13 ส.ค. 2022 เวลา 00:32 • ความคิดเห็น
เลี้ยงลูกแบบขงจื้อ
เมื่อโลกหมุนไปเร็วทำอย่างไรเราถึงจะเลี้ยงลูกให้รอดได้ในสำคม โลกาภิวัฒน์ แนวคิดแบบ ขงจื้อ ซึ่งเป็นแนวคิดของโลกยุคเก่าจะช่วยได้จริงหรือ?
มันต้องลองมาอ่านและวิเคราะห์ไปด้วยกันนะ
พนิดา มาสกุล
ก่อนที่จะไปคุยกันเรื่องเลี้ยงลูกอย่างไร ก็จะชวนกันให้มารู้จักก่อนว่าลักษณะของโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ซึ่งเป็นยุคที่ลูกเราจะต้องเติบโตไปอยู่ในสังคมแบบนี้หน้าตามันเป็นอย่างไร จากที่พอจะสรุปลักษณะได้ก็จะประมาณ มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว และการเปลี่ยนแปลงนั้นมีความต่อเนื่อง สังเกตุง่ายๆๆจากเรื่องใกล้ตัวเรามากที่สุดตอนนี้ก็คือ โทรศัพท์ ในแต่ละปีเทคโนโลยีของโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลงทุก 6 เดือน ทั้งความเร็ว การประมวลผล คุณภาพแบตเตอรี่ ฟีดเจอร์ใหม่ๆ และประสิทธิภาพในการทำงานที่เป็นได้มากกว่แค่โทรศัพท์
ด้วยความเร็วของเทคโนโลยีนี้เองที่ทำให้การสื่อสารก็มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบ วิธีการสื่อสาร และความเร็วในการสื่อสาร และความเร็วในการส่งสารและรับสารที่มากมายบนโลกใบนี้ส่งผลให้มีข้อมูลมหาศาลไหลผ่านและส่งข้ามหากันไปทั่วโลก อิทธิพลของการสื่อสารแบบนี้ก็ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพเศรษฐกิจและสังคม คลื่นของการเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งความเร็วและมวลที่มหาศาลย่อมกระทบต่อมนุษย์ที่อยู่ในสังคมอย่างแน่นอน แต่จะกระทบมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของคนแต่ละคน
สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้คนต้องพยายามที่จะพัฒนาตนเอง มุ่งผลประโยชน์เป็นสำคัญ จนเกิดเป็นสังคมที่มีความคิดแบบองค์รวมน้อยมาก ทำให้การกระทำของคนโน้มเอียงไปทางเห็นแก่ตัว เกิดเป็นรากฐานความคิดแบบแยกส่วน มีความเป็นปัจเจกสูง และเบียดเบียนกัน ทั้งหมดนี้คืสภาพสังคมในยุคที่ลูกของเราต้องเติบโตขึ้น คำถามคือ เราจะเลี้ยงลูกของเราอย่างไรถึงจะอยู่ในสังคมแบบนี้ได้ ลองมาคิดกันเล่นๆ นะ
1. เลี้ยงแบบที่เป็นมนุษย์ในลักษณะเดียวกับมนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความเป็นปัจเจก มุ่งผลประโยชน์และเห็นแก่ตนเองเป็นหลัก แต่เพิ่มเติมคือต้องเลี้ยงให้เก่งและดีกว่าคนอื่น
2. เลี้ยงให้มีความคิดแบบองค์รวมหรือมีความคิดเชิงระบบและเข้าใจโลกว่าทุกสรรพสิ่งล้วนเชื่อมใยงกัน
ถ้าคุณเลือกข้อที่ 1 มีองค์ความรู้มากมายในปัจจุบันที่สามารถปั้นให้ลูกของคุณเก่งได้เท่าที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณเลือกข้อที่ 2 มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจและนำมาสอนลูกได้นั่นคือแนวคิดของ ' ขงจื้อ ' ที่เป็นนักคิด นักการศึกษา นักรัฐศาสตร์ นักปรัชญา และเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลทางความคิด จนหลายประเทศในโลกนี้เช่น ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี มีแนวคิดของขงจื้อเป็นรากฐานทางสังคม การเมือง และวัฒนธรรม
จงอย่าใส่ใจว่าคนอื่นจะมองเราเป็นคนอย่างไร มีชื่อเสียงมากน้อยแค่ไหนหรือมีฐานะอย่างไร แต่จงสนใจว่าตัวเราเองมีค่าควรแก่การใส่ใจหรือให้ความเคารพนับถือแล้วหรือยัง
.ขงจื้อ
ลองมาดูความคิดของขงจื้อที่แม้จะเน้นให้คนมีคุณธรรมแต่ก็ไม่ลิมที่จะเปิดเส้นทางสู่ความมีอัจฉริยะภาพ เรามาลองสกัดความคิดของขงจื้อแบบที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ กันดูนะ
1. บุคลิกภาพของมนุษย์ที่แท้ คือคนที่มีพลังดึงดูด โน้มน้าวใจคน และมีคุณธรรมเที่ยงตรง ขงจื้อได้แนะนำหนทางที่จะไปสู่การเป็นคนที่สมบูรณ์ไว้ 6 ข้อ
1.1 นอบน้อม เพราะจะไม่เป็นที่เกลียดชัง
1.2 เมตตากรุณา เพราะจะมีรัศมีของพลังบวกบนใบหน้าทำให้เอาชนะใจคนได้ง่าย
1.3 จริงใจ เพราะจะ)มีความน่าไว้วางใจ
1. 4 จริงจัง เพราะย่อมทำทุกสิ่งสำเร็จ
1. 5 ใจคอกว้างขวาง เพราะทำให้สามารถใช้คนได้และเป็นผู้นำที่ดี
1.6 ไม่กินอิ่มเกินไป ไม่แสวงหาความสะดวกสบายเกินไป เพราะจะทำให้เกียจคร้านไม่พัฒนาตนเอง
1.7 มีอารมณ์ที่มั่นคง
2. วิธีคิดของผู้มีปัญญา ขงจื้อมองว่าแม้ปัญญาและโอกาสในการศึกษาของคนไม่เท่ากันแต่เราสามารถพัฒนาสิ่งนี้ได้ด้วยตนเอง มาดูกันว่าต้องทำยังไง
2.1 มีความคิดแบบพิจารณาหาเหตุผล
2.2 อย่าคิดกังวลกับความคิดของคนอื่นแต่ให้ปรับปรุงตนเอง
2.3 เวลาเห็นช่องทางได้ประโยชน์ต้องมองอย่างยุติธรรม
2.4 ต้องหัดและฝึกฝนคิดการณ์ไกล
3. ระเบียบวินัยของคนต่างวัย
3. 1 วัยหนุ่มสาวพลังยังไม่มั่นคงต้องมีวินัยเรื่องกามคุณณ
3. 2 วัยกลางคนพลังกายใจเข้มแข็งมากที่สุด ต้องมีวินัยเรื่องความพึงพอใจ คืออย่าเพิ่งพอใจกับอะไรง่ายๆ จนหยุดความพยายาม
3. 3 วัยชราหมดเรี่ยวแรง พลังงานถดถอยต้องมีวินัยกับความโลภ คืออย่ามีความต้องการมากมาย ไม่มีที่สิ้นสุด
4. การคบคน ขงจื้อเชื่อว่าความสุข ความทุกข์ ความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับคนที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องคบหาด้วย วิธีการเลือกคบคนจึงเป็นอีกเรื่องที่เราควรรู้
4. 1 ไม่คบคนที่คุณงามความดีไม่เสมอกัน
4. 2 ไม่ถามความเห็นหรือปรึกษากับคนที่มีเส้นทางชีวิตไม่เหมือนเรา
4. 3 คนที่ควรคบหาคือ ซื่อตรง จริงใจ มีความรู้
4.4 หลีกเลี่ยงการคบหาบุคคลที่เสแสร้ง พูดจาไร้สาระ ฉวยโอกาส ฟุ้งเฟ้อ
4.5 การคบหาเพื่อนควรมีความจริงใจต่อกัน แต่อย่าปล่อยให้เขาชักนำเราไปในทางที่ต่ำ
5. การพูด คำพูดของเราสำคัญดังนั้นเมื่อจะพูดอะไรออกไป คำพูดของเราต้องแสดงออกถึงความซื่อตรง มุ่งมั่น จริงใจ สอดคล้องกับกริยาทางกายที่แสดงถึงความมุ่งมั่น ถ้าพูดแบบนี้ได้จะเป็นคนที่น่าเชื่อถือ พูดสิ่งใดก็ย่อมประสบความสำเร็จ
6. การวางตัว เป็นอีกเรื่องสำคัญที่จะทำให้ผู้คนรัก มาดู 4 วิธีที่ขงจื้อสอนไว้
6.1 แม้เมื่ออยู่นอกบ้านเวลาเจอผู้คนก็ให้ปฏิบัติราวกับคนผู้นั้นเป็นแขกสำคัญในบ้าน
6.2 การวางตัวเมื่อต้องเป็นผู้สั่งการ ให้วางตัวราวกับเป็นแม่งานผู้ยิ่งใหญ่ เพราะจะไม่สักแต่ว่าสั่งการแบบขอไปที แต่จะมีวิธีคิดที่รอบคอบ คิดถึงผลที่ตามมา มีการติดตามผลแนะนำเพื่อให้งานสำเร็จ
6. 3 อะไรที่เราไม่ชอบก็อย่าปฏิบัติต่อคนอื่น
6.4 จงเข้มงวดกับตนเองแต่ให้อภัยคนอื่น
7. การวางจิต เรื่องนี้เป็นขั้นตอนภายในที่สำคัญ เราจะมีการกระทำข้างนอกตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดไม่ได้เลยถ้าวางจิตไม่เป็น ถ้าเราวางจิตให้มีเจตนาที่ซื่อตรง มองเห็นและรู้จักตนเองอย่างรอบด้าน เราก็จะมีจิตใจที่ซื่อตรง มองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง ดูแลชีวิตของตนเองได้ดี ครอบครัวจะดี และสังคมที่มองเห็นทุกสรรพสิ่งเชื่อมโยงกันจนสามารถทลายกรอบของความคิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเองก็จะเกิดขึ้น
ก็เข้าใจนะว่าทำยาก แต่ก็อยากจะชวนว่าลองมาทำกันดูสักตั้งไหม
โฆษณา