Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โตมร ศุขปรีชา
•
ติดตาม
15 ส.ค. 2022 เวลา 01:10 • ความคิดเห็น
โดยส่วนตัวถ้าต้องสัมภาษณ์เพื่อรับคนเข้าทำงาน จะไม่ค่อยสนใจเรื่องอดีตหรือประวัติการเรียน การทำงาน ของคนคนนั้นเลย จะ Job Hopper หรือไม่ ไม่สน แต่จะสนใจตัวตนของคนคนนั้นมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคิดโดยใช้หลักการทั่วไป เวลาพูดคุยกันไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เราอาจไม่มีทางตัดสินอะไรได้ว่าคนคนนี้น่าสนใจหรือไม่
แต่ในเวลาเดียวกัน ต่อให้ไม่ได้สัมภาษณ์งาน แค่เจอหน้ากันแวบเดียว ก็รู้สึกได้ถึง 'ของ' หรือ 'ออร่า' ที่คนเหล่านั้นมีอยู่ในตัว และมันฉายโชนออกมาตั้งแต่นาทีแรกที่เจอกัน จึงมีหลายคนที่ชวนมาร่วมงานด้วย อาจไม่ใช่งานประจำ แต่ทำโน่นนั่นนี่ด้วยกัน (เช่น มาเขียนคอลัมน์ให้ ฯลฯ)
แล้วก็พบว่า คนที่เจอด้วยวิธีนี้ (คือไม่ต้องไปสืบประวัติอะไรเลย) ปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เปล่งประกายความเก่งกาจในงานของตัวเองชนิดที่ถ้าเอ่ยชื่อไป - ไม่มีใครไม่กล้ายอมรับกันทุกคน (เน้นว่าทุกคนจริงๆ) คือจะเรียกว่าตัดสินใจโดยใช้ Intuition ของตัวเองมากกว่าเรื่องอื่นๆ ก็ได้ ซึ่งก็รวมไปถึงคนที่มาสัมภาษณ์งานด้วย
เคยสัมภาษณ์น้องคนหนึ่งที่บอกว่าภาษาอังกฤษตัวเองเก่งมาก (คือเขียนว่าอยู่ในระดับ Excellence) แต่ดูจาก Vibe ที่มีความเกินจริงอะไรบางอย่างแล้วคิดว่าเขาน่าจะบรรยายสรรพคุณตัวเองมากเกินไป ก็เลยต้องทดสอบภาษาอังกฤษกันเพื่อจะพบว่าภาษาของเขาไม่ดีเอาเสียเลย
และก็เคยสัมภาษณ์น้องอีกคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองภาษาอังกฤษค่อนข้างดี สื่อสารได้ พอถามว่าดีแค่ไหน น้องตอบกลับมาว่า จะทดสอบเลยมั้ยคะ ให้พูดหรือเขียนก็ได้ - ได้ฟังดังนั้น ประกอบกับการดู Vibe ของน้อง ก็ตัดสินใจรับเลยโดยไม่ทดสอบภาษา, ปรากฏว่าเป็นคนภาษาดีจริงๆ แล้วไม่ใช่ดีแค่อังกฤษ แต่รวมถึงฝรั่งเศสด้วย
คือในการรับคนเข้าทำงาน มันมีอะไรต่อมิอะไรที่ละเอียดซับซ้อนมากกว่าแค่การดูประวัติงานมาก ในหนังสือ Culture Code ของ Daniel Coyle เล่าถึงงานวิจัยที่ค้นพบว่า นักพฤติกรรมศาสตร์สามารถทำนายการ 'รับเข้าทำงาน' ได้ก่อนที่การสัมภาษณ์จะจบลงเสียอีก เพราะเขาดูจากการแสดงออกของกล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้า ระหว่างผู้ให้สัมภาษณ์กับผู้สัมภาษณ์ ซึ่งทั้งคู่จะไม่รู้ตัวเลยว่าได้แสดงออกไป
โดยมากแล้ว ถ้ากล้ามเนื้อเหล่านี้มีความ 'สอดคล้อง' กัน คนที่มาสัมภาษณ์ก็มักจะได้งาน พูดง่ายๆ ก็คือ คนสองคนนั้นมีความเป็น 'คนพันธุ์เดียวกัน' ลึกลงไปถึงระดับสมอง ทำให้เกิดการแสดงออกแบบเดียวกัน (หรือเลียนแบบกัน) ขึ้นมาได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว เรื่องแบบนี้ใช้อธิบายอาการ 'ไม่ถูกชะตา' หรือ 'ถูกชะตา' กันตั้งแต่ต้นได้ด้วย แต่ในเรื่องงาน - มันก็อาจใช้บอกลักษณะเฉพาะที่จำเป็นในสายงานนั้นๆ ได้ ซึ่งเราอาจเรียกว่ามันเป็น 'ออร่า' หรือเป็น Vibe ของคนคนนั้นก็ได้
ลองย้อนกลับไปดูการทำงานของตัวเอง พบว่าก็มีสลับๆ กัน ทั้งอยู่ยาว (แบบยาวจริงๆ) และแบบอยู่สั้น (แบบสั้นจริงๆ) หลายหนอยู่เหมือนกัน
ทำงานที่แรก ใช้เวลา 7 ปี ถึงเปลี่ยนงาน แต่ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยน ก็อาจจะอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
งานที่สอง ใข้เวลา 5 เดือน พอรู้ว่าไม่ใช่ ก็รอให้ผ่านโปรฯ แล้วรีบเปลี่ยนทันที
งานที่สาม ใช้เวลา 2 ปี แล้วถูกชวนไปทำงานในที่ที่สี่
งานที่สี่ ทำอยู่สี่เดือน แล้วกลับไปทำงานกับที่ที่สาม แต่เป็นงานแบบใหม่ เลยถือว่าเป็นงานที่ห้า
งานที่ห้า ทำอยู่หนึ่งปี แล้วถูกชวนไปทำงานในที่ที่หก
งานที่หก ทำอยู่รวมทั้งหมด 20 ปี มีช่วง 7 ปีหลัง ที่เป็นที่ปรึกษา แต่ถือว่ายังรับเงินเดือนอยู่
งานที่เจ็ด ทำอยู่อีกหนึ่งปี
งานที่แปด (คืองานปัจจุบัน) ทำมาแล้วหนึ่งปีครึ่ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าหลักการของตัวเอง (คือไม่มีหลักการเอาเสียเลยจนไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง) มันใช้ได้ไหม แต่ก็ทำแบบนี้มาตลอด และพบว่าตัวเองก็ 'ถูกเลือก' จากผู้มาก่อนด้วยวิธีแบบนี้ - ในแทบทุกงานที่ทำด้วยเช่นกัน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย