หลังจากภาคที่แล้วประสบความสำเร็จ ภาคต่อจึงถูกเตรียมการสร้างทันที (ซึ่งในอดีต การถ่ายทำภาคต่อมักจะเป็นการทำงานแบบปีต่อปี) โดย end credit ของภาค From Russia With Love ได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคที่ว่า…
James Bond will return in the next Ian Fleming thriller “Goldfinger”
End credit จากเรื่อง From Russia With Love
End credit title จากเรื่อง From Russia With Love
ส่วนสาเหตุที่ภาคที่ 3 นั้นทำไมต้องเป็น Goldfinger นั้นผมจะมาอธิบายในบทความถัดไป ในด้านการถ่ายทำนั้น ตอนแรกทางทีมงานต้องการตัว Terence Young กลับมาคุมบังเหียนกำกับการแสดงเหมือนเดิม แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ Terence ได้โบกมือลาโปรเจคไป แต่ท้ายที่สุดก็ได้คนรู้จักของ Fleming อย่าง Guy Hamilton มากำกับแทน ซึ่งเขาผู้นี้คือผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์ภาคนี้ให้กลายเป็น “เสน่ห์แม่แบบ James Bond” ที่ประสบความสำเร็จและทำให้ภาคที่คลอดออกมาตามหลังต้องเดินตาม
เห็นส่วนห้องทำงานของ อุปกรณ์(ขี้โม้)ต่างๆ โดยเฉพาะรถยนต์ประกอบมือสุดหรูอย่าง Aston Martin DB5 ที่ติดอุปกรณ์มากมาย ปืนกล ควันหลบหนี กระจกกันกระสุน ที่นั่งดีดตัว เป็นที่แปลกตาและน่าสนใจในยุคนั้น จนทำให้เจ้า DB5 ขายดีจนผลิตแทบไม่ทัน และชาวยานยนต์ก็ยังคงอยากที่จะได้ลองสัมผัสมันสักครั้งจนถึงปัจจุบัน
รถยนต์ Aston Martin DB5 ในฉากของแผนก Q
ส่วนตัวแล้วผมชอบภาค From Russia With Love มากกว่านิดหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีฉากต่อสู้ที่หวือหวาเหมือน Goldfinger แต่ในด้านบทมันมีความซับซ้อนเฉือนคมมากกว่าภาคนี้อยู่นิดหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่ยอดเยี่ยม เป็นผลงานชั้นครูในการสร้างสรรค์งานภาพยนตร์อีกชิ้นหนึ่งของโลก
ต้นทุนภาคนี้อยู่ที่ประมาณ 3M$ แต่ภาคนี้กลับทำเงินอย่างมหาศาลถึง 125M$ (เทียบกับอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันจะอยู่ที่ 1072M$) จนได้รับการบันทึกลง Guinness World Records ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินได้เร็วและสูงสุดในปี 1964
(หาเล่ม Guinness book of world records 1964 มาอ่านไม่ได้ เก่าไป)