17 ส.ค. 2022 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
ถ้าพูดถึงเครื่องมือหรือ framework ที่องค์กรต่างๆ นำมาใช้เพื่อช่วยให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ หลายคนอาจคุ้นเคยกับ KPI ซึ่งถูกใช้ในองค์กรทั่วโลกรวมถึงในไทยมาอย่างยาวนาน และในช่วงหลายปีหลังมานี้อาจได้ยินคำว่า OKR ที่เริ่มเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย
แล้ว OKR กับ KPI แตกต่างกันยังไง? องค์กรของคุณเหมาะกับอะไรมากกว่ากัน? ลองมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น จากหลักการที่แตกต่างกันของทั้งสองเครื่องมือนี้ได้เลย
KPI vs OKR แตกต่างกันยังไง? องค์กรคุณเหมาะกับเครื่องมือไหน?
◾KPI จะเน้นการเชื่อมโยงไปถึงการทำ Performance Management หรือ การบริหารผลการปฏิบัติงานของพนักงานในขณะที่ OKR เน้นเป้าหมายทางธุรกิจเป็นหลัก ตามหัวใจสำคัญของ OKR คือเป็นการตั้งเป้าหมายของบริษัท หรือทีม แต่จะไม่ได้ใช้ในการประเมินงาน และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานแต่ละคน
◾การกำหนดเป้าหมาย OKR จะเป็นลักษณะของ Top-down และ Bottom-up คือสามารถตั้ง OKR มาจากบนลงล่าง ในขณะเดียวกันก็สามารถมี feedback จากข้างล่างที่ส่งไปถึงข้างบนเพื่อปรับกันได้ด้วย ขณะที่ KPI โดยส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งจากข้างบนลงมาข้างล่าง อยากจะได้ตัวเลขความสำเร็จแบบไหนบ้าง ก็จะกำหนดจากข้างบนลงมา
◾OKR จะมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่าตามบริบทหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ในขณะที่ KPI โดยส่วนใหญ่จะมีความเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า สิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กรที่ตั้ง KPI เอาไว้ตอนต้นปี แล้วระหว่างปีเกิดมีเรื่องที่กระทบธุรกิจ เช่นสถานการณ์เศรษฐกิจ หรือโรคระบาด องค์กรที่ยึดมั่นใน KPI ที่ตั้งไว้จะไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ และอาจทำตาม KPI เดิมไปตลอดทั้งปี (แต่บางที่ก็มีการใช้ KPI ที่ยืดหยุ่นกว่านี้ เช่น อาจจะสามารถปรับ KPI ตอนกลางปีได้ หากสถานการณ์เปลี่ยนไป)
สำหรับ OKR โดยธรรมชาติจะมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน Business Model หรือบริบทของสถานการณ์ต่างๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยน OKR ได้ตลอดเวลา
◾OKR จะเน้นความโปร่งใสหรือ Transparency ค่อนข้างมากกว่า KPI ด้วยความที่มีการทำงานแบบ Cross-functional หรือทำงานข้ามฝ่ายข้ามทีมกันค่อนข้างเยอะมากกว่าองค์กรที่ใช้ KPI เป็นหลัก ดังนั้นการเห็น OKR ของคนอื่นจึงจำเป็นมากในการทำงานข้ามทีมกันเพื่อให้เกิดความสอดคล้องหรือเรื่องของ Alignment ให้ไปในทิศทางเดียวกัน
◾OKR จะเน้นเป้าหมายระยะสั้นมากกว่า KPI โดย OKR จะตั้งเป้าหมายเป็นรายปี และรายไตรมาส ซึ่งบาง Startup ที่เน้นความเร็วมากๆ ก็มีการซอยย่อยเป็นเป้ารายเดือน หรือแม้กระทั่งรายสัปดาห์
◾OKR จะเน้นตั้งเป้าหมายที่ไกล และท้าทายความสามารถ หรือ “Stretch Goal” เช่น การโตแบบ 10X หรือ ในขณะที่ KPI โดยส่วนใหญ่จะเน้นตั้งเป้าหมาย “Committed Goal” หรือเป้าหมายที่มั่นใจว่าจะไปถึงได้มากกว่า
ความแตกต่างที่ยกมาเปรียบเทียบในที่นี้อาจไม่ใช่ภาพแทนทั้งหมดของ OKR หรือ KPI ที่ใช้กันในแต่ละองค์กร ในหลายๆ ที่ก็ใช้ KPI ได้อย่างเข้ากับบริบทธุรกิจปัจจุบันมากขึ้นจนมีหลายส่วนคล้ายกับ OKR เช่นมีการตั้งเป้าหมายในระยะสั้นมากขึ้นให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
- Tips -
◾ไม่มีบทสรุปว่าอะไรดีกว่ากัน แต่ต้องเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับองค์กร เช่นหากองค์กรของคุณกำลังอยากจะทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำได้มาก่อน อยากจะตั้งเป้าหมายที่ทะเยอะทะยานมากๆ ก็อาจใช้ OKR ในการตั้งเป้าหมาย ในขณะเดียวกันในส่วนอื่นๆ ขององค์กรเช่นเรื่องของการต้องควบคุมการทำงาน แผนกที่ต้องทำเรื่อง Operation ต่างๆ การควบคุมการปฏิบัติการในการทำงานแต่ละวัน การใช้ KPI มากำหนดก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
ดังนั้นนอกจากจะไม่มีเครื่องมือไหนดีกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละองค์กร หลายองค์กรก็สามารถใช้ทั้ง KPI และ OKR ร่วมกันได้ เช่น ในลักษะของการใช้ OKR เป็นตัวตั้งและกำหนดผลลัพธ์ไปสู่เป้าหมาย และใช้ KPI มาช่วยเป็นตัวควบคุมและคอยตรวจสอบการทำงานให้ดำเนินไปได้อย่างปกติ เป็นต้น
เตรียมพบกับคอร์สที่จะพาไปปูพื้นฐานจนเจาะลึก Framework ในการทำงานสุดโด่งดังที่เป็นที่นิยมในหลายองค์ชั้นนำระดับโลกอย่าง OKRs กับคอร์ส OKRs: Objective and Key Results
🔥 ลงทะเบียนรับส่วนลดล่วงหน้ากว่า 40% จำกัดเฉพาะ 100 คนแรกเท่านั้น 👉 https://to.skooldio.com/v0W6pxW4ysb
โฆษณา