ฝรั่งเศสแล้งจัด พืชพรรณแห้งเหี่ยว อาหารผลิตได้น้อย ไฟฟ้าอาจขาดแคลน
เวลานี้ ประเทศฝรั่งเศสกำลังเผชิญภัยแล้งอย่างหนัก
ภาพเหตุการณ์นั้นประจักษ์ชัดสำหรับผู้สัญจรไฟมาผ่านภูมิภาคลุ่มน้ำลัวร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘สวนแห่งฝรั่งเศส’ (Garden of France) มรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศ
ตามปกติ ในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงกันยายน ลุ่มน้ำแห่งนี้จะเบ่งบานไปด้วยพฤกษาหลากสี มีเทศกาลน้ำพุ เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวต้องพาตัวเองไปเยี่ยมชมความงดงามของธรรมชาติ (และโบราณสถาน) อย่างน้อยๆ ประมาณ 8 ล้านคนต่อปี
นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ลุ่มน้ำลัวร์ยังถือเป็นแม่น้ำตามธรรมชาติที่เหลืออยู่ของประเทศ เป็นที่ถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ในอดีตยังเคยเป็นถิ่นที่อยู่ของแซลมอน
และยังเป็นสถานที่ปลูกพืชอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตคนในภูมิภาค
ไวน์ท้องถิ่นชั้นดีหลายแบรนด์ก็ได้รับองุ่นจากลุ่มน้ำนี้ไปใช้เป็นวัตถุดิบ
แต่ด้วยสภาพวันนี้ ความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ที่ว่ากำลังเริ่มหายไป
ภัยแล้งที่ก่อตัวหนักอย่างมากทำให้แม่น้ำบางจุดแห้งขอดจนสามารถเดินเท้าข้ามได้
วินเซนต์ แฟฟโรว์ เกษตรกรรายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า เขาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ในปีนี้สวนกะหล่ำปลีและมันฝรั่งของเขาให้ผลผลิตเพียงแค่ครึ่งเดียว และมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่มีผลผลิตใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากภาวะขาดแคลนน้ำรวมถึงสภาพอากาศที่ยังคงปกคลุมด้วยคลื่นความร้อน
“ผักจะตายเพราะกระหายน้ำ” วินเซนต์ โอดครวญ…
ในภาพรวม พบว่าผลผลิตข้าวโพดในภูมิภาคนี้ลดลง 18 เปอร์เซ็นต์ จากภัยแล้ง ไฟป่า และคลื่นความร้อน
จุดขายอย่างหนึ่งของการทัวร์สวนแห่งฝรั่งเศส คือ การชมทุ่งดอกทานตะวันบานสะพรั่ง เขียวขจี และชวนให้รู้สึกสดใส แต่ปีนี้กลับเหลือสภาพเพียงทุ่งฝุ่นไร้ชีวิตขาดชีวา
โดยภัยแล้งของฝรั่งเศสในปีนี้เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงสูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ก่อให้เกิดพื้นที่แห้งแล้งมากถึงสองในสามของประเทศ
ด้วยวิกฤตภัยแล้งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศส ตัดสินใจหยุดจ่ายน้ำในระบบสาธารณูปโภคเป็นบางเวลา
มีการขอความร่วมมือและเกิดข้อจำกัดในการรดน้ำสวน การเติมสระว่ายน้ำชุมชน การล้างรถ
การขาดแคลนน้ำยังกระทบไปถึงการดับไฟป่า ทำให้การทำงานช้าลง จนไฟลุกลามก่อเป็นความเสียหายในวงกว้าง
ตามรายงานของเดอะการ์เดี้ยนยังอ้างถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงนิวเคลียร์ที่พึ่งพาน้ำจากแม่น้ำลัวร์
ฝรั่งเศสมีกฎหมายที่เข้มงวดต่อการใช้แหล่งน้ำจากธรมชาติในการควบคุมอุณหภูมิของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยกำหนดไว้ชัดเจนว่าในฤดูแล้งสามารถใช้ได้แค่ไหน และหากระดับน้ำยังลดลงจะต้องลดใช้แค่ไหน
แต่จากวิกฤตภัยแล้งในปีนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องลดกำลังการผลิตไฟฟ้าลง
ปัญหานี้ยังรวมไปถึงการสัญจรทางน้ำ การขนส่งสินค้าในบางพื้นที่ - แต่ยังดีว่าลุ่มน้ำลัวร์ไม่ใช่แม่น้ำสายหลักในการขนส่งสินค้า ผลกระทบจึงเกิดขึ้นไม่มาก
อนึ่ง วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้คุกคามภูมิภาคลุ่มน้ำลัวร์มาสักระยะแล้ว
โดยในปี 2019 อุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นที่แตะสูงถึง 46 องศาเซลเซียส จากเดิมที่ในช่วงระหว่างปี 1960 - 2010 สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีสภาพอากาศที่เย็นสบาย แต่เริ่มเปลี่ยนมาเป็นแบบปานกลาง พอเหมาะ หลังปี 2012 เป็นต้นมา
และถูกแนะนำว่ามีสภาพอากาศที่ร้อน ชวนเฝ้าระวังในบางฤดูหลังปี 2019 เป็นต้นมา
#IsLIFE #France #ClimateCrisis #LoireValley #Drought
อ้างอิง
Loire Valley: Intense European heatwave parches France's 'garden' : https://bbc.in/3JSrS4B
Europe’s rivers run dry as scientists warn drought could be worst in 500 years : https://bit.ly/3T1vWE7
Responsible Tourismin the Loire Valley : https://bit.ly/3SMgVpn
Photo : Loic Venance - AFP/Getty Images
- 59
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
