Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชีวิตคือการเดินทางและการเรียนรู้
•
ติดตาม
15 ส.ค. 2022 เวลา 01:17 • ท่องเที่ยว
ปราสาทบันทายสรี (Prasat Banteay Srei) ตอนที่ 1
ปราสาทบันทายสรี (Prasat Banteay Srei)
ปราสาทบันทายสรี (ออกเสียงว่า "บัน-ทาย-สะ-รี) ออกเสียงตามภาษาเขมรว่า "บอน-เตีย-สะ-เรย" คำว่า "บอนเตีย" แปลว่า "ป้อม" และ "สะเรย" แปลว่า "สตรี" ดังนั้นคำว่า "บอนเตียสะเรย" จึงแปลว่า "ป้อมแห่งสตรี" เชื่อกันว่ามีที่มาจากชาวบ้านเห็นว่าเป็นปราสาทมีการแกะสลักลวดลายละเอียดงดงามเหมือนเป็นงานฝืมือผู้หญิงและมีกำแพงศิลาล้อมรอบเหมือนเป็นป้อม จึงเรียกว่า "บอนเตียสะเรย" หรือ "บันทายสรี"
มีศิลาจารึกปรากฎที่กรอบประตูของปราสาทหลังด้านทิศใต้ (ปราสาทมี 3 หลัง ตั้งเรียงกระดานบนฐานเตี้ยสร้างเพื่ออุทิศถวายให้เทพเจ้า 3 องค์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม ตามคติของ ตรีมูรติ)
กล่าวว่า พราหมณ์มหาราชครูชื่อ "ยัชญะวราหะ" เป็นผู้สร้างเมื่อมหาศักราชที่ 889 ตรงกับ พ.ศ.1510 ซีง "ยัชญะวราหะ" เป็นพราหมณ์ที่มีเชื้อสายกษัตริย์ คล้ายผู้สำเร็จราชการ ผู้ให้คำปรึกษา และเป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 จึงมีอำนาจมาก ท่านให้สร้างปราสาทหลังนี้
โดยคัดเลือกเฉพาะหินทรายสีชมพู และคัดเลือกช่างสลักฝีมือเยี่ยม แต่สร้างให้มีขนาดเล็กและอยู่นอกเมือง ห่างจากตัวเมืองพระนครถึง 30 กิโลเมตร เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ไปแข่งบารมีกับพระเจ้าแผ่นดิน ปราสาทหลังนี้สร้างในบริเวณที่เรียกว่า "อิศวรปุระ" ประดิษฐานรูปเคารพพระนามว่า "ตรีภูวเนศวร(ผู้เป็นใหญ่ในสามโลก)" น่าจะเป็นศิวลึงค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระอิศวร
ความโดดเด่นของปราสาทบันทายสรีไม่ได้อยู่ที่ขนาดและความสูง แต่เป็นคุณภาพของหินที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งคัดเลือกเฉพาะหินทราบสีชมพู ที่มีเนื้อแกร่งเท่านั้น และใช้ช่างฝีมือดีราคาแพงในยุคนั้น จึงได้พบรายละเอียดของลวดลาย ความคมและความลึกมากกว่าปราสาทหลังอื่นในศิลปะขอม
เคยมีผู้เปรียบเทียบว่า "ปราสาทบันทายสรี" มีขนาดเล็กแต่มีคุณค่าของงานศิลปะเป็นที่ 1 เหมือนเพชรที่ถูกคัดเลือกมา แม้มีขนาดเล็ก แต่มีน้ำงาม ปราศจากตำหนิ จึงเป็นเพชรเม็ดงาม ในศิลปะขอม
เนื้อหามาจาก "หนังสือ 30 ปราสาทขอมในเมืองพระนคร โดย ภภพพล จันทร์วัฒนกุล"
คัดลอกมาจาก "หนังสือ 30 ปราสาทขอมในเมืองพระนคร โดย ภภพพล จันทร์วัฒนกุล"
ปราสาทบันทายสรี อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งในฤดูร้อน ก็งามไปอีกแบบหนึ่ง ช่วงฤดูฝนก็ได้ความงามอีกแบบหนึ่ง ตอนที่ตนเองไปครั้งแรก ก็ไปแบบไม่ได้สนใจอะไร แต่พอได้มาอ่าน ได้มาศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับปราสาท ความเชื่อทางศาสนาของคนในสมัยโบราณ ทำให้ทึ่งมาก
จึงได้กลับไปกลับมาที่ปราสาทนี้อีกหลายครั้ง และก็ไปดูภาพแกะสลัก ที่ได้อ่านมาจากในหนังสือต่างๆ และย้อนกลับไปอ่านที่มาที่ไป เกี่ยวกับเรื่องศาสนาอีก ยิ่งทำให้ปราสาทนี้ มีเสน่ห์ มากยิ่งๆขึ้นไปอีก ❤️
จะเขียนภาพแกะสลัก ที่ตนเองได้ไปดูมา ในตอนที่ 2 อีกค่ะ 👌
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย