17 ส.ค. 2022 เวลา 08:30 • ท่องเที่ยว
ปราสาทบันทายสรี (Prasat Banteay Srei) ตอนที่ 12
ภาพสลักกามเทพแผลงศร
บรรณาลัยหลังเดียวกับ "ทศกัณฐ์โยกเขาไกรลาส" หลังด้านทิศใต้ แต่เป็นหน้าบันทางทิศตะวันตก มีภาพสลักตอน "กามเทพแผลงศร" ในภาพมีพระศิวะประทับนั่งบนเขาไกรลาส (ฐานชั้นซ้อนทรงปิระมิด) กำลังเอื้อมมือยื่นสร้อยไข่มุกให้พระอุมา ที่อยู่เบื้องล่างด้านขวามือ ส่วนกามเทพกำลังโก่งคันธนูอยู่ทางด้านซ้ายมือของพระศิวะ
ส่วนด้านล่างเขาไกรลาส มีบรรดาเทพและสัตว์รูปร่างต่างๆและมีโคศักดิ์สิทธิ์ชื่อ โคนนทิ และกวาง ปรากฎอยู่ในภาพนี้ด้วย
ภาพสลักกามเทพแผลงศร ที่ปราสาทบันทายสรี
กามเทพแผลงศร (Kama)
แต่เดิมพระศิวะมีพระชายา ชื่อ นางสตี นางสตีเป็นหนึ่งในธิดา 33 องค์ของท้าวทักษะ (ท้าวทักษะเป็นโอรสพระพรหม) ท้าวทักษะไม่โปรดพระศิวะที่เป็นบุตรเขย เนื่องจากพระศิวะมีภาวะหลายรูปแบบ บางครั้งแสดงเป็นมหาเทพที่ยิ่งใหญ่ บางครั้งก็มีภาวะเป็นเจ้าแห่งภูตผี พระมฤตยู ชอบนำน้ำเหลืองจากซากศพมาทาตัว แล้วคลุกด้วยเถ้าถ่านที่เหลือจากการเผาศพ บางครั้งปรากฎในร่างที่เรียกว่า "ทิคัมพร"(นุ่งท้องฟ้าเป็นอาภรณ์) ไม่ใส่เสื้อผ้าเหาะเหินเดินไปทั่ว เป็นที่รังเกียจและอับอายแก่ท้าวทักษะเป็นอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่งท้าวอักษะจัดงานรื่นเริงที่วิมาน เชิญเทวดาที่เป็นบุตรเขย 32 องค์ ยกเว้นพระศิวะมาร่วมงาน นางสตีทราบข่าวจึงไปต่อว่าต่อขานท้าวทักษะที่ไม่ให้เกียรติพระสวามี ท้าวทักษะไม่ชอบพระศิวะอยู่แล้วเลยโกรธด่าว่า พระศิวะเป็นการใหญ่ นางสตียิ่งน้อยใจมากขึ้น จึงจุดกองไฟแล้วการกระโดดเผาตัวตายเพื่อบูชาความรักที่มีต่อพระศิวะ (ในสมัยโบราณหญิงหม้ายชาวฮินดูเมื่อสามีตายจะกระโดดเข้ากองไฟที่เผาศพสามีตายตามเรียกว่า "พิธีสตี")
เมื่อนางสตีดับสูญไป พระศิวะทราบเข้าก็โกรธกริ้วเป็นกำลังเสด็จมาอุ้มซากศพนางสตีและอาละวาดทำลายพิธีและวิมานของท้าวทักษะ จนเกิดความอลหม่านไปทั่ว พระวิษณุตื่นจากบรรทมขึ้นมาช่วยแก้ไข แต่ไม่สามารถขวางความโกรธของพระศิวะได้ จึงออกอุบายแอบเข้าไปตัดชิ้นส่วนซากศพนางสตีเอาไปซ่อน
เมื่อพระศิวะ ไม่เห็นศพนางสตีจึงค่อยทุเลาความโกรธลง เกิดความเศร้าโศกเสียใจมาแทนที่ หนีขึ้นไปนั่งที่ยอดเขาไกรลาส แล้วประกาศว่าจะไม่ขอยุ่งกับใครอีกเลย ขอบวชบำเพ็ญตบะเป็นฤาษีตลอดไป นางสตีได้กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นพระอุมา เฝ้าบำเพ็ญรอพระศิวะที่เชิงเขาไกรลาสเป็นเวลาหลายพันปี พระศิวะก็ยังไม่ลืมตาตื่น
มีอสูรตนหนึ่งชื่อ ตาระกาสูร ได้รับพรวิเศษให้มีร่างกายเป็นอมตะใครฆ่าก็ไม่ตาย ยกเว้นโอรสพระศิวะ อสูรตนนี้เที่ยวอาละวาดไปทั้งสามโลก ร้อนถึงหมู่เทวดาต้องมาชุมนุมหาวิธีกำจัดอสูรตนนี้ ในที่สุดจึงไปขอให้กามเทพช่วยไปแผลงศรรักใส่พระศิวะให้ตื่นขึ้นมา เพื่อเข้าพิธีสยุมพร (การแต่งงาน) กับพระอุมา จะได้ให้กำเนิดพระโอรสเพื่อไปฆ่าอสูรตนนี้ (โอรสองค์นี้คือ สกันทะหรือขันธกุมาร เทพเจ้าแห่งสงคราม เป็นผู้ที่ฆ่าอสูรตนนี้ตาย)
เมื่อพระศิวะถูกศรกามเทพทรงสะดุ้งตื่นตกใจ ลืมพระเนตรขึ้นทั้งสามพระเนตร พระเนตรที่ 3 บังเกิดไฟบรรลัยกัลป์ พุ่งเผาผลาญกามเทพจนหมดสิ้น นางระตีชายาของกามเทพเข้าประคองเถ้าถ่านของสามีและร้องขอให้พระศิวะคืนสามีกลับมาให้ พระศิวะจึงชุบชีวิตให้แต่คืนร่างกายให้ไม่ได้ เพราะไฟไหม้ไปหมดแล้ว ทำให้ปัจจุบันกามเทพยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีร่างกาย จึงไม่มีใครเห็นกามเทพอีกเลย เห็นเพียงผลงานที่ท่านแผลงศรทำให้คนรักกัน
เนื้อหาคัดลอกมาจาก "หนังสือ 30 ปราสามขอมในเมืองพระนคร ของภภพพล จันทร์วัฒนกุล" และ หนังสือ "เที่ยวเขมร ของ วีระ ธีรภัทร"
ติดตามเรื่องภาพแกะสลักของปราสาทบันทายสรี ในตอนที่ 13 นะคะ
โฆษณา