18 ส.ค. 2022 เวลา 12:54 • หนังสือ
📚วรรณกรรมแปล
ระลอกคลื่นยามค่ำคืน
さざなみのよる
ระลอกคลื่นยามค่ำคืน by คิซาระ อิซึมิ
“ ฉันอยากเป็นสถานที่ที่พร้อมให้คนกลับมา ฉันอยากเป็นคนที่มีใครสักคนคิดอยากกลับมาหาน่ะค่ะ “(135)
1
🍀🍀🍀
“ ช่างน่าขัน เพราะเดิมทีขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว ไม่มีใครสมหวังดังตั้งใจไปเสียทุกเรื่องหรอก เธอเริ่มเข้าใจเรื่องนี้ก็ตอนที่ตัวเองป่วย นึกอยากจะสั่งสอนตัวเองในตอนนั้นเสียเหลือเกินว่า จริง ๆ แล้วชีวิตที่ผ่านมามีความสุขมากกว่าที่ตัวเองคิดตั้งร้อยเท่าแน่ะ “(15)
“ ต่างคนต่างแต่งงานมีครอบครัว แยกย้ายไปอยู่ต่างถิ่นที่ไกลกัน แทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเลยก็จริง แต่การได้รับรู้ว่าเพื่อนยังมีชีวิตอยู่กับเพื่อนได้ตายไปแล้ว ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “(234)
“ เมื่อถึงเวลาก็ต้องตายทั้งนั้น ความรู้สึกต่าง ๆ ของคนที่เคยมีชีวิตอยู่คงค่อย ๆ ดับสูญไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งความรู้สึกที่เป็นลางร้าย ความรู้สึกยินดีปรีดา ความคับข้องใจ และความพยายามเต็มที่ “(241)
ก้าวต่อไปหลังการสูญเสียกับความทรงจำที่ยังนึกถึง
ผลงานเรียกรอยยิ้มและน้ำตาที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
จากผู้เขียน “ขนมปังของพรุ่งนี้ แกงกะหรี่เมื่อวันวาน”
นั่นคือถ้อยคำบนหน้าปกหนังสืออันโปรยเอาไว้เช่นนั้น หากได้อ่านหนังสือเรื่องขนมปังของพรุ่งนี้ฯ ทุกท่านคงจะเข้าใจแก่นแกนหลักหรือตีมของเรื่องว่าเกี่ยวข้องกับการ “สูญเสีย” บุคคลอันเป็นที่รักของใครสักคน
ในนวนิยายเรื่องนี้ก็มีกลิ่นอายเช่นนั้น เปิดมาก็พูดถึงการป่วยของ “นาซึมิ” ตัวเอกของเรื่อง ด้วยโรคมะเร็งและการเสียชีวิตในเวลาต่อมา กล่าวอีกนัยหนึ่งเธอมีอายุขัยอยู่บนโลกนี้ได้เพียง 43 ปีเท่านั้น ทว่าเรื่องราวในชีวิตเธอล้วนถูกร้อยเรียงให้เห็นถึงสัจธรรมและความเป็นไปของโลกนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ และชีวิตเธอที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งเกี่ยวข้องกับเธอทางตรงและทางอ้อม
และในสักวัน พวกเขาก็จะต้องดับสูญเฉกเช่นเดียวกัน
ออกจะฟังดูน่ากลัวใช่มั้ยคะทุกท่าน😅 จะบอกว่าในเรื่องนี้นั้น ไม่ได้มีมุมที่ทำให้น่ากลัวแบบตกอกตกใจเหมือนนิยายสยองขวัญอะไรประมาณนั้นนะคะ
แต่เป็นหนังสืออันทำให้เราตกตะกอนได้ว่า ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ทุกคนล้วนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่แล้วเมื่อชีวิต ๆ หนึ่งดับสูญ ถ้าหากเป็นคนที่เรารัก ไม่ว่าเราจะเสียใจมากขนาดไหนนั้น ชีวิตของเราก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี ไม่ว่าเข็มนาฬิกาจะเดินช้าหรือเร็ว เราทำได้เพียงต้องเดินไปกับมันก็แค่นั้นเพราะเรา “ยังมีชีวิตอยู่”
อย่างพี่สาวของเธอที่ชื่อ “ทาคาโกะ” พี่สาวคนโตสุดของครอบครัวนาสึมิ เคยผ่านการสูญเสียมาก็จะเข้าใจได้ว่าตอนนี้กำลังจะสูญเสียน้องสาวไป จึงจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่รออยู่เบื้องหน้า แต่เธอก็ไม่วายทำตามความต้องการของน้องสาว นาซึมิคลั่งไคล้การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งมากถึงขั้นขนาดที่เอ่ยปากว่า “ตายไม่กลัว กลัวไม่ได้อ่านการ์ตูนตอนจบ” ทาคาโกะก็พยายามไปหานักเขียนคนนั้นจนได้ และขอให้เขาบอกตอนจบเพื่อจะนำไปบอกน้องสาว
อีกทั้งผู้เป็นที่รักของเธอ “ฮิเดโอะ” สามีของนาสึมิ ที่สับสนในตัวเองว่าเขาคือใครหลังจากสูญเสียภรรยาไป เหมือนคนหลงทาง ในตอนที่นาซึมิมีชีวิตอยู่เขาได้เอ่ยกับนาสึมิว่า “นาซึมิอยากไปที่ไหน ผมก็จะตามไปทุกที่นั่นแหละ” เพื่อเอาอกเอาใจนาซึมิ ทว่าสุดท้ายแล้วชีวิตเขาก็ต้องดำเนินต่อไปทั้งที่ไม่มีภรรยาข้างกายเหมือนดังเดิม
รวมถึงคุณย่าของเธอ “คุณย่าเอมิโกะ” ที่เป็นคุณย่าผู้ล่วงรู้ความลับของครอบครัวโดยเฉพาะนาสึมิ โดยคุณย่าได้ทำตามคำปราถนาของหลานสาวเป็นครั้งสุดท้าย ขอแอบสปอยล์นิดนึงค่ะทุกท่าน เธอแอบรู้ว่าแม่ของนาสึมิให้ของเล็ก ๆ ชิ้นน้อย ๆ กับเธอ แต่ราคาไม่เล็กเลยนะคะ🥹
เพื่อที่ว่าจะให้นาสึมินำไปใช้เพราะห่วงลูกคนนี้มากสุด (นาซึมิมีพี่น้อง 3 คนรวมเธอด้วย เธอเป็นลูกคนกลาง นั่นแน่ ทุกท่านคนสงสัยละซีว่าทำไมถึงไม่ได้ให้ลูกคนเล็กนะ เพราะส่วนมากพ่อแม่มักจะเอ็นดูลูกคนเล็กสุด ด้วยประการฉะนี้ ถ้าอยากรู้ถึงความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าของเธอนั้น ขอฝากทุกท่านติดตามเธอด้วยนะค้า😅)
ทว่านาสึมิได้แต่เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี จนวันนึงให้คุณย่านำของชิ้นนี้ไปไว้ในที่ที่ทุกคนอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็น เพื่อจะเป็นตัวแทนของเธอเมื่อเธอจากไป จะได้มองทุกคนจากตรง ๆ นั้น
ขอบคุณภาพประกอบจาก unsplash
ถือว่าเป็นกิมมิคเล็ก ๆ ในเรื่องที่ดูน่าสนใจดีทีเดียวค่ะ รวมทั้งเรื่องราวที่บ้านของนาซึมิที่ประกอบกิจการครอบครัวโดยเปิดร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ ที่มีทำเลมองเห็นฟูเขาไฟฟูจิ อ่านไปก็จินตนาการไปแล้วรู้สึกสดชื่นดีนะคะ และได้เห็นว่าครอบครัวเขาดูแลร้านอย่างไร กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นฟูฟ่องเต็มเรื่อง
1
และจนกระทั่งเรื่องความลับของนาซึมิและคุณย่าเอมิโกะ ก็ถูกคลายปม และเชื่อมโยงไปถึงผู้คนหน้าใหม่ และผู้คนที่ดับสูญไป พออ่านจบแล้ว ก็ถึงได้เข้าใจค่ะว่าชีวิตของคน ๆ หนึ่งเมื่อถึงเวลาจะต้องปิดฉากลง ในฐานะผู้ร่วมแสดงละครแห่งชีวิตมาด้วยกัน เราจะจดจำความสัมพันธ์ที่มีระหว่างกันอย่างไรและเราจะนึกถึงเขาในด้านไหน เพื่อชีวิตเราที่ต้องดำเนินต่อไปหรือเพื่อจะพบเจอแสงสว่างในระหว่างทางที่ก้าวเดิน
ว่าแล้วในตอนนี้ก็นึกถึงประโยค ๆ นึงน่ะค่ะทุกท่าน “The show must go on” และความหวังจากหนังสือที่ว่า “ชีวิตต้องได้ไปต่อ” แต่คนที่รักจะอยู่กับเราในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน🥰
2
นักเขียน : คิซาระ อิซึมิ
นักแปล : ฤทัยวรรณ เกษสกุล
สำนักพิมพ์ : บิบลิ (Bibli)
สนนราคาหนังสือ(ปก) : 299 บาท
จำนวนหน้า : 248 หน้า
โฆษณา