตัวก่อนนะคะ ว่าความตั้งใจที่สร้างเพจนี้ขึ้นมาคือ อ่านหนังสือแล้วได้ข้อคิด จึงเลือกเฉพาะบางตอนในหนังสือที่อ่านแล้วชอบมากๆ มาแบ่งปันค่ะ
Chapter ที่ 1 การฝึกจิตใจให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนและทำงานได้อย่างราบรื่น [ภาคจิตใจ]
Magic 02 เวลาทุกข์ใจให้ลองคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ดู
ข้อคิดดีๆที่อ่านกี่ทีๆ ก็อยากกำจัด "ปมนางซิน"👠ที่เคยมีของตัวเอง เช่น ความคิดเพ้อฝัน ใฝ่ฝันอะไรที่ไม่มีอยู่จริง อยากได้รับการปกป้องอยู่เสมอ ต้องการแต่จะพึ่งพาคนอื่น
ในทางจิตวิทยาจะเรียกคนที่มีความต้องการพึ่งพาคนอื่นอย่างแรงกล้าแบบนี้ว่า "ปมซินเดอเรลล่า"(Cinderella complex) แต่จริงๆแล้วเจ้าหญิงดิสนีย์ทุกคนล้วนเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตัวเอง
ในชีวิตจริงก็เช่นเดียวกันค่ะ คนที่พึ่งพาตัวเองและบุกเบิกเส้นทางชีวิตของตัวเองเมื่อเข้าสู่สังคมการทำงานหากคุณไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมกับค้นหาความสุขและคุณค่าในชีวิตของตัวเอง ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวก็จะไม่มีทางราบรื่น...
ชีวิตคนเราบางครั้งก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานผิดพลาดหรือการรู้สึกเจ็บปวดจากความรัก ฉันคิดว่าทุกคนน่าจะเคยประสบกับสิ่งเหล่านี้กันมาแล้วทั้งนั้น
เวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจฉันอยากให้คุณลองนึกถึงเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ดูค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักปรับตัวท่าทางที่งามสง่า หรือความเข้มแข็ง จากนั้นให้คิดว่า"จะบุกเบิกเส้นทางชีวิตของฉันด้วยตัวเอง" โดยไม่โทษคนอื่นหรือสภาพแวดล้อม แล้วลองทำสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ให้ดีที่สุด
สำหรับงานที่คุณรู้สึกว่าไม่ถนัดแทนที่จะทำแบบผ่านๆ ลองปรับเปลี่ยนวิธีทำงานให้เข้ากับตัวคุณเองดู
จงเผชิญหน้ากับงานที่อยู่ตรงหน้าอย่างจริงจัง เมื่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คุณก็จะสามารถเติบโตเป็นคนที่มีเสน่ห์แบบเดียวกับเจ้าหญิงดิสนีย์ได้แน่นอนค่ะ
Chapter ที่ 2 วิธีสื่อสารที่ช่วยให้คนรอบข้างยิ้มโดยอัตโนมัติ [ภาคการสื่อสาร]
Magic 26 กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
การเรียนรู้จากความผิดพลาดจะทำให้คนเราเติบโตขึ้น วอล์ตเคยกล่าวไว้แบบนี้ค่ะ "อุปสรรค ปัญหา และความขัดข้องทั้งหมดที่ผมประสบมาในชีวิตคือสิ่งที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น"
ชีวิตของวอล์ตไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ซ้ำยังต้องพบเจอกับความล้มเหลวครั้งใหญ่อยู่หลายครั้งอย่างการประสบปัญหาด้านลิขสิทธิ์ แต่เนื่องจากประสบการณ์เหล่านั้นทำให้เขาเติบโตขึ้น โลกของดิสนีย์จึงยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
สิ่งสำคัญในการเรียนรู้จากความผิดพลาดก็คือ การตั้งใจฟังคำพูดของคนรอบข้าง มีหลายครั้งที่เมื่อได้ฟังคำชี้แนะหรือคำแนะนำจากคนอื่น แล้วเราถึงเพิ่งจะรู้ความผิดพลาดของตัวเอง ดังนั้น ถ้าคุณ "กลัวความคิดเห็นของคนรอบข้าง" และไม่ยอมรับฟัง คุณก็จะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาด ผลที่ตามมาคือ คนรอบข้างจะมองคุณในทางที่ไม่ดีและอาจรู้สึกไม่ชอบคุณ
ก่อนอื่นคุณต้องมีความกล้าและ 'ไม่หวั่นกลัวความผิดพลาด' เมื่อทำผิดพลาดก็ให้คิดหาสาเหตุพร้อมทั้ง 'คิดแผนรับมือ' เพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำสอง ในขั้นตอนนี้ให้รับฟังเสียงของคนรอบข้าง และ 'เปิดใจยอมรับความคิดเห็นที่ได้มา' การตระหนักถึง 3 เรื่องนี้คือกุญแจที่จะนำไปสู่การเติบโตค่ะ
เมื่อต้องการชี้ให้เห็นถึงปัญหาอะไรสักอย่าง ถ้าคุณพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อีกฝ่ายก็อาจจะรู้สึกไม่พอใจและไม่ยอมรับฟัง ถึงแม้ความคิดเห็นของคุณจะถูกต้องก็ตาม ดังนั้นทางที่ดีคุณควร 'พูดอย่างเป็นลำดับขั้นตอนด้วยสีหน้าอ่อนโยน' จะดีกว่า
ถ้าเป็นไปได้อย่าบอกปัญหาอย่างเดียว แต่ให้ 'เสนอแนะวิธีแก้ไขปัญหา' ด้วย เช่น ลองทำแบบนี้ดูดีไหมหรือ ถ้าทำแบบนี้อาจจะดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ เมื่อทำแบบนี้แล้วคนรอบข้างก็จะเริ่มยอมรับฟังคำพูดของคุณ ส่งผลให้คุณได้รับการยอมรับว่า "ทำงานเก่ง"
Chapter ที่ 3 พฤติกรรมที่ทำให้คนรอบข้างคิดว่า"รู้สึกดีที่ได้อยู่ด้วย" [ภาคพฤติกรรม]
Magic 39 อย่ากังวลกับเรื่องในวันข้างหน้า
อันที่จริงอนาคตไม่มีทางเป็นไปตามที่เราคิดไว้อยู่แล้ว
คุณไม่อาจรู้ได้ว่าการพบเจอแห่งโชคชะตาระหว่างคุณกับคนรักจะมาเยือนเมื่อไหร่ เรื่องการตั้งครรภ์ก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คุณหวังไว้เสมอไป ชีวิตคนเราก็ได้ก่อร่างสร้างขึ้นมาจากความบังเอิญมากมาย มัวแต่กังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นไปก็เปล่าประโยชน์ค่ะ
ในทำนองเดียวกับการทำงาน การจะควบคุมให้มันเป็นไปตามที่เราคิดไว้เป็นเรื่องที่ยากมาก บริษัทคงไม่ได้มอบหมายงานที่เราอยากทำให้อยู่ตลอดเวลา หรืออย่างการเลื่อนตำแหน่ง เราอาจจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งในเวลาที่ตัวเองต้องการ แต่เป็นในเวลาที่บริษัทเห็นว่าเหมาะสม
มีทฤษฎีหนึ่งที่สนับสนุนการพัฒนาอาชีพการงานจาก"ความบังเอิญ" ที่ควบคุมได้ยาก นั่นคือ ทฤษฎีเกี่ยวกับอาชีพการงานที่ชื่อว่า "ทฤษฎีความบังเอิญเชิงวางแผน" [Planned Happenstance Theory]
ศาสตราจารย์จอห์น ครัมโบลทซ์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดนำเสนอว่า "อาชีพการงานของแต่ละคนนั้น 80 เปอร์เซนต์มีที่มาจากความบังเอิญที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้" และกล่าวอีกว่าเราสามารถจัดการกับความบังเอิญอย่างมีแบบแผนเพื่อช่วยให้มีอาชีพการงานที่ดียิ่งขึ้นได้ ทั้งนี้ ครัมโบลทซ์ได้เสนอแนวทาง 5 ข้อ เพื่อช่วยให้เราจัดการกับความบังเอิญได้ดีขึ้นไว้ดังนี้
1.สนใจใคร่รู้ : หาโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
2.อดทน : พยายามต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หวั่นกลัวความล้มเหลว
3.มองโลกในแง่ดี : คิดในแง่บวกว่าจะสามารถใช้โอกาสที่ได้รับมาให้เกิดประโยชน์ได้
4.ยืดหยุ่น : เลิกยึดติด แล้วเปลี่ยนแปลงความเชื่อแนวคิด ท่าทาง และพฤติกรรม
5.กล้าเสี่ยง : ต่อให้สร้างผลลัพธ์ไม่ได้ แต่ก็กล้าทำเรื่องที่มีความเสี่ยง
หากตำแหน่งหรืองานที่ได้รับมอบหมายผิดไปจากที่หวังไว้ หรือเกิดเหตุการณ์ที่ต่างไปจากที่คาดคิด สิ่งสำคัญคือคุณต้องปฏิบัติตาม "แนวทาง 5 ข้อ" เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้เป็นประสบการณ์ด้านบวก
ทักษะในการใช้ประโยชน์จากเรื่องบังเอิญอย่างเต็มประสิทธิภาพจะกลายเป็นอาวุธชิ้นสำคัญของคุณ พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม คนที่ "สามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในการทำงานที่ได้มาโดยบังเอิญ" และไขว่คว้าโชคชะตาด้วยตัวเองได้จะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นค่ะ
#หนังสือที่บ้าน #MyBook
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย