17 ส.ค. 2022 เวลา 03:54 • ท่องเที่ยว
ความจริงเกี่ยวกับ มอชอ...ตอน 2 😄
👉 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีชื่อย่อว่า มช.
👉 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีชื่อเล่นที่เป็นที่รู้กันของนักศึกษาว่า มอเฌองดอย
👉 มีสัญลักษณ์เป็นรูปช้างชูคบเพลิง
👉 ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือ ดอกทองกวาว
👉 สีประจำ มช. คือ สีม่วง
👉 มช. มีทั้งหมด 21 คณะและ 2 วิทยาลัย
มช.มีพื้นที่ประมาณ 8,502 ไร่เศษ แบ่งเป็น 3 ฝั่งใหญ่ๆคือ ฝั่งสวนดอกเป็นที่ตั้งของคณะสายการแพทย์ทั้ง 6 ฝั่งสวนสักเป็นที่ตั้งของคณะส่วนใหญ่และหอพักปี 1 ฝั่งแม่เหียะ เป็นที่ตั้งของคณะสัตวแพทยศาสตร์และอุตสาหกรรมเกษตร
👉 มช.ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ บรรยากาศเยี่ยม ธรรมชาติสวยงาม เหมาะแก่การเรียนการสอน แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ตึกผุดขึ้นมากมาย
👉 เด็ก มช. เกิน 50% เป็นคนเหนือ แต่ไม่ค่อยอู้เมืองหรือภาษาท้องถิ่น จะพูดภาษากลางกับคนเมืองด้วยกัน แต่ดัน ไปพูดภาษาท้องถิ่น กับ คนภาคกลาง อิสาน ใต้ ซะงั้น
👉 และถึงแม้จะพูดภาษากลางกัน แต่ถ้าฟังดีๆแล้ว ก็ยังมีความเป็นท้องถิ่นอยู่นะ 😄
👉 ศาลาธรรมเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวลูกช้าง มช.
👉 อีกทั้งศาลาธรรมยังเป็นที่ถ่ายรูปของทั้งหลายทั้งมวล ทั้ง นศ.ชั้นปีสุดท้าย และบัณฑิต ฯลฯ
👉 แต่ในเวลากลางคืนที่นั่น บรรยากาศ ชวนขนหัวลุก
👉 (อยู่นอกมอไปนิด) อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเป็นสถานที่ที่คนไปสักการะตลอดเวลา (ตี 4 ยังมีไปเรื่อยๆ นะเอ้า แล้วไม่ขาดสายด้วย)
👉 สถานที่พระราชทานปริญญาบัตร แต่เดิมคือ ศาลาอ่างแก้ว ปัจจุบันย้ายไปที่หอประชุม มช.
👉 ถนนในมอจะเป็นเนินๆ เยอะมาก
👉 ถนนใน มช. ไม่เท่ากันสักสาย เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่เชิงเขา
👉 เด็ก มช. สามารถเรียกมหาลัยตัวเองได้เต็มปากว่า มหาลัยมีระดับ เพราะถนนในมช.เล่นระดับพอสมควร
👉 ถนนหนทางจากคณะบริหารไปคณะวิจิตร ควรเรียกว่า ปอยเปตเมืองไทย หรือไม่ก็ถนนไปดาวอังคาร ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ถึงแม้จะมีตึกใหม่ผุดขึ้นมาก็ตาม
👉 อ่างแก้ว มีชื่อมาจากน้ำห้วยแก้วที่ไหลลงมาจากดอยสุเทพ เป็นอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศสายงาม ที่อยู่ใน ม. เคยมีหนังหลายเรื่องมาถ่ายเป็นโลเคชั่น (แต่หลายเรื่อง มหาวิทยาลัย ไม่อนุญาต เลยต้องไปถ่ายที่ อ่างเกษตร (อยู่ภายนอกมอ) แทนแล้วอ้างว่าเป็นอ่างแก้ว)
👉 คณะแพทยศาสตร์เป็นคณะที่มีอายุมากกว่า "ม.เชียงใหม่" (ก็ตอนแรกเป็นโรงเรียนแพทย์ ที่ตั้งมาก่อน "ม.เชียงใหม่" นี่นา)
👉 คณะแพทย์ จะนับรุ่น ตาม พ.ศ.ที่เข้ามาศึกษาพอดี เช่น เข้าปีหนึ่ง ปีการศึกษา 48 ก็รุ่น 48
👉 ตึกใน "ม.เชียงใหม่" ไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างสูงเกินกว่า 100 เมตร ตามกฎเทศบัญญัติที่ไม่ต้องการให้สร้างอาคารสูงบดบังดอยสุเทพ
👉 การดับไฟป่าบนดอยสุเทพ มักจะใช้น้ำที่ขนโดยเฮลิคอปเตอร์จากอ่างแก้ว
👉 หลังสี่ทุ่ม ห้ามอยู่ที่ อ่างแก้ว ไม่เช่นนั้น อาจโดนพี่ยามไล่ หลังจาก เที่ยงคืนไปแล้ว พี่ยาม ก็ ชิ่งหาย ตามเดิม
👉 ประตูเกษตร ปิด 1 ทุ่มทุกวัน (บางวันปิดเร็วกว่าก็มี) หลังจากปิดประตูตามเวลาแล้ว คนมักจะใช้เป็นที่จอดรถทุกวัน
👉 คณะเกษตรศาสตร์ มีร้านดอยคำ และมีกาดโก้งโค้งที่ขายเฉพาะวันพฤหัสฯ-ศุกร์ แรกของเดือน
👉 บัตรนักศึกษามช. เป็นบัตร ATM ได้ด้วย (ธนาคารไทยพาณิชย์) แต่ถ้าไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องเอาเงินไปเข้าบัญชีก็ได้ บัตรนั้นจะกลายเป็นแค่ บัตรประจำตัวธรรมดาๆ เวลาเรียนจบแล้ว เอาบัตรไปคืนที่ กองกิจฯ ได้เงิน 200 บาท
👉 โค้งสปิริต กับโค้งขุนกัณฑ์ (โค้งสุดท้ายก่อนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ) เป็นชื่อของโค้งเดียวกัน
👉 ช่วงไคลแมกซ์ในงานกีฬา Sport Day มีคนดูเยอะกว่าตอนแข่งกีฬาหลายเท่า (ช่วงไคลแมกซ์ เป็นช่วงโชว์หลีด โชว์สแตนด์ ร้องเพลงประจำคณะ ฯลฯ ซึ่งเริ่มต้นหลังพระอาทิตย์ตกดิน)
👉 เสียงระฆังของหอนาฬิกา ใช้ลำโพงกระจายเสียง ซึ่งหอนาฬิกาจะตั้งเวลาช้าไป 5-10 นาที มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นาฬิกาเสียไม่มีใครมาซ่อมนานเกือบ 1 เดือน (คิดว่าถ่านคงหมด)
👉 เมื่อก่อน รั้ว มช. ไม่ได้มีสีม่วง พึ่งมาเปลี่ยนเมื่อไม่กี่ปีมานี่แหละ
👉 น.ศ. ขี่มอ'ไซมาเรียนเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะใส่กระโปรงก็ตาม แถมไม่รู้เป็นอะไร ต้องเคยล้ม เคยชน ต้องมีเรื่องเพราะมอ'ไซ จนต้องหามส่งโรง'บาลสวนดอก
👉 คณะรัฐศาสตร์ (แยกออกมาจากสังคมศาสตร์), คณะนิติศาสตร์ (แยกออกมาจากสังคมศาสตร์), คณะการสื่อสารมวลชน (แยกออกมาจากมนุษย์ฯ) คณะสาธารณสุขศาสตร์ และวิทยาลัยการศึกษาและการจัดการทางทะเล
👉 ประตูข้างหน้ามอ เปิด 24 ช.ม. ประตูไผ่ล้อม (เปิด 7 โมงเช้า ปิด 9 โมงเช้าและเปิดอีกที 4 โมงเย็น ปิด 1 ทุ่ม) ประตูศึกษา (ไม่เปิดแต่เดินผ่านได้) ประตูวิศวะ ถูกปิดตาย (เมื่อก่อนเดินผ่านได้แต่ตอนนี้ถึงขั้นเอารั้วลวดหนามมาพัน) ส่วนประตูเกษตร (เปิด 7 โมงเช้า ปิด 1 ทุ่ม) และประตู ปตท.(เปิด 7 โมงเช้า ปิด 3 ทุ่ม) เปิดปิดเป็นเวลา ประตูข้างสวนสัตว์ เปิดเฉพาะช่วงงานรับปริญญาเท่านั้น
👉 ร้าน 7-11 ตรงปั๊ม ปตท. ป้ายบอกว่าเปิด 24 ชั่วโมง แต่ ปิด 3 ทุ่ม ปิดตามปั๊ม ปตท.
👉 ประตูหน้ามอมีโซ่ไปคล้องไว้ ให้คนเดินเข้าออกยากๆ เข้าออกได้ทีละคน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังอยู่ป่าว? - เดี๋ยวนี้ประตูล่ามโซ่แน่นขึ้นจนออกไม่ได้แล้ว แต่รั้วข้างๆ มีรู้โหว่พอให้ลอดออกไปได้อยู่ - -"
👉 ที่ มช. มีประเพณีรับน้องรถไฟ รับน้องปีหนึ่งจาก กทม. และต่างจังหวัด มาเชียงใหม่ นั่งชั้น 3 รับน้อง ร้องเพลงตลอดสาย พอถึงเชียงใหม่ตอนเช้าพี่ก็จะพาไปไหว้พระที่หน้ามอ
👉 การรับน้องรถไฟถือเป็นประเพณีรับน้องที่สำคัญของชาว มช. จะมีการบูมรอบขบวนรถไฟซึ่งดังกึกก้องไปทั่วหัวลำโพง
👉 เด็กกรุงเทพที่ติดคณะแพทย์จะได้รับการรับน้องทั้งหมดเกือบ 10 รับน้อง เช่น รับน้องกรุงเทพ รับน้องรถไฟ รับน้องคณะ รับน้องขันโตก รับน้อง.....บลา บลาๆๆๆ
👉 เด็กกรุงเทพและใกล้เคียงถ้าไม่ได้มารับน้องรถไฟจะเสียดายไปตลอดชีวิตเพราะความรู้สึกตอนปี 1 กับปี 2 ไม่เหมือนกัน
👉 ช่วงสอบ นศ. จะชอบออกมาอ่านหนังสือโต้รุ่งตามใต้ตึกต่างๆ
👉 ชมรมถ่ายภาพ จะมีรายได้หลักจากการขายภาพกิจกรรมต่างๆ เช่น sport day หรือ รับน้องขึ้นดอย
👉 เพลง มช. รำลึก เป็นเพลงที่บริษัท GMM-Grammy แต่งให้ มช.เนื่องในโอกาส มช. อายุครบ 40 ปี
👉 สาขาวิชาการหนังสือพิมพ์ คณะการสื่อสารมวลชน มีหนังสือพิมพ์เป็นของตนเองชื่อ "อ่างแก้ว"
👉 รับน้องขึ้นดอย วิศวะ ครองแชมป์ขึ้นอันดับ 1 ที่ 2 เกษตร ที่ 3 รัฐศาสตร์ ส่วนครองรางวัลอันดับสุดท้าย วิจิตรศิลป์ เพราะเดินไป ร้องเพลงไปจ้า
👉 สันทนาการรับน้องที่สนุกที่สุดเห็นจะเป็น คณะการสื่อสารมวลชน
👉 คณะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ผูกไทด์ (เพราะบางครั้งต้องลงแล๊ป จะไม่ค่อยสะดวก) >>>>> แต่ไม่มีแล็ปก็ไม่ใส่จร้า
👉 คณะเภสัชศาสตร์ มีไทด์สีเขียวมะกอก ภูมิศาสตร์ ไทด์สีน้ำตาล รัฐศาสตร์ ไทด์สีกรมท่า เศรษฐศาสตร์ ไทด์กรมท่าหัวตัด
👉 มช. เป็นมหาลัยที่อากาศดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่ปัจจุบันนี้ทำท่าว่าจะแย่ลง เพราะต้นไม้หายไปเยอะ กลายเป็นตึกเรียนแทน!
👉 ใครอยากรู้จักเด็กๆปีหนึ่งน่ารักๆ ไม่ต้องไปถามชื่อไปขอเบอร์เลย เพราะเค้ามีป้ายห้อยคอทุกคน ยกเว้นเด็กแพทย์ ไม่มีป้ายชื่อ
👉 มช. มีสถาบันภาษาเป็นของตนเอง นอกจากนี้ยังมีสถาบันวิจัยด้านวิทย์ สังคม และอื่นๆอีกมากมาย
👉 คณะที่คนกรุงเทพฯมาเรียนมากที่สุดคือ คณะแพทยศาสตร์ เทียบจากอัตราส่วนนักศึกษา รองลงมาคือ ทันตะ และ เภสัช
👉 คณะการสื่อสารมวลชน มีสถานีวิทยุเป็นของตนเอง (คลื่น 100.00 MHZ) และยังมีหนังสือพิมพ์อ่างแก้ว
👉 แต่ละปี แต่ละคณะจะมีการแสดงที่ถือเป็นการแสดงที่โดเด่นของแต่ละคณะ เช่น คณะการสื่อสารมวลชนมีละครเวที "ขยับปีก" วิจิตรศิลป์มีการแสดงดนตรีลูกทุ่ง "ลูกทุ่งวิจิตรฯ" วิทยาฯมีงานแสดงผลงาน "งานวิทย์ฯ" บริหารมีงานวัด "พัดหวน" สถาปัตย์มีละครเวที "ละคร'ถาปัตย์" วิศวะมีงานแสดงดนตรี "น็อต" เป็นต้น
👉 บัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคนจะสวมครุยสีดำแต่แถบตรงคอและไหล่สีจะไม่เหมือนกันในแต่ละคณะ
👉 คณะการสื่อสารมวลชนจะจัดละครเวที ที่เรียกว่า "ขยับปีก" ทุก ๆ เทอม 2 ของปีการศึกษา เป็นละครเวทีแนววาไรตี้ที่เสนอหลายเรื่อง ใน Theme เดียวกัน
👉 Theme ขยับปีกแต่ละปีจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น ปี 40 ขยับปีกรัก, ปี 50 ขยับปีก Colorful
ละครเวที "ขยับปีก" เริ่มต้นโดยแมสคอมรุ่น '30 โดยครั้งนั้นชื่อสร้อยของ ขยับปีก คือ ขยับปีก โป๋วโว่ววว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้โป๋วโว่วววมันคืออะไรหมายความว่าไง มันเกิดจากการสุมหัวคิดไอเดียและชื่อของละครเวทีที่ชาวแมสคอม ณ ขณะนั้น อยากจัดขึ้น คิดมากๆ คิดไม่ออก เพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาเล่นๆ ว่า โป๋วโว่ววว ทุกคนในที่ประชุมบอกว่า เออ กรูซื้อ เอาชื่อนี้เลย..
👉 ขยับปีกปีแรกได้รับการตอบรับด้วยดี ขายบัตรในราคา 30 บาท การแสดงเป็นวาไรตี้แนวใหม่ที่ครอบคลุมทั้งวงดนตรีลูกทุ่งสื่อสารพร้อมหางเครื่อง ลำตัด อีแซว งิ้ว รำวง และละครล้อเลียนเรื่องน้ำพุ ซึ่งตัวเอกของเรื่องกินน้ำชาซึ่งใช้แทนเหล้าในระหว่างการแสดงหลายรอบจน "อิ๊" ไม่ออกไปหลายวัน
👉 คณะการสื่อสารมวลชนจะไม่ประชันเชียร์ เวลาไคลแม็กซ์สปอตเดย์ แต่จะมีโชว์การแสดง (ที่ประชาสัมพันธ์ขยับปีกไปในตัว) ที่ถ้าพลาดแล้วจะเสียดาย
👉 ลานข้าวโพด คือ ลานหน้าตึก HB6 เพราะข้างหน้าตึกมีอนุสาวรีย์ข้าวโพดสีทองตั้งอยู่
👉 อุโมงค์ของเด็ก Mass Comm คือโถงทางเดินใต้ตึก HB6 (ใช้เป็นที่ประชุม สุมหัวทำงาน นัดเจอ)
👉 เด็กผู้ชายปีหนึ่งคณะวิจิตรทุกคน ต้องเริ่มเลี้ยงผมยาวใหม่เท่ากันหมด เพราะเข้ามาปีหนึ่งถูกจับตัดเกรียนหมดทุกคน
👉 คณะวิจิตร มช.ไม่ค่อยมีใครใส่ชุด นศ.ไปเรียน
ตอนรับน้องคณะวิศิตรจิ๋น (วิจิตรศิลป์) วันแรก ผู้ชายต้องตัดรองทรง ผู้หญิงต้องย้อมผมดำรวบตึงใส่เจลและต้องติดกิ๊บดำไม่ต่ำกว่า10ตัว
👉 ทุกคนจะมีชื่อ คณะ ชื่อคณะได้มาจากการ Present ตัวหน้าคณะที่ต้องฮาที่สุดแล้วรุ่นพี่ถึงจะให้ชื่อ บางคนต้องออกมาทำถึง 20 รอบเลยทีเดียว
👉 ในแต่ละปีจะมีพิธีเสี่ยงทายนางแก้ว และเลือกจตุรเทพ (คือผู้ชาย 4 คนที่คิดว่าหล่อที่สุดในรุ่น) ไปทำพิธีไหว้ครูคณะ ที่ลานสักทุกปี
👉 แต่ละปีก็จะมีนางแก้วตัวปลอม ผุดขึ้นมาอีกคน เป็นคู้ล้อกับนางแก้วตัวจริง คุณสมบุติคือต้องเป็นกะเทยที่ป่วง มึน ที่สุดในรุ่น ซึ่งขัดแย้งทุกประการกับนางแก้วตัวจริง
👉 อ.ต่างคณะจะชมเด็กวิจิตรปี 1 ว่าแต่งตัวถูกระเบียบแต่พอหมดรับน้อง อ.แทบอื้ง เพราะแต่ละคนแต่งตัวเหมือน แหย๋ม ยโสธร
👉 แล้วทำไมต้องแต่งตัวแนว แหยม ด้วยล่ะ
👉 งานลูกทุ่งวิจิตร ไม่ได้จัดทุกปี แต่มี 2 ปีครั้ง
👉 หลังคณะวิจิตร จะพบหลุมดวงจันทร์และดาวอังคารเป็นจำนวนมาก (ดีนะไม่เอาธงไปปักไว้เลยแล้วตะโกนว่า ยูเรก้า การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่)
👉 กีฬาสปอร์ตเดย์ คณะวิจิตรศิลป์ มีพื้นที่ทำแสตนด์เชียร์แค่ 2 เมตร และมักกั้นกลางระหว่าง วิศวะ กะ มนุษย์ เสมอ
👉 กีฬาสปอร์ตเดย์ คณะวิจิตรศิลป์ไม่แข่งทำสแตนด์เชียร์ ไม่แข่งร้องเพลงเชียร์ ไม่แข่งเชียร์หลีดเดอร์ เพราะมีพื้นที่ให้แค่ 2 เมตร จะเอาไปทำอะไรได้ คนนั่ง 10 คนก็เต็มแล้ว
👉 กีฬาสปอร์ตเดย์ การแสดงไคลแมก ตอนกลางคืน คณะวิจิตศิลป์ไม่มีพื้นที่แสดงเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยคณะอื่น มักมีปัญหากับเครื่องเสียงเสมอ จนต้องแสดงด้นสด แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทุกปี และป่วงทุกปี
👉 ประเพณีการแจกของ ไม่ใช่การโยนคุกกี้ขึ้นหอหญิง แต่อย่างใด แต่มีคนเคยทำมาแล้ว
👉 การแจกของ เป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งในช่วงการสอบ หรือที่มักจะเกิดตอนไฟดับ คำง่ายๆที่ใช้แจกกันก็คือ "(อวัยวะเพศชาย)!!!!!!!!!!" แต่จริงๆ สบถคำไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ
👉 ส่วนมาก นศ.ชาย (แทบทุกคน) เคยแจกของมาแล้วทั้งสิ้น และส่วนใหญ่ก็จะไปแจกตามหอหญิง วิธีแก้เผ็ดของนักศึกษาหญิงคือ เอาน้ำสาด (พวกแจกของก็จะกระเจิง เหมือนผีโดนน้ำมนต์) ฉายไฟใส่หน้า (พวกนี้จะไม่ถูกกับแสงไฟทุกชนิด เวลาโดนแสงแล้วจะต้องเผ่น....) บางทีนักศึกษาหญิงก็จะมีการแจกของกลับไปด้วย (เพื่อความเมามันส์ของชีวิต)
👉 พาหนะในการแจกของส่วนมากก็คือมอเตอร์ไซต์ (บ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็มากันเป็นแก็งค์มอเตอร์ไซต์เลยทีเดียว) แล้วก็มีบางส่วน (พวกงบน้อย หรือเด็กหอใน) ก็ใช้เดินแจกของเอา..(เวลาไฟมาทีวิ่งกลับหอแทบไม่ทัน อิอิ)
👉 ว่ากันว่า วันไหนไฟตก ไฟดับ จะมีโอกาสได้แจกของสูง แต่เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งไฟดับเป็นเวลานานหลายชั่วโมง (ตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่าจนถึงตี 2) แจกของ จนไม่เหลือ อะไรให้แจกแล้ว และมี น.ศ.ชาย 2 คน งานเข้า เพราะดันไปแจกของ
ให้ รองอธิการบดี ซึ่งกำลังขับรถผ่านหอ 1 หญิง (ประสบพบเจอเอง ได้ยินแกด่าด้วย เกือบซวยเลย)
👉 แต่ปกติตอนดึกๆ ช่วงสอบมันก็แจกกันอยู่แล้ว แต่ไม่ครึกครื้นเท่าตอนไฟดับ
👉 บางทีมีผู้หญิงมาแจกของด้วย แต่ส่วนมากจะเป็นผู้ชาย คำยอดฮิตก็ ก...ย, เ อี้......ย, ส..า..ด
👉 ใบดรอปจะกลายเป็นของหายากในทันทีที่ถึงวันสุดท้าย (อันนี้เวอร์ชันเก่า ปัจจุบันใช้เวอร์ชันใหม่ ใบใหญ่ขึ้น ใบเดียวก็เสียวได้ เพียงใบเดียวใช้ดรอปได้มากถึง 6 กระบวนวิชา)
👉 ถ้าจะดรอป ควรไตร่ตรอง แล้วรีบดรอปก่อนวันสุดท้ายประมาณ 2 วันกำลังดี เพราะวันสุดท้ายของการ drop ที่สำนักทะเบียน คนจะเยอะมากและใบ Drop เป็นของหายาก และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าครึ่งหนึ่งของแถวยาวๆ นั้นเป็นเด็กวิศวะ
👉 ที่ มช. หากใครไม่มียานพาหนะเป็นของตัวเอง หรือมีเพื่อนที่มีละก้อ "ตายยยยแน่"
👉 ภาพยนตร์หรือละครในปัจจุบันที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง กับ "มช." แทบไม่เคยได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำภายในเขตมหาวิทยาลัย
👉 กระแสหนึ่งก็เล่าว่า อ่างเก็บน้ำของ มช. เรียกว่า อ่างแก้ว เพราะ เป็นอ่างขนาดใหญ่และมีเศษแก้วแตก จากขวดเหล้าที่นักศึกษาไปนั่งดื่ม
👉 ถ้าวิดน้ำออกจากอ่างแก้ว สิ่งที่จะพบคือ ขวดเหล้า แก้ว รองเท้า ปิ๊กกีตาร์ กระเป๋า สมุดเปื่อยๆ เกียร์เงิน เกียร์ทอง (เอามาทิ้งตอนเลิกกับแฟน)
ในอ่างแก้ว มี ปลามังกร ปลาเทวดา ปลาคาฟพ์ ที่คนเบื่อเลี้ยงแล้วเยอะ
👉 ห้ามตกปลาที่อ่างแก้วมากิน (แต่เคยมีคนตกมันมาทำยำปลาในหอพักแล้ว)
👉 สถานที่ที่สามารถพบสาวแจ่มๆ ได้ง่ายๆ คือ ตึกคณะมนุษย์, ตึก RB3 และ RB5
👉 ดอกไม้จะมีทั่วมอในช่วงวันรับปริญญา มองดูคล้ายงานพืชสวนโลก
👉 หลังศาลพระภูมิ จะโดนมนุษย์ไทยยึดหัวหาดเสมอในวันรับปริญญา
👉 ผู้ชายมนุษย์จีน และผู้ชายคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์
👉 พอถึงหน้าหนาว ปี 1 ทุกคณะ จะมีการทำเสื้อกันหนาวของคณะตัวเอง ยกเว้นคณะวิจิตรศิลป์ที่ไม่มีเสื้อหนาวคณะ
👉 เด็กมช.มักไม่ค่อยใส่ชุดนักศึกษา เพราะจะมีเสื้ออื่นๆ มากมาย ทั้งเสื้อคณะ (หรือเสื้อ SHOP) เสื้อเมเจอร์ เสื้อภาค เสื้อจังหวัด เสื้ออำเภอ เสื้อสโม เสื้อชมรม ฯลฯ รวมไปถึงการใส่เสื้อขาวกางเกงยีนส์
👉 เด็กจากจังหวัดอื่น ถ้ามาเรียน มช. ปีแรก ไม่ต้องกลัวหลง เพราะอยู่ไปสักเดือนจะชินทางเอง (ไม่ต้องต่างจังหวัดหรอก เชียงใหม่เองก็เป็น)
👉 ในอดีต มีอาจารย์ภาษาอังกฤษที่ชื่อ Peter K. ทำให้เด็กใน Sec. (Section หรือ ตอนเรียน) ขอย้าย Sec. เรียนยกทั้ง Sec. เพราะสั่งงานชนิดเขี้ยว จี้กระทั่งเรื่องไร้สาระ และแจก F ยก Sec. ก็เคยมาแล้ว (เด็กได้ยินจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วย เลยขอย้าย Sec.) เลยมีคำขานนามว่า Peter lern to "F" ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Michel Learn to Rock นั่นเอง
👉 มีประเพณีวีน (รับน้องของพวกสาวประเภท 2) ซึ่งปี 1 ห้ามแต่งหญิงเด็ดขาดไม่งั้นโดน
วีน (สมาพันธ์กะเทยฯ) กะเทยไม่จำเป็นต้องเข้าก็ได้ไม่บังคับ
👉 ตึก Drawing คณะวิศวะ 4 ชั้น มีบันไดไม่ใช้เสา อายุราว 40 ปีได้ ไปลองดูได้
👉 RB5 มีแอร์ทุกห้อง แต่ห้องเล็กจะมีไว้เป็นที่พึ่งทางใจ
👉 ลิฟท์ตึก SCB1 คณะวิทยาศาสตร์ มีสามช่องลิฟท์ แต่มีใช้แค่สองตัว อีกช่องปิดตาย
👉 คณะสัตวแพทย์ กับ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มีที่ตั้งของคณะห่างจาก มช. ไปอีกหลายกิโล เรียกว่าฝั่งแม่เหียะ ส่วนคณะสายวิทย์สุขภาพจะไปกองอยู่ที่ฝั่งสวนดอก ซึ่งคณะส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณเดียวกันคือ ฝั่งสวนสัก
👉 สมาชิกสระว่ายน้ำรุจิรวงศ์ เสียค่าบริการครั้งละ 5 บาท นักศึกษาแสดงบัตรฟรี
👉 ใต้ RB5 เป็นที่ซ้อมอย่างดีของเด็กบอร์ดและบีบอย
👉 มีอยู่ช่วงหนึ่งถ้าจะขี่รถจากซุ้ม MC ข้างคณะมนุษย์ไปหอสมุดกลาง ต้องขับรถรอบมหา'ลัยหนึ่งรอบ เพราะถนนใน มช. ตอนนั้นกลายเป็น one way (ทั้งๆที่ห่างกันไม่ถึง100 เมตร)
👉 คณะมนุษย์ มีวิชาเลือกเสรี เป็นว่ายน้ำ เวลาเรียน คือ 08.00 หน้าหนาวด้วย
👉 มช. เคยมีคณะคาบาเร่ย์เก่าแก่ ชื่อ Rose Paper ปัจจุบันนี้ไม่มีอีกแล้ว
👉 ที่ภาควิชาฟิสิกส์ มีหมาชื่อคุณตึ๋ง เป็นเทอร์เรียสีขาว ชอบเข้าไปนั่งฟังบรรยายวิชาปีหนึ่ง จนอาจารย์บอกว่าถ้ามันเป็นคนคงจะจบด็อกเตอร์มานั่งสอนนักศึกษาแล้ว ปัจจุบันคุณตึ๋งตายแล้ว ถูกรถทับตายหน้าตึกฟิสิกส์
👉 ผู้ชายมนุษย์ มักจะขายไม่ค่อยออกในคณะตัวเอง เป็นสินค้าส่งออก
👉 เพลงคณะวิทยา คนต่างคณะมักจะได้ยินว่า "พวกเรา เต่านินจ๊า...." ซึ่งความจริงแล้วเขาไม่ได้ร้องอย่างนั้น
👉 ผู้ชายมนุษย์ไทยจะติดกิ๊บเป็นทุกคน คนละสามตัวเป็นอย่างต่ำ
👉 ประตูเล็กหน้า มช. เมื่อก่อนเปิดแงมๆไว้ให้ นศ. ออกไปซื้อของได้ หลังจากนั้นมีนโยบายให้ปิดประตูเล็ก นศ. จึงทำการไป "เลื่อย" ซี่กรงออกให้ลอดออกได้
👉 ผู้ชายคนไหน ถ้าอยู่ ชมรม วอลเลย์ฯ แล้วพูดป่าวๆว่าตัวเองเป็นแมน ยังไง๊ยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชาย
👉 สาว มช. ที่ น่ารักๆ นั้น 50% จะมีแฟนแล้ว
👉 สาวมนุษย์สาขาภาษาญี่ปุ่น ถูกยกให้เป็นภาควิชาที่เฉลี่ยแล้วน่าตาน่ารักมากที่สุด
👉 คณะที่ถือได้ว่าแต่งตัวได้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่สุด คือคณะวิจิตรศิลป์ และสถาปัตย์
👉 ตึก Com Science แอร์ในห้องเลคเชอร์จะถูกล๊อคไว้แม้จะแอบเปิดก็จะไม่ติด (แล้วมันจะติดแอร์ไปทำไม!!??)
👉 ภาควิชาเคมี มีอาจารย์ที่เอาเชือกมามัดไมค์แล้วคล้องคอในทุกๆคาบจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว และทำมาตั้งแต่รุ่นแม่ และยังไม่เลิกทำ
👉 ห้อง Slope ที่จุคนได้มากที่สุดในมช.อยู่ที่ภาควิชาฟิสิกส์ ติดกับ SCB2 คือห้อง SCB2100
👉 สนามน็อคบอร์ดบริเวณคณะศึกษา-โรงเรียนสาธิต มักถูกใช้เตะฟุตบอลมากกว่าเล่นน็อคบอร์ด
👉 วิศวะ ... จบ 3.5 - 4 ปี = พระเจ้า
👉 ในวิศวะ ผู้ชายเป็นคนทั่วไป แต่ผู้หญิงเป็นสมบัติคณะ
👉 มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนเข้าคณะวิดวะใหม่ๆ เป็นสมบัติคณะ แต่พอมีงานในคณะ แล้วมันขึ้นไปเต้นบนเวที คำสรรพนามที่เพื่อนๆ พี่ๆ เคยเรียกว่า น้องมิ้นท์ กลับกลายเป็น อีมิ้นท์ ทันทีที่มันเริ่มเต้น และมันหมดค่าในเวลาแค่ชั่วเพลงจบ
👉 สาวไหนเป็นแฟนเด็กวิศวะ มักจะได้เกียร์เงินติดตัวเสมอ (แต่นักศึกษาวิศวะบางคนก็ไม่มีเกียร์เงินจะให้ใครเช่นกัน)
👉 คณะรัฐศาสตร์จะมีตุ้งติ้งเป็นรูปสิงห์ขาว ซึ่งมีความเชื่อกันว่าต้องให้ตุ้งติ้งตั้งตรงอยู่ตลอดเวลา ถ้าสิงห์คว่ำจะไทร์ สิงห์หงายจะเปอร์
👉 เช่นเดียวกับเข็มพระวิษณุของวิดวะ (ปีหนึ่ง) เรียกกันลับหลังว่า "เป้อร์มิเตอร์" เอียงตามองศา กลับหัวรีไทร์
👉 แต่คณะวิทยาศาสตร์ไม่มีความเชื่อเรื่องเข็ม (เพราะเข็มเป็นรูปอะตอม มีสมมาตรแกนเอ็กซ์และแกนวาย จะหมุนจะกลับหัวจะเบี้ยวยังไง มันก็เหมือนเดิม (เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ))
👉 เข็มทุกเข็มทุกคณะถือว่าเป็นเข็มอะตอม เพราะในเข็มก็มีอะตอมอยู่ เพียงแต่ของวิทยามันเป็นเข็มอะตอมที่เรียงตัวเป็นแบบจำลองอะตอมเท่านั้นเอง (กำ)
👉 ถ้าวันหนึ่ง อ่างแก้วแห้งเหือด สิ่งที่จะพบ คือ ดิน หิน ขวดเหล้า และ เกียร์เงิน-เกียร์ทอง ข้อหลังเพราะอะไรนั่นหรือ ก็เพราะมันเลิกกัน ก็เลยเอามาขว้างที่อ่างแก้ว
👉 เป็นความจริงที่ว่าส่วนใหญ่สาวมนุษย์มักคู่กับหนุ่มวิศวะ (แต่ปรากฎว่าชายวิศวะบางคน กลับหลงรัก (ข้างเดียว) อยู่แต่กับเฉพาะสาววิศวะรุ่น (เกียร์) เดียวกันเอง และหนึ่งในชายบางคนที่ว่ามานี้ หลงใหลคลั่งไคล้ "รหัสข้าง" ของตัวเองเพียงข้างเดียวได้นานเป็นปีๆ และเป็น
เอามากถึงขนาดที่ว่า วันๆ ไม่เป็นอันทำอะไร ในหัวมีแต่หล่อน จนหล่อนเรียนจบ 4 ปีบริบูรณ์ไปก่อนแล้ว แต่ชายที่ว่านี้เขาจะยังต้องอยู่อีกหลายปี จนถึงปี 7 หรือปี 😎
👉 สโมสรนักศึกษาคณะสังคมเก่าเป็นบ้านสองชั้นสีฟ้า (เป็นที่อยู่ของตุ๊กแกสีฟ้าแป๊น 5-6 ตัว) ที่อยู่ตรงลานจอดรถด้านหลังคณะ
👉 คณะสังคมมีร้านขายผลไม้ เราเรียกลุงที่ขายผลไม้ว่า "ลุงส้ม" (ไม่ทราบนามจริง แต่เรียกกันจนติดปาก) ลุงส้มเป็นชายร่างเล็กอัธยาศัยดี ลุงส้มเป็นผู้รอบรู้ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ท่องเที่ยว เรื่องในคณะ เรื่องวงการบันเทิง จึงมักมีนักศึกษาไปสนทนาหาความรู้กับลุงเสมอๆ
👉 เกษตร กับ วิศวะ ไม่ถูกกันสักที ไม่รู้เป็นไร วิศวะก็ซิ่วมาเกษตร เกษตรก็ซิ่วไปวิศวะออกบ่อยไป (ตีกันไปทำไม เกียจกันไปทำไม ในเมื่อเราทั้งหมดก็เป็นลูกช้าง มช. เหมือนกัน...ไร้สาระ เฮ้อ)
👉 สนามฮอกกี้ (สนามซอฟท์บอล?)((<< ฮอคกี้อยู่หลังวิดวะ ซอฟท์บอลอยู่หน้าบริหารจ่ะ)) มักใช้สำหรับเล่นฟุตบอล นอกจากนี้ เป็นที่ตั้งเสารังวัดของวิชา Servey ของพวกวิศวโยธา >> เหมือนในหนัง"มหา'ลัยเหมืองแร่"
👉 ทุกคนคงจะรู้จัก ระเบียบเชียร์!!
👉 สปอร์ตเดย์ทีไร สแตนด์คณะแพทย์ กับ วิศวะหรูเลิศอลังการงานสร้างทุกปี เคยเข้าใจว่าน่าจะเป็นพวกสถาปัตย์ หรือ วิจิตรศิลป์ ซะมากกว่าบางปีก็จะพบว่าสแตนของวิจิตรศิลป์มีแต่ตุ๊กตากระดาษขึ้นสแตน!
👉 หลีด วิศวะ เน้นความแข็งแรง และจะมีหลีดผู้หญิงน้อยกว่าหลีดผู้ชายเสมอ
👉 หลีดวิศวะ (ถูกกำหนดมาให้)ไม่ค่อยยิ้ม ถ้ายิ้มจะเหมือนยิงฟันซะมากกว่า
👉 ในข่วงหลังเป็นต้นมา ผู้ชายมนุษย์ เน้นความ ถึก บึกบึน แข่งกับวิศวะ
👉 คนที่ใช้จักรยานใน มช. ส่วนใหญ่มักจะใช้ออกกำลังกาย เพราะมักจะเหนื่อยกับการปั่นขึ้นตรงเนินหอสมุด แต่ถ้าคิดว่ายังเด็ก ๆ ให้ไปลองปั่นแถวเนินคณะเศรษฐศาสตร์ดู แล้วจะติดใจ
👉 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาปรัชญา เป็นแหล่งรวมสาวสวยๆ และเหล่ายอดมนุษย์
👉 ทุกๆปีช่วงเดือน กรกฎาคม จะมีคณะหนึ่ง พาน้องขึ้นไปร้องเพลงบนสันอ่างแก้ว แล้วก็จะมีรุ่นพี่ตะโกนด่าปาวๆ อันเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการรับน้องของคณะนิติศาสตร์
👉 มีน้ำผลไม้ที่โรงอาหารคณะสังคม ชื่อร้านป้ารอด ป้ารอดเป็นคนอัธยาศัยดี พอตกเย็นแกก็จาอยู่คู่กับคุณ ลีโอ หน้าเฉิ่มเชียว
Cr. ไร้สาระนุกรมอีกแระ 😄
โฆษณา