15 ส.ค. 2022 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
Personal Branding -3 ความแตกต่างสำคัญระหว่างพนักงานประจำกับการเป็นเจ้าของธุรกิจ
1
เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้ฟังคำบรรยายของมหาวิทยาลัย Standford เกี่ยวกับเรื่อง Personal Branding ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่ามันเป็นการบรรยายที่ดีมากๆเลยนะครับ
ส่วนนึงเพราะมันเป็นการบรรยายในหัวข้อนี้ที่จับต้องได้มากที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมา อย่างน้อยในความคิดของผมนะครับ อีกเหตุผลนึง เพราะผมว่าเรื่อง Personal Branding นี่เป็นเรื่องและจะว่าไปเป็นอีก skill ที่สำคัญในโลกสมัยนี้นะครับ
ตอนที่ฟังอยู่วิทยากรก็มีการตอบคำถามของผู้ฟังที่ถามมา ซึ่งหนึ่งในคำถามนั้น มีคนถามว่า เรื่อง Personal Branding เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำทุกคนหรือแค่เฉพาะบางคน หรือ บางสาขาอาชีพเท่านั้น
ฟังแล้วก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อมองในฐานะของพนักงานประจำ และ ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจ ก็เห็นได้ว่า…
เออเนอะ แม้จะเป็นเรื่องเดียวกันแต่พอมองในบริบทที่แตกต่างกัน เรื่อง Personal Branding เมื่อสวมหมวกพนักงานประจำกับเจ้าของธุรกิจ ก็มีความแตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
1
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ในความคิดของผม ผมเห็นด้วยว่า Personal Branding เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกๆคน ไม่จำกัดสาขาอาชีพใดอาชีพหนึ่งนะครับ
แต่แน่นอน บางอาชีพหรือบางคน อาจต้องใช้ Personal Branding มากกว่าอาชีพอื่นๆ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็จำเป็นสำหรับทุกๆคนในยุคสมัยที่ข่าวสารหรืออัตลักษณ์ใหม่ๆเกิดขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสมัยก่อนมากๆ
แล้ว Personal Branding ในมุมของ พนักงานประจำกับเจ้าของธุรกิจต่างกันยังไงหน่ะเหรอครับ
จริงๆ ก็มีมากมายหลายเรื่องนะครับ แต่ถ้าจะให้ผมจับมาหลักๆ ก็คงจะได้สามประเด็นใหญ่ๆ … ออกตัวก่อนนะครับ นี่เป็นมุมมองและความคิดเห็นของผม ซึ่งอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับใครก็ได้นะครับ
Personal Branding สำหรับพนักงานประจำมีมิติน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าของธุรกิจ
แน่นอน เมื่อเราเป็นพนักงานบริษัท เราย่อมมีคนที่เราต้องเกี่ยวข้องด้วยในระดับหนึ่ง ซึ่งโดยรวมๆสามารถจับกลุ่มคร่าวๆได้เป็นสามกลุ่ม คือ หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ของเรา
ซึ่งคนในแต่ละกลุ่ม ก็จะมี agenda เหมือนๆกัน
ด้วยธรรมชาติของธุรกิจ เจ้าของธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับคนในหลายมิติกว่า มากน้อยขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับ stage หรือ life cycle ของธุรกิจนั้น แต่โดยรวมๆ เจ้าของธุรกิจจะพบเจอคนในระดับต่างๆมากกว่าแค่ หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คนในแต่ละกลุ่ม ก็มักจะมี agenda ที่แตกต่างกันด้วย
ด้วยเหตุนี้ ในความคิดของผมนะครับ การทำ Personal Branding ของเจ้าของธุรกิจ จึงมีความซับซ้อนมากกว่าและอาจมีมิติหรือปัจจัยที่ต้องคิดถึงมากกว่า เมื่อเทียบกับ การทำ Personal Branding เมื่อเราเป็นพนักงานประจำ
Personal Branding สำหรับพนักงานประจำมีเวลาพัก แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องทำแทบจะ 24 ชั่วโมง
ด้วยลักษณะของการทำงาน ซึ่งปกติงานประจำจะมีเวลา cut off ของวัน เร็วช้าขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำงานมากน้อย เสร็จเร็วเสร็จช้าขนาดไหน แต่ในท้ายที่สุด เมื่อสิ้นวันหลังเลิกงาน คุณจะมีเวลาที่เรียกว่าเป็นส่วนตัวของตัวเองซึ่ง คุณจะมีเวลา break สำหรับ Personal Branding ในเวลางานของคุณ
แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจ อย่างน้อยๆในประสบการณ์ของผมนะครับ…คุณแทบจะทำงานตลอดเวลา อย่างน้อยๆในช่วงระยะเวลาเรื่มต้น หรือ ถ้าคุณเป็นคนที่สร้างธุรกิจขึ้นมา เมื่อ คุณทำงานตลอดเวลาโดยไม่มีเวลาพักหรือเวลาเลิกงาน…
แน่นอน สิ่งที่ตามมา คือ การทำ Personal Branding ในเวลาทำงานของคุณก็จะไม่มีเวลาพักหรือเวลาหยุด…เช่นกัน
Personal Branding สำหรับพนักงานประจำมุ่งไปที่ perception ที่เราอยากให้คนอื่นมีต่อเราเป็นหลัก ในขณะที่ เจ้าของธุรกิจมุ่งไปที่เป้าหมายที่อยากบรรลุเป็นหลัก
ออกตัวก่อนว่า สองอย่างนี้ไม่มีอะไรผิด อะไรถูก หรือสิ่งไหนดีกว่ากัน เป็นเพียงแค่บริบทที่แตกต่างกันทำให้การแสดงออกที่เหมาะสมมันต่างกัน เท่านั้นเองครับ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆด้วยการขับรถดีกว่า
สมมติคุณขับรถในเมืองเพลินๆ เอาในกรุงเทพก็ได้ครับที่มอเตอร์ไซด์ รถราต่างๆก็เยอะเหลือเกิน คุณจะใส่ใจป้ายบอกทางหรือรถรอบๆตัวคุณ ไม่ให้เฉี่ยวชนรถคุณมากกว่ากันครับ?
แน่นอน ป้ายคุณก็ต้องมอง แต่ผมคิดว่า focus หลักของคุณอยู่ที่รถรารอบๆคุณมากกว่า ใช่ไหมครับ
กลับกัน สมมติว่าคุณกำลังขับรถบนทางด่วนที่คุณไม่รู้ทางด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. คุณคิดว่าคุณจะให้ความสำคัญกับรถรอบตัวคุณหรือป้ายบอกทางมากกว่ากันครับ
แน่นอน รถรารอบๆคุณคุณก็ต้องมอง แต่ผมคิดว่า focus หลักของคุณอยู่ที่ป้ายบอกทางมากกว่า ใช่ไหมครับ
สำหรับผม นี่เป็น 3 มุมมองหรือ 3 เรื่องหลักๆเกี่ยวกับเรื่อง Personal Branding ที่แตกต่างกันระหว่างพนักงานประจำกับเจ้าของธุรกิจนะครับ
ซึ่งอย่างที่ผมบอก ไม่ได้มีอะไรถูกอะไรผิด แค่บริบทต่างกัน การแสดงออกที่ดีที่สุดก็แตกต่างกัน เท่านั้นเองครับ
จากพนักงานประจำ​ สู่คนทำธุรกิจ​ (From​ CBD​ with​ love)​
โฆษณา