17 ส.ค. 2022 เวลา 14:14 • การศึกษา
ทฤษฎีพลังเวทของคาร์ล มาเลอร์
หลังจากที่เราได้ทำการศึกษาในเรื่องทฤษฎีพลังเวทมนตร์ จนพบอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจ คือทฤษฎีพลังเวทของคาร์ล มาเลอร์ ทำไมทฤษฎีนี้ถึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและถูกกล่าวว่าเป็นทฤษฎีที่เป็นทฤษฎีพลังเวทที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน
อย่างที่เคยกล่าวในบทก่อนหน้านี้ว่า มาเลอร์ได้ทำการทดลองถึงพลังเวทนั้นไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่ทำให้เวทมนตร์และวิชาต่างๆ แสดงผลได้ก็คือพลังงานรูปแบบต่างๆที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ และพลังเวทก็ไม่ใช่พลังพิเศษ แต่เป็นเรื่องของการฝึกฝนเพื่อควบคุมพลังเหล่านี้ มากกว่าจะเป็นพลังที่มีติดตัวมาแต่กำเนิดหรือเป็นพรจากพระเจ้า
มาเลอร์กล่าวว่า พลังเวทหรือวิชาต่างๆที่แสดงออกมาเป็นผลมาจากการที่มนุษย์ ใช้สมองส่วนหนึ่งในการบังคับพลังงานธรรมชาติต่างๆที่มีอยู่โดยทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น พลังงานแสง พลังงานไฟฟ้า พลังงานเคมี พลังวิญญาณ ให้เปลี่ยนรูปร่างและแสดงผลตามที่ต้องการ
โดยที่มาของพลังงานเหล่านี้นั้นแตกต่างกันออกไป ตามการฝึกและการใช้งาน เขาแบ่งออกตามหลักการ โลกตะวันตกและโลกตะวันออก
ในโลกตะวันออกมักเรียกใช้พลังงานวิญญาณ พลังงานความร้อน และพลังงานเคมี ที่เกิดภายในร่างกาย แล้วจึงเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ต้องการ ข้อดีของวิธีการนี้คือ สามารถเรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วและเป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เหมาะแก่การใช้ในสภาพที่ทุรกันดารและงานที่ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตน
แต่ข้อเสียก็คือ หากใช้ในเวลานานเกินไปจะทำให้พลังกายอ่อนแอลง เนื่องจากเป็นการดึงเอาพลังงานภายในร่างกายของตนเองมาใช้ หากยังฝืนทำต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายจากการที่อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำกว่ากำหนด และเซลล์ขาดพลังงานในการทำงาน ทำให้หมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ส่วนในโลกตะวันตก วิชาต่างๆมักเรียกใช้พลังงานจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบแล้วเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ต้องการ ซึ่งข้อดีคือ ทำให้เสียแรงน้อยกว่าและสามารถใช้ได้เป็นเวลานานเนื่องจากใช้พลังสมาธิและพลังสมองเท่านั้น แต่ข้อเสียของการใช้พลังงานนี้คือ เมื่ออยู่ในที่ที่มีปริมาณพลังงานน้อย ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานจะน้อยลงถึงขั้นไม่อาจใช้ได้ และอีกข้อเสียหนึ่งคือ การเรียกพลังงานจากสิ่งแวดล้อมอาจเป็นที่ผิดสังเกตได้ และไม่เหมาะอย่างยิ่งหากต้องการปกปิดการพลังนี้
ทฤษฎีนี้ได้แยกหลักการแปลงพลังเวทพื้นฐานเอาไว้ตามลักษณะธาตุหรือสายพลังต่างๆของธรรมชาติจากความเชื่อโบราณ ดังนี้
เวทสายธรรมชาติ อิงกับสี่ธาตุอันได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ มักใช้เพียงการควบคุมพลังงานกลในวัตถุ และการดูดหรืออัดความร้อนเข้าไปวัตถุที่ต้องการ การเรียกหรือหลอมรวมวัตถุเพื่อจุดไฟหรือสร้างเปลวไฟขึ้นโดยไม่มีเชื้อเพลิง
เวทสายเสริมพลังกาย สายนี้ไม่จำเป็นต้องฝึกมากนัก เพราะเป็นการเปลี่ยนพลังที่ได้มาแล้วอัดลงไปในกล้ามเนื้อโดยตรง แบ่งเป็นสองสายคือ สายพลังงานกล นิยมใช้ในหมู่นักรบทางตะวันออก เนื่องจากวิธีนี้สามารถเสริมแรงกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่ข้อเสียคืออาจเกิดอาการบาดเจ็บได้
เพราะกระดูกและร่างกายรับแรงจนเกินขีดจำกัด อีกสายหนึ่งคือสายพลังงานเคมี สายนี้จะอัดพลังงานลงไปในกล้ามเนื้อเพื่อเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ หรือใช้มันไหลเวียนทั่วร่างกายเพื่อเพิ่มพลังในระยะยาว ปลอดภัยและให้ผลยาวนานกว่า แต่พลังงานที่ได้จะไม่รุนแรงและได้ผลรวดเร็วอย่างพลังงานกล
เวทสายเรียกและหลอมรวมวัตถุ เวทสายนี้ยุ่งยากและซับซ้อนมาก ทำงานโดยการเปลี่ยนพลังงานที่ได้มาให้เป็นพลังงานกลและพลังงานเคมีเพื่อใช้ในการแยกสารที่ต้องการออกมาจากวัตถุอื่นๆ ก่อนจะหลอมให้เป็นก้อนด้วยการใส่พลังงานความร้อนเข้าไป
เวทสายเปลี่ยนคุณสมบัติวัตถุ เป็นเวทที่ยุ่งยากและซับซ้อนรวมถึงเปลืองแรงมากที่สุดในบรรดาสายเวททั้งหลาย เนื่องจากต้องใช้พลังงานที่ได้มาในการเปลี่ยนรูปสสารที่ต้องการ เวทสายนี้เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงยุคกลาง ด้วยชื่อ การเล่นแร่แปรธาตุ แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้สามารถขุดหาแร่ที่มีค่า และเปลี่ยนคุณสมบัติโลหะได้ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ผู้ใช้เวทสายนี้จึงเหลือจำนวนไม่มากและมักจะเป็นการใช้รวมกับสายเวทอื่นๆ
เวทสายพลังงาน เป็นสายที่บังคับพลังงานโดยตรงเพื่อให้เกิดผลที่ต้องการ แม้จะไม่ยุ่งยากในการเปลี่ยนพลังงานเหมือนสายอื่นๆแต่กลับต้องใช้สมาธิและการฝึกฝนอย่างมากในการบังคับพลังงานให้เป็นไปตามต้องการอย่างแม่นยำ ตัวอย่างของเวทสายนี้คือการหักเหพลังงานแสงออกจากวัตถุที่ต้องการ หรือที่เรียกกันว่ามนตร์พรางตัว
จากการศึกษาเรื่องทฤษฎีพลังเวทของคาร์ล มาเลอร์ ทำให้เรานึกถึงการใช้กำลังภายในของชาวจีนที่เรามักเห็นกันตามภาพยนตร์จีนโบราณ หรือแม้แต่การฝึกการต่อสู้แบบจีนที่เน้นการส่งพลังจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่งของร่ายกายซึ่งต้องใช้การฝึกฝนอย่างมากถึงจะสามารถทำได้
โฆษณา