โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะเป็นผู้คำนวณราคา NAV และเปิดเผยให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปทราบทุกสิ้นวันทำการ เพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่เป็นจริงตามสภาวะตลาดที่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยจะประกาศเป็น “มูลค่าต่อหน่วยลงทุน” เราจึงสามารถนำค่า NAV นี้ไปเปรียบเทียบกับมูลค่าต่อหน่วยลงทุนในตอนที่เราเริ่มลงทุน เพื่อดูว่าการดำเนินงานของกองทุนในตอนนี้ได้กำไรหรือขาดทุนได้อีกด้วย
NAV (Net Value Asset)
แล้วเราควรดู NAV ยังไง
ในประเทศไทยของเรา ทุกกองทุนเมื่อเริ่มต้นขายวันแรกจะมี “มูลค่าหน่วยลงทุน” อยู่ที่ 10 บาทต่อหน่วย เท่ากันหมด เพราะฉะนั้นเมื่อค่า NAV ที่ประกาศเมื่อสิ้นวันทำการมีค่าลดลงต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วย ก็แปลว่ากองทุนนั้นมีผลการดำเนินการที่ขาดทุน และในทางกลับกันหากค่า NAV มีค่ามากกว่า 10 บาทต่อหน่วย ก็แปลว่ากองทุนนั้นได้กำไรจากการลงทุนนั่นเอง
1
เพราะฉะนั้นการดูค่า NAV ในการเลือกลงทุนในกองทุนต่างๆ จึงไม่ใช่การมองหากองทุนที่มีค่า NAV ต่ำที่สุด แต่เราจะต้องดูแนวโน้มของค่า NAV จากการลงทุนเป็นหลัก หรือถ้าพูดให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นก็คือถ้ากองทุนไหนมีค่า NAV ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องก็แปลว่ากองทุนนั้นมีผลการดำเนินการที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
การดูค่า NAV
เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ NAV
1. เห็นค่า NAV ต่ำๆ ต้องรีบช้อนซื้อเพราะแปลว่าเราได้หุ้นราคาถูก
ซึ่งนั่นอาจทำให้เราขาดทุนเพราะกองทุนกำลังอยู่ในช่วงขาลงก็เป็นได้ เราจึงควรดูแนวโน้มของค่า NAV ย้อนหลังเพื่อประกอบการลงทุน
1
2. กองทุนที่มีค่า NAV สูง จะการันตีว่าผลตอบแทนจากกองทุนนั้นจะสูงตามไปด้วย ซึ่งความจริงค่า NAV ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนแต่อย่างใด แต่แนวโน้มของค่า NAV เป็นเพียงสิ่งที่แสดงให้เราเห็นว่ากองทุนนี้มีการจัดการกองทุนที่ได้กำไรหรือขาดทุนในช่วงเวลานั้น
1
3. ถ้าค่า NAV ลดลง แปลว่ากองทุนนั้นขาดทุน ซึ่งอาจจะไม่เสมอไป เพราะในความเป็นจริงจะมีกองทุนบางประเภทอย่างกองทุนที่จ่ายปันผล ค่า NAV สามารถลดลงได้หลังจากที่กองทุนมีการจ่ายปันผลออกมา เพราะเมื่อกองทุนมีผลกำไร กองทุนก็จะตัดจากมูลค่าหน่วยลงทุนหรือ NAV ออกมาเพื่อจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนซึ่งจะทำให้ค่า NAV ของกองทุนนั้นลดลงนั่นเอง