ทฤษฎีเวทมนตร์ ๒ MAGIC THEORY
ทฤษฎีมีที่มา ยังคงอยู่กันที่ทฤษฎีเวทมนตร์ ซึ่งคราวก่อนเราได้เล่าถึงทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับเวทมนตร์ในอดีต แต่ในครั้งนี้เราจะเล่าถึงทฤษฎีเวทมนตร์ในแบบต่างๆ
เวทมนตร์ขาว เวทมนตร์ดำ(White/Black Magic)/เวทมนตร์สูง เวทมนตร์ต่ำ(High/Low Magic)
เวทมนตร์ขาว เป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นการใช้เวทมนตร์เพื่อจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์ ไม่เห็นแก่ตัว ทำไปด้วยเจตนาที่ดี ให้ผลในด้านดีและไม่ใช่เพื่อการทำร้ายสิ่งใด ตัวอย่างเช่น ใช้ทางการรักษา ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ในขณะที่เวทมนตร์ดำถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ที่เห็นแก่ตัว เป็นอันตรายหรือชั่วร้าย ทำไปด้วยเจตนาไม่ดี เพื่อการทำลายหรือทำร้าย และก่อความเสียหาย
เวทมนตร์สูงหรือเวทมนตร์ประเภทอภิญญา คือเวทมนตร์ที่ใช้สำหรับพิธีการหรือพิธีกรรมที่มีความซับซ้อน ซึ่งจะเป็นพิธีกรรมที่มีความยาวและมีรายละเอียดมาก เป็นพลังอันมาจากธรรมชาติ เทพเจ้าหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เวทมนตร์ประเภทนี้จะไม่ใช้เพื่อสนองกิเลสตัณหาหรือความต้องการทางโลกของมนุษย์ ต่างจากเวทมนตร์ต่ำหรือเวทมนตร์สามัญ ที่เป็นเพียงคาถาสั้นๆและมีพิธีกรรมที่เรียบง่าย เป็นประเภทที่ใช้เพื่อการตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล สนองกิเลสตัณหาและความปรารถนาของมนุษย์
ทฤษฎีเวทมนตร์ที่แพร่หลายอย่างมากในยุโรปตะวันตก ณ ช่วงเวลาหนึ่ง คือ ทฤษฎีพลังเวท ของ เบลลาทริกซ์ อัลบา เมร์ลินา (ค.ศ.1758-1816) จอมเวทชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา โดยเธอมีแนวคิดว่าพลังเวทเป็นสิ่งที่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ใช้ได้ สอดคล้องกลับคำสอนของศาสนจักรที่ว่าพลังเวทเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ทรงประทานให้แก่ผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น
ทฤษฎีของเมร์ลินาอธิบายว่า พลังเวทเป็นพลังที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเฉพาะบุคคล เป็นพลังพิเศษแยกออกจากพลังงานอื่นๆ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ เป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไปแต่ผู้ใช้เวทสามารถเพิ่มพลังนี้ได้เองอย่างช้าๆ ต่อมาในปี 1908 ทฤษฎีของเมร์ลินาถูกหักล้างด้วยทฤษฎีของคาร์ล มาเลอร์ นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ผู้ที่ศึกษาพลังงานต่างๆในโลก ด้วยงานวิจัยของเขา มาเลอร์ได้ทำการทดลองพลังเวทด้วยการให้ผู้มีพลังเวทสองคน คนหนึ่งเป็นคนเยอรมัน อีกคนหนึ่งเป็นคนจีน ใช้พลังเวทเคลื่อนตุ้นน้ำหนักในสามสถานการณ์
สถานการณ์แรกคือสถานการณ์ปกติที่อุณหภูมิห้อง ผลคือทั้งสองคนสามารถเคลื่อนตุ้นน้ำหนักได้พอๆกัน ในสถานการณ์ที่สองคือห้องที่มืดมิดและหนาวเย็นเพื่อลดปริมาณพลังงานจากแสงและความร้อน ปรากฏว่าคนจีนสามารถเคลื่อนตุ้มน้ำหนักได้เป็นปกติ ในขณะที่คนเยอรมันแทบจะไม่สามารถเคลื่อนตุ้มน้ำหนักได้เลย ส่วนสถานการณ์ที่สาม คือ ให้ทั้งสองใช้พลังเวทไปเรื่อยๆจนกระทั่งใช้ต่อไปไม่ไหว พบว่าคนจีนไม่สามารถเคลื่อนตุ้นน้ำหนักได้แต่คนเยอรมันสามารถทำได้เป็นปกติ
ผลของการทดลองทั้งสามแสดงให้เห็นว่า พลังเวทของโลกตะวันตกเกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาพแวดล้อมแต่ใช้แล้วไม่มีวันหมด ส่วนพลังเวทของโลกตะวันออกไม่เกี่ยว แต่ใช้แล้วสามารถหมดไปได้
นอกจากนี้คาร์ล มาเลอร์ ยังทำการพิสูจน์สมมุติฐานที่ว่าพลังเวทเป็นพลังเฉพาะบุคคล มีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ด้วยการฝึกเด็กสิบคนให้ใช้เวทสาขาต่างๆพร้อมกับสังเกตเด็กที่ไม่ได้รับการฝึกจำนวนอีกสิบคน ผลคือเด็กได้รับการฝึกสามารถใช้พลังเวทได้หลังจากการฝึกระยะหนึ่ง ต่างจากเด็กที่ไม่ได้รับการฝึกกลับใช้พลังเวทไม่ได้เลย มาเลอร์จึงสรุปว่าความสามารถของพลังขึ้นอยู่กับการฝึกฝนมากกว่าจะเป็นพลังที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
ทฤษฎีของมาเลอร์ ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงหลังจากที่เขาได้ประกาศออกมา โดยผู้ใช้เวทหัวเก่าซึ่งยกย่อมเมร์ลินา และศาสนจักร การต่อต้านรุนแรงถึงขนาดเขาถูกขับไล่ออกจากนิกายโรมันคาทอลิก ถูกขู่ฆ่าและลอบฆ่า แต่เขาก็รอดมาได้และพิสูจน์ทฤษฎีต่อหน้าสาธารณชน จนมีผู้คนยอมรับมากขึ้นและได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย จนในที่สุดสมาพันธ์ผู้ใช้เวทสากลได้ให้การยอมรับว่าทฤษฎีของมาเลอร์ เป็นทฤษฎีพลังเวทที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตกและตะวันออก
ที่มา :
เวทมนตร์ (เหนือธรรมชาติ)
บทที่ ๖ ทฤษฎีเวทมนตร์
ทฤษฎีพลังเวท ของเมร์ลินา
ทฤษฎีพลังเวท ของคาร์ล มาเลอร์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
